ข่าวประชาสัมพันธ์..
“ซันเดย์” ปิดดีลระดมทุนรอบ Series B มูลค่ารวมกว่า 45 ล้านเหรียญสหรัฐ
Sunday Thailand อินชัวร์เทคสัญชาติไทย ผู้นำในการให้บริการการประกันภัยและเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบ Series B โดยได้ Tencent และนักลงทุนชั้นนำมาร่วมลงทุนอีกจำนวนมาก อาทิ SCB 10X, Vertex Growth and Vertex Ventures Southeast Asia & India, Quona Capital, Aflac Ventures และ Z Venture Capital ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากนักลงทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ โดยนักลงทุนจะเข้าร่วมลงทุนกับ KSK Ventures ซึ่งในรอบนี้ ซันเดย์ได้รับเงินระดมทุนกว่า 45 ล้านเหรียญสหรัฐ เรียกได้ว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นอย่างมาก
โดยเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ในการขยายตลาดค้าปลีก (Retail) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ การรับประกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และประกันภัยรถยนต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการให้บริการลูกค้าประกันสุขภาพกลุ่ม กลุ่มลูกค้าองค์กร SMEs และพาร์ทเนอร์ต่อไป
“เราเชื่อว่าผู้บริโภคตระหนักและให้ความสำคัญกับประกันสุขภาพมากขึ้น รวมถึงยังเปิดกว้างในการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบออนไลน์ เราวางแผนที่จะขยายแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการขายปลีกผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้แก่ลูกค้าประกันสุขภาพกลุ่มและลูกค้าของพาร์ตเนอร์ของเรา ได้อย่างสะดวกและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นทั้งในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย เราเชื่อมั่นว่าด้วยการสนับสนุนจากนักลงทุนของเราจะทำให้เราสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเอเชียได้อย่างแน่นอน” ซินดี้ กัว ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันเดย์ อินส์ จำกัด กล่าว
“SCB 10X มีความรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเติบโตในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ “ซันเดย์” การที่ ซันเดย์สามารถให้บริการแบบ End-to-End ตั้งแต่การออกแบบและการรับประกันภัย ตลอดจนการขายและการให้บริการในช่องทางต่าง ๆ เป็นสิ่งที่สร้างสวามแตกต่างอย่างมากให้กับซันเดย์เมื่อเทียบกับบริษัท InsurTech รายอื่น ๆ เราเชื่อมั่นในทิศทางการทำงานของซันเดย์ที่จะสร้างนวัตกรรมดิจิตัลด้วยการใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิงในการทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยมีราคาที่จับต้องได้ และมีความเหมาะสมกับแต่ละบุคคล เราพร้อมที่จะร่วมงานกับทีมซันเดย์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันวงการประกันภัยให้เข้าสู่ยุคดิจิตัล” นางมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด กล่าว
ซันเดย์ก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2560 บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยี AI และแมชชีนเลิร์นนิงมาประยุกต์ใช้ในการรับประกันภัยสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ และประกันสุขภาพกลุ่ม รวมถึงการพัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มในการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการการประกันสุขภาพแก่ลูกค้าองค์กร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ฝ่ายบุคคล นอกจากนี้ ซันเดย์ยังได้พัฒนาซูเปอร์แอปฯ Sunday Service เพื่อให้ลูกค้าผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าถึงการให้บริการสุขภาพแบบไร้เงินสด (Cashless) ไม่ว่าจะเป็นการเคลม การปรึกษาแพทย์ออนไลน์ หรือการจัดการกรมธรรม์ต่าง ๆ
