กรณีศึกษา Grammarly โปรแกรมตรวจไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ /โดย ลงทุนแมน
มนุษย์ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการสื่อสารไปอย่างสิ้นเชิงโดยไม่รู้ตัว
จากที่เคยพูดและเขียน เป็นส่วนใหญ่ของชีวิต
ในวันนี้ ถ้าถามว่ามนุษย์สื่อสารในรูปแบบไหนมากที่สุด
สิ่งนั้นน่าจะเป็น “การพิมพ์ตัวหนังสือ”
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า
ทุกวันนี้ สมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์ ได้กลายเป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์
ทั้งแช็ตข้อความ, เล่นโซเชียลมีเดีย, ค้นหาข้อมูล หรือทำงาน
แต่ปัญหาที่กลับพบได้บ่อยคือ การพิมพ์ผิด จนสื่อความหมายออกไปไม่ถูกต้อง
ทำให้โปรแกรมตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษชื่อว่า “Grammarly” ได้รับความนิยม จนธุรกิจมีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากให้คำแนะนำเรื่องภาษาแล้ว
Grammarly ยังเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในแง่ของธุรกิจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Grammarly เป็นสตาร์ตอัปจากประเทศยูเครน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 หรือ 11 ปีที่แล้ว
โดยกลุ่มเพื่อน 3 คน คือ คุณ Alex Shevchenko, Max Lytvyn และ Dmytro Lider
บริษัททำธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ สำหรับตรวจและแก้ไขไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ รวมทั้งยังสามารถเช็กการคัดลอกผลงานได้อีกด้วย
แต่ฟีเจอร์ที่โดดเด่นกว่าโปรแกรมอื่น
คือการใช้อัลกอริทึม AI (Artificial Intelligence) เรียนรู้คำศัพท์ วลี และประโยคต่างๆ
แล้วมาประมวลผล เพื่อแนะนำรูปแบบการเขียนที่ถูกต้องเหมาะสมให้
ซึ่งที่ผ่านมา Grammarly มีจำนวนผู้ใช้งานประจำ หรือ Active Users เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ปี 2015 อยู่ที่ 1 ล้านรายต่อวัน
ปี 2017 อยู่ที่ 7 ล้านรายต่อวัน
ปี 2019 อยู่ที่ 20 ล้านรายต่อวัน
ด้วยเหตุนี้ ในการระดมทุนรอบล่าสุดเมื่อปี 2019 บริษัทจึงถูกประเมินมูลค่าธุรกิจเอาไว้ที่ 31,300 ล้านบาท
ถือเป็นสตาร์ตอัปยูนิคอร์นแห่งแรกของประเทศยูเครน
แต่กว่าจะประสบความสําเร็จระดับนี้ได้ บริษัทต้องผ่านการปรับตัวมาตลอด..