ซันเดย์ได้สร้างแบบจำลองข้อมูลแบบไดนามิกเพื่อช่วยในการคำนวณความเสี่ยงและเบี้ยประกันภัยแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ เพื่อให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างรวดเร็วและสามารถจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างฉับไว
“เราสร้าง AI Engine ของเราด้วยความพิถีพิถัน เพื่อมุ่งเน้นในการแก้ปัญหาการทำงานที่ขาดประสิทธิภาพของกระบวนการการให้บริการประกันภัยแบบเดิม ๆ ตั้งแต่ การนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ ๆ การแก้ปัญหากระบวนการเคลมที่ซับซ้อนให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น การนำ AI แชทบอทเข้ามาช่วยในการตรวจสอบเกี่ยวกับอาการป่วยของลูกค้าเบื้องต้น เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการที่จะรุนแรงมากขึ้น ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรา เรามีความพร้อมที่จะขยายขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการให้บริการประกันภัยด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อสามารถที่จะตอบสนองต่อความเสี่ยง และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน” นายสุรเดช พานิช ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Chief Data Scientist) บริษัท ซันเดย์ อินส์ จำกัด กล่าว
ปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทซันเดย์เติบโตกว่า 100% และได้ให้บริการลูกค้าไปแล้วมากกว่า 1.6 ล้านราย ในจำนวนนี้ กว่า 90,000 รายเป็นลูกค้าประกันสุขภาพกลุ่มจากอุตสาหกรรมชั้นนำ อาทิ การเงินการธนาคาร ภาคการผลิต อุตสาหกรรมการค้าปลีก นอกจากนี้ ซันเดย์ยังได้มีการให้บริการการรับประกันสมาร์ทโฟนแบบรายเดือน (Subscription-based) ผ่านทางพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ ของซันเดย์อีกด้วย โดยในปีนี้บริษัทได้มีการขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเจาะกลุ่มตลาดเอเย่นต์ กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) และพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ เพิ่มเติม
เกี่ยวกับ ซันเดย์
ซันเดย์ คือ ผู้นำเทคโนโลยีอินชัวร์เทคสัญชาติไทย ที่ให้บริการประกันภัยด้วยแพลตฟอร์มขายและให้บริการแบบครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยที่ออกแบบเฉพาะตัวบุคคล เพื่อตอบโจทย์ความเสี่ยงทุกรูปแบบของลูกค้าทั่วไปและลูกค้าธุรกิจ นอกจากนั้นยังนำเสนอ Value Chain รูปแบบใหม่ซึ่งจะสร้างคุณค่าให้กับภาคธุรกิจประกันภัยทั้งระบบ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบ end-to-end ผ่านคู่ค้าและช่องทางการขายของบริษัทฯ เอง
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.easysunday.com
同時也有14部Youtube影片,追蹤數超過25萬的網紅iT24Hrs,也在其Youtube影片中提到,Office Solutions แบบครบวงจร สะดวกด้วยบริการ One Stop Service จาก Konica Minolta บริษัท Konica Minolta ปรับกลยุทธ์การตลาดครั้งใหญ่ พัฒนาบริการแบบใหม่...
「บริษัท service」的推薦目錄:
- 關於บริษัท service 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於บริษัท service 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於บริษัท service 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於บริษัท service 在 iT24Hrs Youtube 的精選貼文
- 關於บริษัท service 在 คิดเรื่องอยู่ ThinkofLiving Youtube 的最佳解答
- 關於บริษัท service 在 MAX AF12 Youtube 的精選貼文
- 關於บริษัท service 在 ServiceStation.co.th 的評價
- 關於บริษัท service 在 E-Service 的評價
- 關於บริษัท service 在 อ๊อดจะไม่โกรธ | HA SERVICE | บริษัทฮาไม่จำกัดจัดเต็ม | EP.18 的評價
บริษัท service 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สัมภาษณ์พิเศษ เจ้าของ TQM บริษัทนายหน้าประกันที่มุ่งมั่นจะมีอายุ 100 ปี
“ปี 40 ธุรกิจที่อยู่ในมือเจ๊งหมด เหลือแค่ธุรกิจประกันภัยของคุณพ่อที่ยังอยู่
มันคงเป็นชะตากำหนดมาแล้ว ให้เราต้องสานต่อ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นไม่ชอบธุรกิจประกัน”
ใครจะคิดว่าจากธุรกิจที่ตัวเองไม่ชอบ
แถมเมื่อมารับช่วงต่อจากคุณพ่อ บริษัทมีพนักงานไม่ถึง 10 คน
และมีฐานลูกค้าอยู่ในมือไม่ถึง 100 ราย
เวลาผ่านไป 23 ปี เจ้าของประโยคดังกล่าว
กลับสร้างบริษัทที่รับช่วงต่อจากคุณพ่อจนมีเบี้ยประกัน 15,020 ล้านบาท
มีพนักงานกว่า 4,000 คน และมีฐานลูกค้ากว่า 3 ล้านคน
บุคคลที่ ลงทุนแมน กำลังพูดถึงก็คือ ดร.อัญชลิน พรรณนิภา
ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM
บริษัทธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่อยู่ในเมืองไทยมานาน 68 ปี
ความน่าสนใจเรื่องนี้มันอยู่ที่ว่าจากธุรกิจเล็ก ๆ ของครอบครัว
ปัจจุบัน TQM ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัท นายหน้าประกัน อันดับหนึ่งเมืองไทย และเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยเพียงรายเดียวที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET ได้อย่างไร
ที่น่าสนใจ TQM ปรับตัวอย่างไรจากยุคที่ต้องเดินขายประกันตามบ้านมาสู่ยุคดิจิทัล
ลงทุนแมน จะสรุป บทสัมภาษณ์นี้ให้ฟัง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 40 ดร.อัญชลิน ตัดสินใจรับช่วงธุรกิจบริษัทนายหน้าประกันต่อจากคุณพ่อ
เนื่องจากทุกธุรกิจที่มีอยู่ในมือ โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานจนต้องปิดกิจการทั้งหมด
จะเหลือแค่ธุรกิจนายหน้าขายประกันของคุณพ่อ
เวลานั้นเขารู้สึกว่าหรือโชคชะตาลิขิตให้ต้องรับช่วงต่อ
ก็เลยตัดสินใจเข้ามาบริหารบริษัท โดยเขาเป็นทายาทรุ่นที่ 3
เมื่อเข้ามาบริหารเต็มตัว เขาสังเกตว่าใน 1 วันพนักงานขายประกันของบริษัทต้องเดินทางไปหาลูกค้า
แล้วอย่างเก่งใน 1 วันก็เจอลูกค้าได้แค่ 3 - 4 คน แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะปิดการขายได้หรือไม่
โจทย์เลยมาอยู่ที่ว่าจะทำยังไงให้ 1 วันของพนักงาน 1 คนพบลูกค้าได้มากขึ้น
ดร.อัญชลิน จึงตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้วิธีขายประกันทางโทรศัพท์ โดยเริ่มต้นจากฐานลูกค้าเก่า
วิธีนี้ข้อเสียคือจะไม่ได้พบหน้าลูกค้าโดยตรง และอาจทำให้ปิดการขายได้ยาก ต้องขายประกันภัยที่เข้าใจง่าย ลูกค้ารู้จัก เช่น ประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ
แต่ข้อดีคือทำให้ 1 วันของพนักงาน 1 คนสามารถคุยกับลูกค้าได้ 30 - 40 ราย
พร้อมกับมีการอบรมวิธีการขายให้สั้น กระชับ เข้าใจง่าย และปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ผลที่ได้คือยอดขายประกันโตแบบก้าวกระโดด แถมยังได้ข้อมูลลูกค้าเพิ่มขึ้น
จากนั้นก็เริ่มขยายธุรกิจไปในหลาย ๆ จังหวัด พร้อมกับมีบริษัทประกันที่เป็นพันธมิตรมากขึ้น
ทำให้ปี พ.ศ. 2547 จากบริษัทห้องแถวเล็ก ๆ TQM ก็ลงทุนสร้างสำนักงานใหญ่ย่าน ลาดปลาเค้า
พร้อมกับลงทุนสร้างระบบ Call Center บนพื้นที่ 2,000 ตร.ม. และมีพนักงานกว่า 200 คน
จากนั้นบริษัทก็มีรายได้และกำไร จนถึงจำนวนพนักงานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
เวลาผ่านไป 10 กว่าปี การมาของ Smartphone และ Social Media ได้เปลี่ยนโลกธุรกิจทั้งใบ