ในอดีต ผู้ร่วมก่อตั้ง เคยสร้างซอฟต์แวร์ตรวจเช็กไวยากรณ์มาก่อน ชื่อว่า MyDropbox โดยขายให้กับมหาวิทยาลัยได้ถึง 800 แห่ง ครอบคลุมนักเรียนกว่า 2 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับพบว่า การออกแบบโปรแกรมสำหรับลูกค้าสถาบันการศึกษาเพียงกลุ่มเดียว ค่อนข้างจำกัดศักยภาพทางธุรกิจ จึงได้ตัดสินใจขายกิจการไป
เพราะจริงๆ แล้ว คนทั่วไปก็ต้องการใช้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องเหมือนกัน เช่น เขียนอีเมล, จัดทำรายงานเสนอที่ประชุม, โพสต์คอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแม้แต่แช็ตคุยกับเพื่อนฝูง
พวกเขาเลยหันมาพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวใหม่ นั่นคือ Grammarly
แต่ในช่วงแรก บริษัทยังคงโมเดลธุรกิจแบบเดิมอยู่ โดยขายขาดโปรแกรมให้กับมหาวิทยาลัย 250 แห่ง ครอบคลุมนักเรียนกว่า 3 แสนคน
เนื่องจากต้องการสร้างฐานลูกค้าและสถานะทางการเงินที่มั่นคงให้ได้เสียก่อน
รวมทั้งเก็บข้อมูล เพื่อปรับปรุงบริการให้พร้อมสำหรับการขยายสู่ตลาดใหญ่ในอนาคต
ต่อมาในปี 2012 บริษัทก็ได้เปิดตัวบริการตรวจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษบนเว็บไซต์ ในรูปแบบระบบสมาชิก หรือ Subscription โดยคิดราคาราว 370 บาทต่อเดือน และทดลองใช้ก่อนได้เป็นเวลา 7 วัน
นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมต่อซอฟต์แวร์เข้ากับ Microsoft Office เพื่อให้สามารถแนะนำไวยากรณ์ได้ทันทีตั้งแต่ที่ผู้ใช้พิมพ์ตัวหนังสือ
ผลปรากฏว่า Grammarly ได้รับกระแสตอบรับที่ดี จนรายได้จากค่าสมาชิก มีสัดส่วนเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมด แซงหน้าการขายขาดให้ลูกค้าสถาบันศึกษาไปอย่างสิ้นเชิง
จากตัวเลขดังกล่าว พวกเขาจึงเล็งเห็นโอกาสว่า หากลูกค้าได้ลองใช้จริงก่อน ก็จะมีแนวโน้มสมัครเป็นสมาชิกมากขึ้น ทำให้ในปี 2015 บริษัทเปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์การขายแบบ Freemium แทน
โดย Grammarly เปิดบริการขั้นพื้นฐานให้ใช้ได้ฟรี แต่ถ้าจ่ายค่าสมาชิกราว 370-940 บาทต่อเดือน ก็จะสามารถใช้ฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติม เช่น การให้ AI แนะนำรูปประโยคที่เหมาะกับเนื้อหา หรือตรวจเช็กเรื่องคัดลอกผลงาน
และในขณะนั้น ผู้คนไม่ได้พิมพ์ตัวหนังสือบนโปรแกรมออฟไลน์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเริ่มไปทำงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เช่น Facebook, Google Docs, Gmail
นอกจากนั้น Grammarly ยังพัฒนาการเชื่อมต่อกับเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ต และคีย์บอร์ดของระบบปฏิบัติการในสมาร์ตโฟน เพื่อรองรับพฤติกรรมตลาดที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ บริษัทยังเลือกมุ่งเน้นพัฒนาบริการเพียงแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะมองว่าเป็นภาษาหลักของการติดต่อสื่อสาร โดยคอนเทนต์บนโลกอินเทอร์เน็ตกว่า 59% ถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาอังกฤษ
จากการปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ Grammarly เติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้งานรวมทุกแพลตฟอร์มสูงถึง 20 ล้านบัญชี ในปัจจุบัน
เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง?