ปรากฏการณ์นี้ ดร.อัญชลิน รู้ดีว่าหากบริษัทเก่าแก่อย่าง TQM ปรับตัวไม่ทันอาจเพลี่ยงพล้ำ
ที่น่าสนใจ เขากลับมองว่า โลกที่กำลังเปลี่ยนไป มันไม่ใช่วิกฤติ
แต่มันคือโอกาสทองของบริษัทที่จะทำลายข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างในธุรกิจประกันภัย
ทำให้บริษัท TQM ตัดสินใจลงทุนกว่า 200 ล้านบาทในเรื่องเทคโนโลยีและดิจิทัล
พร้อมกับเกิดการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่น
ในอดีตพนักงานขายจะโทรศัพท์หาลูกค้า ก็จะมีออนไลน์เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งช่องทาง
ทำให้สามารถทำงานได้ ทุกที่ ทุกเวลา จนถึงค้นหาข้อมูลลูกค้าต่าง ๆ
ก็เปลี่ยนจากแฟ้มเอกสารมาอยู่ในระบบ Big Data ของบริษัทที่รวดเร็วและแม่นยำ และ Data Analytic ทำให้ผลสำเร็จสูงขึ้น
จนถึงการใช้เทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุนต่าง ๆ
ดูเหมือน TQM จะมาถูกทางเมื่อรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง
ปี 2561 รายได้ 2,525 ล้านบาท กำไร 404 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 2,784 ล้านบาท กำไร 507 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 3,136 ล้านบาท กำไร 702 ล้านบาท
การเติบโตขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน อย่างเดียว
แต่รู้หรือไม่ว่า..ลูกค้าที่ซื้อประกันผ่าน TQM กว่า 80% เมื่อหมดสัญญาจะต่อกรมธรรม์
ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่อยู่ 60% และเมื่อบวกกับฐานลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ส่งผลให้ปัจจุบัน TQM มีฐานลูกค้าเกือบ 3 ล้านรายทั่วประเทศ
แล้วเบื้องหลังความสำเร็จนี้ มันเกิดจากอะไร ?
TQM ตระหนักดีว่า หัวใจสำคัญของประกันภัย ไม่ใช่เพียงแค่ขายเก่ง แต่ต้องบริการเป็นเลิศด้วย
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ณ วันนี้ TQM มีพนักงานกว่า 4,000 คนและมี 96 สาขาทั่วประเทศ ทั้ง Sale & Service เป็น Economies of scale ในการเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ ที่หลาย ๆ บริษัทประกันไม่สามารถทำได้
พอเป็นแบบนี้ก็เลยทำให้บริษัทประกันในเมืองไทยเกือบ ๆ 40 บริษัท
เลือกให้ TQM เป็นนายหน้าขายประกันให้แก่ตัวเอง
ไม่ใช่แค่นั้นแต่ TQM ยังรับหน้าที่ outsource บริการหลังการขายให้แก่บริษัทประกันต่าง ๆ
จุดนี้เองที่ทำให้ได้ใจลูกค้าไปเต็ม ๆ ตัวอย่างเช่น
สมมติหากลูกค้าเกิดรถชนต้องเคลมประกัน
พนักงาน TQM ก็จะดำเนินการให้ทันที โดยลูกค้าไม่ต้องทำเรื่องเคลมเองให้วุ่นวายและยังคอยดูแลการชดใช้ค่าสินไหมที่เป็นธรรมด้วย
ที่สำคัญธุรกิจนี้ก็ยังสร้างรายได้มหาศาลคิดเป็น 40% จากรายได้ทั้งหมดของบริษัท
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่า TQM เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ
และไม่น่าจะมีความท้าทายอะไร แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เมื่อ ดร.อัญชลิน บอกว่าถึง TQM จะเป็นผู้นำตลาดนายหน้าขายประกันด้วยเบี้ย 15,000 ล้านบาท
แต่กลับมีส่วนแบ่งไม่ถึง 5% จากเบี้ยประกันในเมืองไทยทั้งหมดเกือบ ๆ 1 ล้านล้านบาท ต่อปี
ส่วนอีกเรื่องก็คือ คนไทยยังทำประกันไม่มาก
รู้หรือไม่ว่า รถบนถนนเมืองไทยที่สามารถทำประกันได้มีถึง 20 ล้านคันแต่มีเพียง 60% ที่ทำประกัน
ขณะที่บ้านในเมืองไทยมี 26 ล้านหลัง แต่มีเพียง 3 ล้านหลังที่ทำประกันอัคคีภัย รวมถึงประกันสุขภาพประกันชีวิต ที่ยังเติบโตได้อีกมาก
ข้อมูลตรงนี้ ทำให้รู้ทันทีว่า TQM ยังมีความท้าทายรออยู่ตรงหน้า
เพราะตลาดยังมีโอกาสอีกมหาศาล ในการเพิ่มฐานลูกค้าและเบี้ยประกัน
ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่ว่า..จะทำได้ดีแค่ไหน ?