หลายครั้งที่บริษัทเทคโนโลยี เร่งเปิดตัวแพลตฟอร์มในตลาดใหญ่ เพื่อให้มีคนมาใช้งานเยอะๆ
แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คิด บริษัทนั้นไม่สามารถสร้างรายได้จากฐานลูกค้าในมือได้
สุดท้ายธุรกิจอาจมีแต่ค่าใช้จ่าย จนขาดทุนมหาศาล
ตัวอย่างของ Grammarly แสดงให้เห็นถึงการค่อยๆ สร้างความแข็งแกร่ง
ค่อยๆ ทดลองตลาดจากกลุ่มเล็กๆ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภค
จากนั้นถึงเริ่มขยายตลาดเมื่อมีความพร้อม
ซึ่งการทดลองจากสิ่งเล็กๆ แล้วขยายเป็นใหญ่
อาจเป็นทางเลือกที่จะเจ็บตัวน้อยกว่า ใช้เงินทุนน้อยกว่า และสำเร็จได้เร็วกว่าก็เป็นได้
เพราะอย่าลืมว่า คนที่เข้าเส้นชัย ไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วเสมอไป
คนที่วิ่งช้า แต่วิ่งให้ถูกทาง และยืนระยะได้นาน
ก็ก้าวถึงเป้าหมายได้เหมือนกัน..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Grammarly
-https://venturebeat.com/2019/10/10/grammarly-raises-90-million-for-ai-that-spots-grammar-errors-and-plagiarism/
-https://techcrunch.com/2019/10/10/grammarly-raises-90m-at-over-1b-valuation-for-its-ai-based-grammar-and-writing-tools/
-https://producthabits.com/how-grammarly-quietly-grew-its-way-to-7-million-daily-users/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Languages_used_on_the_Internet
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過6,340的網紅小李老闆,也在其Youtube影片中提到,The Terminator predicts that robots will wipe out humans in 2029!? Looking at the history of the development of robots today, do you think it is possi...
「artificial intelligence wiki」的推薦目錄:
- 關於artificial intelligence wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於artificial intelligence wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於artificial intelligence wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於artificial intelligence wiki 在 小李老闆 Youtube 的最佳解答
- 關於artificial intelligence wiki 在 Wiki Artificial Intelligence - GitHub 的評價
- 關於artificial intelligence wiki 在 How AI could help make Wikipedia entries more accurate 的評價
- 關於artificial intelligence wiki 在 Listen to Wiki #1 -- Artificial Intelligence - YouTube 的評價
- 關於artificial intelligence wiki 在 cs165 github - INTESA SPORT IN TASCA 的評價
artificial intelligence wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
Jim Simons จากนักคณิตศาสตร์ สู่ผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์ 3 ล้านล้าน /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงนักลงทุนที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก คนส่วนใหญ่อาจนึกถึง
วอร์เรน บัฟเฟตต์, เรย์ เดลิโอ หรือ จอร์จ โซรอส
แต่ถ้าเป็นชื่อของ “จิม ไซมอนส์” หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน
เขาคือผู้ก่อตั้งเฮดจ์ฟันด์ Renaissance Technologies
ที่ปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
สิ่งที่น่าสนใจคือ กองทุนไม่ได้ใช้วิธีวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
แต่กลับเน้นเก็งกำไรระยะสั้น ตามหลักการทางคณิตศาสตร์
เรื่องราวการลงทุนของชายคนนี้น่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จิม ไซมอนส์ (Jim Simons) เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1938 ปัจจุบันมีอายุ 82 ปี
เขาเรียนจบปริญญาเอกสาขาคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์
และได้เข้าทำงานเป็นคนถอดรหัสข้อมูลข่าวกรองให้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ
รวมทั้งเป็นอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยสโตนีย์บรูก ในนิวยอร์ก
เวลานั้น ไซมอนส์กำลังมั่นใจสุดขีด ถ้าเป็นเรื่องตัวเลข เขาเชื่อว่าตัวเองเก่งไม่แพ้ใครแน่นอน
จึงเกิดความคิดว่า ทำไมไม่ลองถอดรหัสตัวเลขในตลาดหุ้น เพื่อทำเงินมหาศาลดูบ้างล่ะ?
ต่อมาเมื่ออายุ 44 ปี เขาตัดสินใจออกมาตั้งบริษัทกองทุนชื่อว่า Renaissance Technologies
แนวทางลงทุนที่ไซมอนส์วาดภาพไว้ในหัว คือการซื้อขายตามสูตรคำนวณเชิงคณิตศาสตร์และสถิติ ที่สามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคตได้
เพราะเขาเชื่อว่า การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ มีรูปแบบที่พิสูจน์ได้ด้วยสมการตัวเลขซ่อนอยู่
และถ้ามันขึ้นลงผิดไปจากปกติที่ควรเป็น ก็อาจมีโอกาสทำกำไรได้
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกที่โมเดลยังไม่สมบูรณ์ บริษัทลองใช้วิธีถือลงทุนระยะยาว
ซึ่งประสบความล้มเหลว ขาดทุนไปถึง 40% จนต้องหยุดพักกิจการชั่วคราว
แต่ไซมอนส์ยังไม่ถอดใจ เขาเร่งศึกษาข้อมูล เพื่อพัฒนาสูตรคำนวณให้สำเร็จ
โดยจ้างนักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักสถิติ มาช่วยคิดอีกแรง
จนสุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จในการหาวิธีที่เหมาะสม..
ในแต่ละวัน Renaissance Technologies จะเก็บข้อมูลต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับราคาสินทรัพย์กว่าหลายพันกิกะไบต์ เข้ามารวมกับฐานข้อมูลเดิมอีกหลายล้านกิกะไบต์ ตั้งแต่ยุคปี 1700
แล้วใช้อัลกอริทึมคอมพิวเตอร์นำ Big Data เหล่านั้น ไปแทนค่าในสูตรสมการหลายตัวแปร
และคัดกรองสินทรัพย์ที่ราคาเคลื่อนไหวต่างจากรูปแบบปกติ
จากนั้นจะปล่อยให้ระบบ AI (Artificial Intelligence) ทำหน้าที่ซื้อขายโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากอารมณ์ความโลภหรือความหวาดกลัวของมนุษย์ ในเวลาที่ราคาผันผวน
เคยมีนักข่าวไปสัมภาษณ์ไซมอนส์ถึงมุมมองต่อตลาดหุ้น
เขาตอบเพียงว่า “ไม่มีความเห็น เพราะคอมพิวเตอร์คือสิ่งที่ให้ความเห็น และเราแค่ทำตามที่มันบอกเท่านั้น”
ด้วยเหตุนี้ Renaissance Technologies จึงกลายเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่เข้าไปเก็งกำไรในสินทรัพย์หลากหลายประเภท และปิดสถานะทันทีเมื่อราคากลับสู่ภาวะปกติ โดยจะถือครองสินทรัพย์เฉลี่ยแค่ราว 2 วัน
ผลปรากฏว่า วิธีนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
กองทุนหลักของบริษัทชื่อว่า Medallion Fund สร้างสถิติผลตอบแทนสูงสุดในวอลล์สตรีต
โดยระหว่างปี 1988-2018 นั้น Medallion Fund ทำกำไรเฉลี่ย 66% ต่อปี
และหลังจากหักค่าธรรมเนียม ก็ยังเหลือผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 39% ต่อปี
แม้แต่ช่วงเดือนมีนาคม 2020 ที่โลกเผชิญกับเหตุการณ์ระบาดของ COVID-19 จนตลาดหุ้นถูกเทขายอย่างหนัก เช่น ดัชนี S&P 500 ติดลบไปราว 12.7% แต่กองทุนนี้กลับมีผลตอบแทนบวก 9.9%
สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นผลมาจากการปรับปรุงข้อมูลและสูตรคำนวณอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้กองทุน Renaissance Technologies มีกำไรสะสมมากกว่า 3,200,000 ล้านบาท นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกิจการขึ้นมา
และแม้ว่า จิม ไซมอนส์ ได้เกษียณออกจากตำแหน่งบริหารไปเมื่อปี 2010
แต่ด้วยรากฐานที่เขาสร้างไว้ ส่งผลให้ในปัจจุบัน บริษัทเติบโตจนมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารถึง 3,500,000 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
ขณะที่อันดับ 1 คือ Bridgewater Associates เฮดจ์ฟันด์ของนักลงทุนชื่อดังอย่าง เรย์ เดลิโอ ที่บริหารทรัพย์สินมูลค่า 4,200,000 ล้านบาท
ส่วนตัวของไซมอนส์เอง ก็มีทรัพย์สินร่ำรวยถึง 667,000 ล้านบาท
พร้อมทั้งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย
เรื่องราวความสำเร็จนี้ พิสูจน์ให้เราเห็นว่า
“ข้อมูล” ถือเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญมาก
ถึงจะครอบครองข้อมูลชุดเดียวกัน แต่หากนำมาใช้ด้วยวิธีที่ไม่เหมือนกัน