สุดท้าย ลงทุนแมน ได้ถามว่าความหวังอันสูงสุดในการบริหาร TQM คืออะไร
ดร.อัญชลิน บอกว่าเขาอยากเห็นคนไทยทุกคนมีประกันภัยไว้คุ้มครอง เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และอยากเห็นบริษัทแห่งนี้มีอายุ 100 ปี เหมือนปรัชญา Rinen ของญี่ปุ่นที่เน้นการเติบโตของธุรกิจแบบยั่งยืน เช่น ต้นสนที่มีอายุยืนยาวถึง 1,000 ปี
และสุดท้ายได้เริ่มฝึกทายาทรุ่นที่ 4 เข้ามาเรียนรู้งานแล้ว
แล้วใครจะคิดจากคนที่ในอดีตไม่เคยชอบธุรกิจนายหน้าขายประกัน
มาวันนี้ ดร.อัญชลิน กำลังมีความฝันให้ธุรกิจนี้มีอายุ 100 ปี
ซึ่งก็เชื่อว่า เขาน่าจะหลงรักธุรกิจนี้อย่างเต็มหัวใจไปเรียบร้อยแล้ว..
References
-สัมภาษณ์โดยตรงกับ ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
-รายงานประจำปีของ TQM
บริษัท service 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
รีแบรนด์ “ฟูจิ ซีร็อกซ์” เป็น “ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น” ก้าวเข้าสู่ผู้นำนวัตกรรมยุคดิจิทัล
ลงทุนแมน x ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ฟูจิ ซีร็อกซ์ ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น” ซึ่งการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญสำหรับบริษัท FUJIFILM Business Innovation เลยทีเดียว เพราะมีการผลักดันผลิตภัณฑ์สำหรับการช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ปรับตัวในการทำ Digital Transformation ได้มากขึ้น
แล้ว FUJIFILM Business Innovation มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมวันนี้ถึงวันที่ต้องรีแบรนด์ และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะเข้ามายกระดับธุรกิจให้องค์กรต่าง ๆ ได้อย่างไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
ก่อนหน้านี้ FUJIFILM ได้กำเนิด “ฟูจิ ซีร็อกซ์” ในปี 1962 ซึ่งเป็นการก่อตั้งบริษัทร่วมทุนแบบ 50:50 ระหว่าง บริษัท ฟูจิ โฟโต้ ฟิล์ม และ Xerox เพื่อนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในสำนักงาน นั่นก็คือเทคโนโลยี Xerography สำหรับทำสำเนาข้อมูล ลงบนกระดาษ
จากนั้นก็เริ่มขยายธุรกิจไปในประเทศต่าง ๆ โดยมีทั้งการร่วมทุนหรือเป็นร้านตัวแทนจำหน่ายไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งในช่วงปี 1975-2000 ถือเป็นช่วงที่ ฟูจิ ซีร็อกซ์ ทำผลงานที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ได้ดีเลยทีเดียว เช่น จำหน่าย “ฟูจิ ซีร็อกซ์ 6500” ซึ่งเป็นเครื่องถ่ายเอกสารสีเครื่องแรก ในวงการอุตสาหกรรม สร้างระบบ “ของเสียเป็นศูนย์” และทำให้มีอัตราการรีไซเคิลเป็น 99.97% ได้สำเร็จ
จากนั้นก็มีการขยายฐานการผลิตขึ้นเรื่อย ๆ จนในปี 2001 อัตราส่วนการลงทุนระหว่างสองบริษัทก็เปลี่ยนไป โดยบริษัท FUJIFILM มีเปอร์เซ็นต์การลงทุนอยู่ที่ 75% และ Xerox อยู่ที่ 25%
และในปี 2019 บริษัท FUJIFILM ก็ได้ซื้อหุ้น 25% จาก Xerox ทั้งหมด ทำให้ในตอนนั้น ฟูจิ ซีร็อกซ์ กลายเป็นบริษัทย่อยของ FUJIFILM โดยสมบูรณ์
ต่อมาในปี 2020 ทาง FUJIFILM ก็ได้มีการกำหนดการยุติสัญญากับ Xerox โดยวันหมดสัญญาคือวันที่ 31 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2021 นี้ คือปีที่ได้กำเนิดชื่อแบรนด์ใหม่ นั่นก็คือ “ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น”
แล้วการปรับเปลี่ยนแบรนด์ครั้งนี้ มีอะไรที่น่าสนใจ และสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้าอย่างไรบ้าง ?