คุณค่าและผลลัพธ์ ย่อมแตกต่างกันออกไป
นอกจากนี้ในอนาคต ผู้ที่จะวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คงไม่ใช่มนุษย์ ที่มีขีดจำกัด
แต่เป็นเครื่องจักรไร้อารมณ์ ที่ทำงานได้แม่นยำและรวดเร็วกว่าเราหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม
เรื่องเหล่านี้มันก็มาพร้อมกับของจริง และของปลอมที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
พอมีเรื่องสำเร็จเหล่านี้
ก็ทำให้ผู้คนต่างแอบอ้างความสามารถในการทำเงินของหุ่นยนต์ AI ที่ตัวเองมีอยู่
ซึ่งความเป็นจริงอาจจะมีเพียงแค่ 1% จากทั้งหมดที่ประสบความสำเร็จจริงๆ
ส่วนอีก 99% ที่เหลือ อาจเป็นแค่เรื่องราวสวยหรูที่แต่งขึ้นมาเท่านั้น..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jim_Simons_(mathematician)
-https://en.wikipedia.org/wiki/Renaissance_Technologies
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_hedge_funds
-https://www.cnbc.com/2020/04/17/renaissance-hedge-fund-reportedly-having-one-of-its-best-years-ever.html
-https://www.cnbc.com/2019/11/05/how-jim-simons-founder-of-renaissance-technologies-beats-the-market.html
-https://www.forbes.com/sites/forbesdigitalcovers/2019/11/08/jim-simons-the-man-who-solved-the-market-gregory-zuckerman-book-excerpt/#2b157bc413b6
artificial intelligence wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ผู้สนับสนุน..
จากหุ่นยนต์ Star Wars ที่ถูกหมางเมิน สู่หุ่นยนต์สำรวจของ NASA และเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านในปัจจุบัน
ใครจะไปคิดว่าหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ ที่ชื่อ mse-6droid ซึ่งแทบไม่มีบทในเรื่อง Star Wars
จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับ คุณ Colin Angle ที่เป็นทั้ง CEO และ Co-founder
ปิ๊งไอเดียนำมาสร้างเป็น หุ่นยนต์ต้นแบบสำรวจอวกาศของ NASA, หุ่นยนต์ทางทหารของกองทัพสหรัฐอเมริกา และหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของบริษัทไอโรบอท ที่ปัจจุบันมียอดขายถึง 30 ล้านเครื่อง ในระยะเวลา 30 ปี
ที่น่าสนใจ คือ หากไม่มีวิสัยทัศน์รวมถึงมุมมองของชายที่ชื่อว่า Colin Angle
บริษัทไอโรบอท อาจไม่สามารถขึ้นแท่น ครองอันดับหนึ่งของหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านในอเมริกาอย่างทุกวันนี้ได้
เรื่องราวแรงบันดาลใจ รวมทั้งวิสัยทัศน์นี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทไอโรบอทในปี 1990 นั้น คุณ Colin Angle ในวัย 46 ปี
ได้จบการศึกษาระดับปริญญาโท ที่ MIT ในคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
รวมทั้งได้ทำงานในห้องปฎิบัตการ Artificial Intelligence
ก่อนที่จะได้มาพบจุดเปลี่ยนและแรงบันดาลใจที่สำคัญ
จากภาพยนตร์ที่ล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น อย่างเรื่อง Star Wars
ขณะที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับหุ่นยนต์ที่มีบทเด่น เช่น C-3PO
ที่รูปร่างคล้ายมนุษย์ที่เราคุ้นเคย หรือ R2-D2 หุ่นยนต์ช่างซ่อมยอดนิยม
แต่สิ่งที่คุณ Colin Angle มองเห็นและตื่นเต้นเป็นอย่างมากนั้น กลับไม่ใช่หุ่นยนต์สุดล้ำ
แต่เป็นเพียงหุ่นยนต์นำทางธรรมดา mse-6droid ที่มีรูปร่างไม่โดดเด่น
เพราะสำหรับเค้านั้น หุ่นยนต์ที่ดีอาจจะไม่ต้องมีรูปร่างสุดล้ำ
คล้ายกับมนุษย์เหมือนในจินตนาการของเรา หรือในหนังภาพยนต์ที่เราคุ้นเคย
แต่หุ่นยนต์ที่ดีในมุมมองของเค้านั้น ต้องสามารถทำงานได้จริง
และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลย คือ เค้ามั่นใจว่าสามารถสร้างหุ่นยนต์อย่าง mse-6droid ขึ้นมาได้จริง ๆ
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของไอโรบอท
หลังจากนั้น ในปี 1991 ไอโรบอทได้สร้าง Genghis หุ่นยนต์ตัวแรก ที่มีความสามารถในการสำรวจอวกาศ และหุ่นยนต์ตัวนี้ ยังเป็นแรงบันดาลใจรวมทั้งเป็นต้นแบบในการสร้างหุ่นยนต์สำรวจอวกาศของ NASA อีกด้วย
หลังจากนั้น 10 ปี ในปี 2001 Packbot หุ่นยนต์สำรวจของไอโรบอทก็ได้ถูกใช้งานใน กองทัพสหรัฐอเมริกา U.S. Forces เพื่อใช้ในการช่วยค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์การก่อการร้ายที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอีกครั้งที่วิสัยทัศน์ของคุณ Colin ทำให้ไอโรบอทเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการพลิกธุรกิจจากผู้ผลิตหุ่นยนต์สำรวจอวกาศ และหุ่นยนต์ทางการทหาร ไปสู่ผู้ผลิตหุ่นยนต์ที่สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งในปี 2002 ไอโรบอทก็ได้เปิดตัวและวางจำหน่ายหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเป็นครั้งแรก ในชื่อ Roomba
iRobot ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนในปัจจุบันหุ่นยนต์ของไอโรบอทนั้น มีทั้งหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roomba, หุ่นยนต์ถูพื้น Braava, หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ Mirra และหุ่นยนต์ตัดหญ้า Terra
เมื่อสินค้ามีมากขึ้น ลูกค้าชื่นชอบ ก็ทำให้ผลประกอบการเติบโตขึ้นทุกปี
เป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างดีว่า วิสัยทัศน์ของคุณ Colin ที่มีต่อไอโรบอทนั้น ไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดา
เพราะสามารถพาแรงบันดาลใจของเขาจากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars
มาประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความจริงได้อย่างเหลือเชื่อ สะท้อนได้จากยอดขายรวมทั่วโลก
รายได้รวมของไอโรบอท ณ ปัจจุบันอยู่ที่
ปี 2017 รายได้ 2.89 หมื่นล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 3.57 หมื่นล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 3.97 หมื่นล้านบาท
เวลานี้ไอโรบอทขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก และเริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2011 โดยมีบริษัท TH Robotics Co., Ltd. เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกคำว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะในประเทศไทย แต่ที่น่าสนใจก็ คือ เวลานี้เทรนด์เติบโตของตลาด Smart Home ในไทยกำลังค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
จนทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะเริ่มเป็นที่สนใจในตลาดไทย
และตอบโจทย์คนหลาย ๆ กลุ่ม ที่ไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเอง
ตลอดจนสถานการณ์บ้านเมืองต่าง ๆ ที่ทำให้ไอโรบอทพยายามปรับตัวอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหามลภาวะ PM2.5 ที่คนไทยได้รับผลกระทบเต็ม ๆ
แต่ฝุ่นภายในบ้าน ไอโรบอทก็ยังคอยจัดการทำความสะอาดให้ เพราะฝุ่นที่ลอยในอากาศจะตกลงสู่พื้นเมื่อเราไม่อยู่บ้าน
หรือแม้กระทั้งสถานการณ์ปัจจุบันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ COVID-19
ที่ทำให้ใครหลายคนต้อง Work from home อยู่บ้านมากขึ้น
บ้านสกปรกเร็วขึ้น แต่ไม่ต้องห่วง เพราะสามารถปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ iRobot ที่จะช่วยดูแลเรื่องความสะอาดได้
นอกเหนือจากนั้น iRobot Thailand ยังมีบริการ รับ-ส่ง หุ่นยนต์และอะไหล่ เพื่ออำนวยความสะดวก
และสนับสนุนให้ทุกคนไม่ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น
แล้วตอนนี้หุ่นยนต์ไอโรบอทของคุณ Colin Angle พัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว ?
สำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวว่าเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ฉลาดที่สุดในโลกตอนนี้ ไม่ใช่เพียงเดินดูดฝุ่นได้เท่านั้นแต่ต้องเดินได้ฉลาดทั่วถึงทุกพื้นที่ เข้าใจพื้นที่ที่ทำงาน นั่นคือ Roomba s9+ ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าขั้นสุดและระบบประมวลผลที่รวดเร็ว ซับซ้อน คุณ Colin จึงเคลมว่านี่คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ดีที่สุดและฉลาดที่สุดเท่าที่เค้าเคยคิดค้นมา ซึ่งได้เพิ่มขีดความสามารถในการทำงานโดยนำข้อดีของหลาย ๆ รุ่นมาพัฒนารวมอยู่ในเครื่องเดียว
ให้จินตนาการไปถึงการทำความสะอาดโดยหุ่นยนต์ ที่มีแท่นกำจัดขยะอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องเทฝุ่นทิ้งเองเป็นเดือน ๆ รวมถึงการให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างองศาของแปรงปัดข้างที่ออกแบบมาให้เอียง 26 องศา พร้อมเทคโนโลยี Perfect Edge เพื่อเข้าซอกมุมได้ดีที่สุด อีกทั้งยังมากับระบบเพิ่มแรงดูดอัตโนมัติเมื่อขึ้นพรม ด้วยแรงดูดที่มากขึ้นถึง 40 เท่า
นอกจากนี้ยังสามารถยกระดับการทำความสะอาดบ้านแบบแทคทีม โดยเมื่อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานเสร็จ หุ่นยนต์ถูพื้นรุ่นล่าสุดอย่าง Braava jet m6 ก็จะออกมาถูต่อเองโดยอัตโนมัติ และเหมาะมากสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้เพราะด้วยระบบ Allergens lock ที่จะล๊อคฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ไม่ให้หลุดรอดออกจากตัวเครื่อง พร้อมตอบโจทย์ลูกค้า Smart Home ด้วยการสั่งงานผ่านแอปพลิเคชั่น iRobot Home และสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa
ด้วยเทคโนโลยีทั้งหมดนี้ คงจะไม่เกินจริงหากเราจะกล่าวว่าไอโรบอท roomba ของคุณ Colin Angle นั้น คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ดีที่สุดในโลกอย่างแท้จริง
จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่าวิสัยทัศน์ที่ดีอาจจะไม่ใช่วิสัยทัศน์ที่ฟังแล้วดูตื่นเต้น หรือล้ำหน้าที่สุด
แต่อาจจะเป็นวิสัยทัศน์ที่สามารถทำได้จริง และลงมือทำให้ถึงที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.irobotthailand.com/ หรือสอบถามข้อมูลที่ Line@: @irobotthailand
References
-https://finance.yahoo.com/quote/IRBT
-https://www.irobotweb.com/…/Fi…/Company/Colin-Angle-Bio.pdf…
-https://www.businessinsider.com/colin-angle-irobot-ceo-2014…
-https://www.irobot.com/about-ir…/company-information/history
-https://en.wikipedia.org/wiki/IRobot
-https://www.irobot.com/about-ir…/company-information/history
-https://en.wikipedia.org/wiki/PackBot
artificial intelligence wiki 在 小李老闆 Youtube 的最佳解答
The Terminator predicts that robots will wipe out humans in 2029!? Looking at the history of the development of robots today, do you think it is possible?