การปรับเปลี่ยนแบรนด์ครั้งนี้เป็นการดึงจุดแข็งด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของทาง FUJIFILM Group ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามานานกว่า 80 ปี และทำให้ FUJIFILM Business Innovation สามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีมากยิ่งขึ้น
ซึ่งทางลูกค้าของ FUJIFILM ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ จะได้รับบริการที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการทำงานอย่างครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ประหยัดเวลาและได้ผลลัพธ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก FUJIFILM Group มีหลากหลายธุรกิจย่อย ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์มีเครื่องมือในการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้หลากหลาย และเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นด้วย
แม้ว่าข้อตกลงความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีกับ Xerox จะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม แต่สำหรับลูกค้าเดิม เรื่องของสัญญาก็จะยังคงเป็นไปตามเดิม แต่ทาง FUJIFILM Business Innovation จะยกระดับการบริการให้ดีขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่การพบลูกค้าแบบออนไลน์ ไปจนถึงพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับตรวจสอบการทำงานของช่าง หรือสถานะการแจ้งซ่อม
โดย FUJIFILM ยังคงมีธุรกิจย่อย ดังนี้
- ธุรกิจด้านสุขภาพและวัสดุ (Healthcare & Material Solution)
ประกอบด้วย ธุรกิจการวินิจฉัยและการรักษาโรค เครื่องสำอาง ฟิล์มชนิดพิเศษ
- ธุรกิจด้านการถ่ายภาพ (Imaging Solution)
ซึ่งประกอบด้วย สินค้าและบริการสำหรับการถ่ายภาพ
- นวัตกรรมทางธุรกิจ (Document Solution)
ประกอบด้วย การจำหน่ายและบริการเครื่องพิมพ์อเนกประสงค์สำหรับสำนักงาน และสำหรับธุรกิจสิ่งพิมพ์, ธุรกิจโซลูชันและบริการงานเอกสารแบบครบวงจร
แล้วธุรกิจในส่วนไหนของ FUJIFILM Business Innovation ที่เข้ามายกระดับธุรกิจและองค์กรของลูกค้า ?
ธุรกิจในฝั่งของนวัตกรรมทางธุรกิจ (Document Solution) นี้ จะเป็นส่วนที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นกับองค์กร เพราะนวัตกรรมต่าง ๆ จะออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหา ช่วยลดต้นทุน และสร้างการเติบโตในด้านธุรกิจของลูกค้าทุก ๆ ด้าน
ตัวอย่างเช่น
- FUJIFILM Business Innovation พัฒนาเครื่องโปรดักชันและเครื่องมัลติฟังก์ชัน ที่มีครบทุกฟังก์ชันในเครื่องเดียว จนสามารถครองอันดับ 1 ของตลาด และยังมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลและโซลูชันการทำงานสิ่งพิมพ์ ทั้งการพิมพ์งาน สําเนา สแกน และแฟกซ์ พร้อมมอบบริการจัดการเอกสารที่สมบูรณ์แบบ เมื่อใช้คู่กับโซลูชัน และระบบคลาวด์ ซึ่งช่วยบริหารจัดการข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- FUJIFILM Business Innovation พัฒนาระบบ RPA (Robotic Processing Automation) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่มีความแม่นยําและรวดเร็วในการจัดการทํางานเอกสารที่มีจํานวนมาก โดยระบบนี้จะมีการจําลองการทํางานของมนุษย์ผ่านทางซอฟต์แวร์อินเทอร์เฟซ เพื่อช่วยองค์กรลดต้นทุนทางด้านทรัพยากรมนุษย์
- FUJIFILM Business Innovation ยังพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยลดขั้นตอนในการจัดเตรียมเอกสารและลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง อย่างระบบ e-Tax Solution คือ บริการให้คำปรึกษาการออกใบกํากับภาษี ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรได้อัตโนมัติ
- Document Management Service ระบบการจัดเก็บเอกสารรูปแบบดิจิทัล
นั่นก็คือ DocuShare และ DocuWorks ซึ่งเป็นโซลูชันที่ช่วยเปลี่ยนเอกสารจากกระดาษ มาเป็นไฟล์ดิจิทัล และสามารถรวบรวมข้อมูลเอกสาร การแก้ไขเอกสาร และอนุมัติงานได้ด้วยระบบ E-Signature สามารถทํางานได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นโซลูชันที่เหมาะกับการทำงานทั้งในออฟฟิศและทำงานจากระยะไกล หรือ Work from Home
- All-in-One Workplace Platform คือ ระบบ Cloud Service ของ FUJIFILM Business Innovation โดยพัฒนามาเพื่อช่วยในการอนุมัติเอกสารได้ทุกที่ สามารถอัปเดตเอกสารได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันที่อยู่ใน Cloud นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบประวัติของผู้อัปเดตเอกสารได้แบบเรียลไทม์เช่นกัน
ทุกบริการของ FUJIFILM Business Innovation ในฝั่ง Document Solution จะเข้ามาช่วยลดต้นทุนสำคัญของทุกองค์กร โดยเฉพาะต้นทุนด้านเวลา
เพราะนวัตกรรมต่าง ๆ นั้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการทำ Digital Transformation จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากองค์กรไม่สามารถลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ในการทำงานออกไปได้
สรุปง่าย ๆ ก็คือ การรีแบรนด์ครั้งใหม่นี้ FUJIFILM Business Innovation นั้นมาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้ตอบโจทย์ความคุ้มค่า ในทุกด้านของการทํางาน
พออ่านมาถึงตรงนี้ เราคงจะเห็นแล้วว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรับกับกระแสดิจิทัล และการรีแบรนด์เป็นชื่อ “ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น” ก็คงเป็นการประกาศชัดแล้วว่า FUJIFILM Business Innovation กำลังเอาจริงกับนวัตกรรมเรื่องการทำงาน ในยุคอนาคต..
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www-fbth.fujifilm.com
LINE Official: @fbth และ Facebook Page: Fujifilm BI Thailand
บริษัท service 在 iT24Hrs Youtube 的精選貼文
Office Solutions แบบครบวงจร สะดวกด้วยบริการ One Stop Service จาก Konica Minolta
บริษัท Konica Minolta ปรับกลยุทธ์การตลาดครั้งใหญ่ พัฒนาบริการแบบใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า Office Solution ซึ่งก็มีอยู่ 2 บริการหลักได้แก่
บริการ Multi Function Printer หรือ MFPเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่นระบบดิจิตอล ซึ่งก็มีเครื่องรุ่น i-series ที่มีจุดเด่นตรงที่มีตัวสแกนไวรัส (BitDefender) ป้องกันการโจมตีข้อมูลขององค์กรได้ พร้อมหน้าจอควบคุมที่เรียบง่ายสไตล์สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์จัดเก็บที่มีการเข้ารหัสและป้องกันการเขียนทับของข้อมูลอีกด้วยค่ะ
และบริการ IT Soulution ที่ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านไอที มีทั้งบริการ ให้คำปรึกษา ดูแลแก้ไขปัญหา ออกแบบ จัดหา ติดตั้งฮาร์ดแวร์ และ ซอฟแวร์ แม้กระทั้งบริการย้ายข้อมุลจากอุปกรณ์เก่าไปอุปกรณ์ใหม่ โดยทีมงานผู้ชำนาญการ จาก Konica Minolta
และบริการ Office Solutions ทั้งหมดนี้ก็ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ Rethink What’s Possible ที่มุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ได้ลองปรับมุมมองใหม่ เปลี่ยนวิธีการมองเพื่อออกจากความเชื่อเดิมๆ ให้ได้เห็นถึงโอกาสใหม่ๆ ที่จะทำให้ธุรกิจไปได้ ไกลกว่าเดิมและเหนือกว่าคู่แข่งขันได้ในที่สุด
Konica Minolta นี้ก็ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย น่าสนใจสำหรับองค์กรนะคะ ช่วยลดความยุ่งยากในการติดต่อกับ vendor หลายเจ้า เพราะสามารถให้บริการแบบ One Stop Service ลดเวลาในการบริหารจัดการเรื่องที่ไม่จำเป็น องค์กรจะได้เอาเวลาไปโฟกัสกับธุรกิจของตัวเองได้อย่างเต็มที่ดูรายละเอียดเกี่ยวกับบริการ Office Solutions จาก Konica Minolta เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ที่ขึ้นอยู่นี้ค่ะ https://www.konicaminolta.co.th
ติดตามรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
facebook.com/it24hrs
twitter.com/panraphee
twitter.com/it24hrs
IG: panraphee
ติดต่อโฆษณา it24hrs@it24hrs.com โทร 0802345023

บริษัท service 在 คิดเรื่องอยู่ ThinkofLiving Youtube 的最佳解答
The Sneak แอบย่องส่องอสังหาฯ EP.53 - The Cuvee ติวานนท์
รายการใหม่จาก Thinkofliving ที่จะพาไปแอบดูโครงการใหม่ แบบอินไซด์ ?