未來戰士預言2029年機械人將消滅人類!?看看現今機器人發展史,你覺得有無可能呢?
-----------------------------------------------------------
資料來源:
未來戰士劇情:
https://zh.wikipedia.org/wiki/%E7%BB%88%E7%BB%93%E8%80%85
[電影預告] 《未來戰士:黑暗命運》(Terminator: Dark Fate) 香港宣傳片 “ Choose Your Fate” (中文字幕)
https://youtu.be/jyPdeXS3XFg
波士頓動力的網紅機器人,在新加坡的公園就能遇到:
https://technews.tw/2020/05/13/boston-dynamics-spot-in-singapore/
波士頓動力(Boston Dynamics)youtube頻道機械人相關影片:
https://www.youtube.com/user/BostonDynamics
-----------------------------------------------------------------------------
我自己做了一隻Android手機遊戲,有興趣可以下載來玩玩:
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.siuleeboss.oremaze
-----------------------------------------------------------------------------
?聽說幫影片加字幕可以快速累積❇️幸運值喔:
操作流程:
按影片右下角的小齒輪-字幕-新增字幕
-------------------------------------------------------------------------
?最實際嘅支持一定係?課金俾我:
https://youtube.streamlabs.com/UCRAsqV8_Xaff3B2pmyWUaUA
或加入成為會員
https://www.youtube.com/channel/UCRAsqV8_Xaff3B2pmyWUaUA/join
-------------------------------------------------------------------------
輸入"!響朵"查詢你的稱號
-------------------------------直播稱號-----------------------------
暫定為:
稱號 觀看時數
無人識你 0
普通員工 1
高級員工 5
主任 10
主管 15
經理 20
總經理 30
總監 50
副總裁 75
行政總裁 100
董事長 1000
小李老闆 10000
?(隱藏頭銜) 25000
?(終極頭銜) 50000
-------------------------------------------------------------------------
?讚好我的FaceBook:https://goo.gl/Y0oCU5
❤️訂閱我的Youtube頻道:https://goo.gl/CRZSLw
?Follow我的IG:https://www.instagram.com/siuleeboss/
-------------------------------------------------------------------------
?完整直播重溫:
https://www.youtube.com/playlist?list=PLTO-oDdfiA2EA9BTFwGqMBzDtr4HbG0Ez
-------------------------------------------------------------------------
精選推薦:
?遊戲王探索系列:
https://www.youtube.com/playlist?list=PLTO-oDdfiA2HeHK55jfaWUoBH73DD8s92
-------------------------------------------------------------------------
#粵語 #廣東話 #香港
artificial intelligence wiki 在 How AI could help make Wikipedia entries more accurate 的推薦與評價
Meta AI has developed the first model capable of automatically verifying hundreds of thousands of citations at once. July 10, 2022. ... <看更多>
artificial intelligence wiki 在 Listen to Wiki #1 -- Artificial Intelligence - YouTube 的推薦與評價
On this inaugural episode of Listen to Wiki, Assistant Professor John Wiki takes you on a journey of discovery as he reads the # wikipedia ... ... <看更多>
artificial intelligence wiki 在 Wiki Artificial Intelligence - GitHub 的推薦與評價
A working group interested in the application of advanced computer science to open knowledge projects - Wiki Artificial Intelligence. ... <看更多>