The Sneak วันนี้พามาส่องโครงการ The Cuvee ติวานนท์ จากเจ้าพระยามหานคร หรือ CMC ครับ โครงการนี้เป็นคอนโด High Rise อยู่ติดกับสถานีแยกติวานนท์เลย ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่เชื่อมต่อมาจากสถานีเตาปูนครับ โครงการนี้นอกจากจะมีส่วนพักอาศัยแบบปกติแล้ว ยังมีส่วนที่โครงการเรียกว่า Service Resident ด้วยแต่จะมีการแยกโซนชัดเจน และมีการใช้คีย์การ์ดคนละชุด แต่ส่วนกลางของโครงการจะต้องใช้ร่วมกันครับ ซึ่งก็มีข้อดีอยู่บ้างคือลูกบ้านสามารถใช้บริการจากทาง Service Resident ได้และที่ชั้น 1 ของโครงการก็มีร้านค้าไว้รองรับบริการครับ
Official website : https://thecuvee-tiwanon.com
กด Subcribe ช่อง ThinkofLiving ได้ที่นี่ครับ: http://www.youtube.com/subscription_c...
#TheSneak #TheCuvee #Thinkofliving
ติดตามพวกเราได้ที่ ?
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving
ติดต่อโฆษณาได้ที่ ฝ่ายขาย บริษัท คิดเรื่องอยู่ จำกัด : 02-168-3107

บริษัท service 在 MAX AF12 Youtube 的精選貼文
MaxAF12_23Room Service News แถลงข่าวศรีอโยธยา ภาค 2 (ศรีอโยธยา)
แม็กซ์ ในข่าว เปิดตัวยิ่งใหญ่ภาพยนตร์ซีรีส์ ศรีอโยธยา ภาค2
ออกอากาศทางช่อง True Inside HD วันที่ 12 ก.ย. 62
(cr. TrueVisionsOfficial)
เปิดตัวยิ่งใหญ่ภาพยนตร์ซีรีส์ ศรีอโยธยา ภาค2
Room Service News_120962
คุณ พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหาร และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์ และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคุณ องอาจ ประภากมล รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ ซีรีส์ ศรีอโยธยา ภาค 2 ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
ภาพยนตร์ซีรีส์ ศรีอโยธยา ภาค 2 นี้ถือว่าเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชของ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล จึงได้มีการรวมสุดยอดนักแสดงมากฝีมือทั่วฟ้าเมืองไทย และในภาคนี้ยังเป็นบทสรุปของอภิมหาสงคราม ความรัก การทรยศหักหลัง และการสูญเสีย . .
ติดตามชมความยิ่งใหญ่นี้พร้อมกันได้ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ทางทรูโฟร์ยูช่อง 24 วันจันทร์ และอังคาร เวลา 20.15 และทางทรูวิ ชั่นส์ เอเชี่ยนซีรีส์เอชดี ช่อง 120 เวลา 22.15 น.

บริษัท service 在 อ๊อดจะไม่โกรธ | HA SERVICE | บริษัทฮาไม่จำกัดจัดเต็ม | EP.18 的推薦與評價

อ๊อดจะไม่โกรธ | HA SERVICE | บริษัท ฮาไม่จำกัดจัดเต็ม | EP.18 | 1 ก.ค. 66. 14K views · 1 month ago # บริษัท ฮาไม่จำกัด ...more ... ... <看更多>
บริษัท service 在 ServiceStation.co.th 的推薦與評價
... <看更多>