Epic Games ธุรกิจทำแพลตฟอร์มให้ นักพัฒนาเกม มูลค่าแสนล้าน /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงเกมประเภทหนีเอาตัวรอด หรือ Battle Royale ที่เป็นที่นิยมในช่วงที่ผ่านมา หลายคนก็น่าจะนึกถึง PlayerUnknown's Battlegrounds หรือ PUBG และ Fortnite
ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่ นับเป็นคู่แข่งกัน แต่เรื่องที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้ก็คือทั้ง 2 บริษัทต่างถูกพัฒนาขึ้นบน Game Engine หรือ ซอฟต์แวร์ในการสร้างเกมตัวเดียวกัน ที่มีชื่อว่า “Unreal Engine”
ซอฟต์แวร์ดังกล่าว ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Epic Games ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสตาร์ตอัปยูนิคอร์น
ปัจจุบัน ถูกประเมินมูลค่าไว้มากถึง 9.5 แสนล้านบาท
ใครกันที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้
แล้วธุรกิจ Game Engine น่าสนใจขนาดไหน ?
ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
สำหรับผู้ก่อตั้ง Epic Games นั่นก็คือ “Tim Sweeney”
Sweeney เกิดในปี ค.ศ. 1970 ที่เมือง Potomac รัฐ Maryland
ในวัยเด็ก เขามีความสนใจในการซ่อมแซมอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นการแยกส่วนเครื่องตัดหญ้า หรือลองประกอบรถโกคาร์ตด้วยตัวเอง
และอีกสิ่งหนึ่งที่ Sweeney สนใจไม่แพ้กันคือการเล่นเกมและการเขียนโปรแกรม
โดยเกมที่เขาชื่นชอบมากที่สุดคือเกม Adventure จากบริษัท “Atari” ผู้พัฒนาเกมชื่อดังในยุคนั้น
จนเมื่อเขาอายุได้ 11 ปี เขาได้รับ Apple II คอมพิวเตอร์ส่วนตัวจากพี่ชาย
ด้วยความที่หลงใหลในการเล่นเกม ทำให้เขาเริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดยเป้าหมายของ Sweeney ในตอนนั้นคือ เขาต้องการสร้างเกม Adventure ภาค 2 ขึ้นมาเอง
Sweeney บอกว่าเขาใช้เวลาเกินกว่า 10,000 ชั่วโมง ในการศึกษาขั้นตอนการเขียนโปรแกรม โดยใช้ข้อมูลจากกระดานข่าวออนไลน์
และแม้จะไม่สามารถสร้าง Adventure 2 สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้
แต่การศึกษาหาข้อมูลครั้งนั้นก็ได้กลายเป็นทุน
ที่ทำให้เขามีความสามารถในการเขียนโปรแกรมติดตัว
ปี ค.ศ. 1989 Sweeney ได้เข้าเรียนที่ University of Maryland ในสาขาวิศวกรรมเครื่องกล
โดยในระหว่างที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขามีความคิดที่จะสร้างเกมขึ้นมาเพื่อขาย
เขาจึงได้ก่อตั้งบริษัท “Potomac Computer Systems” ขึ้นมา
หลังจากใช้เวลาอยู่ร่วม 9 เดือน เขาก็สามารถสร้างเกมแรกของเขาเองได้สำเร็จ โดยใช้ชื่อว่า “ZZT”
Sweeney เลือกใช้โมเดลในการขายเกมแบบ Shareware หรือการให้ทดลองเล่นก่อน
โดยเขาได้รับความช่วยเหลือจากคุณ Scott Miller ผู้ก่อตั้งบริษัท Apogee Software
ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการใช้โมเดลแบบ Shareware ในการทำการตลาด
มาถึงจุดนี้ Sweeney สามารถสร้างรายได้วันละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ จากการขายเกม
พอเริ่มเห็นว่าธุรกิจเกมที่เขาหลงใหลมาตั้งแต่เด็กไปได้สวย
เขาจึงตัดสินใจหยุดเรียนและเลือกเส้นทางนี้แบบจริงจัง
และได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Epic MegaGames” เพื่อให้ดูเป็นทางการมากขึ้น
หลังจากก่อตั้งบริษัท และดำเนินการมาได้ระยะหนึ่ง เขาพบว่าตัวเขาเองยังคงขาดทักษะบางอย่างในการสร้างเกม รวมทั้งยังขาดความสามารถในการบริหารบริษัท
ซึ่งจุดนี้ ทำให้เขารู้ว่าด้วยตัวเพียงคนเดียว ไม่สามารถทำให้บริษัทเติบโตได้
ส่งผลให้ในเวลาต่อมา Sweeney จึงรวบรวมคนเพื่อมาช่วยให้บริษัทเติบโตได้
และในปี ค.ศ. 1992 เขาก็ได้พบกับเพื่อนร่วมงานอีกคน นั่นก็คือ “Mark Rein”
การเข้ามาของ Rein ทำให้บริษัทเติบโตได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากการบริหารจัดการในบริษัทมีความเป็นระเบียบมากขึ้น
โดยที่ Rein จะคอยรับผิดชอบด้านการบริหารจัดการองค์กร
ซึ่งก็ทำให้ Sweeney สามารถโฟกัสการพัฒนาเกมได้อย่างเต็มที่
และหลังจากนั้นไม่นาน ไอเดียของ Sweeney ที่ต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์
สำหรับผู้พัฒนาเกมก็ได้เกิดขึ้น ซึ่งซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีชื่อว่า “Unreal Engine”
แล้วซอฟต์แวร์สำหรับพัฒนาเกม มันคืออะไร ?
Game Engine เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างและพัฒนาเกม
โดยทุก ๆ เกม จะต้องถูกสร้างผ่าน Game Engine ต่าง ๆ ที่มีอยู่
หากเปรียบเทียบ เกมเป็นเหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง
Game Engine ก็เปรียบเสมือน “เครื่องยนต์” ที่ทำให้รถคันนั้นขับเคลื่อนได้
โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถแบ่งประเภทของ Game Engine ออกได้เป็น 2 กลุ่มด้วยกัน
1. In-house Engine
คือ Game Engine ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับเกมในค่ายตัวเองเท่านั้น
ไม่มีการเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้ เช่น Rage Engine ที่ใช้ในเกม Rockstar GTA
2. Game Engine ที่เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้
โดยมีทั้งรูปแบบฟรี เสียค่าบริการรายเดือน หรือคิดค่าบริการ
ตามรายได้ที่เกมนั้น ๆ สามารถทำได้ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประเภทนี้ในตลาด ก็เช่น
- Unity ที่ใช้ในการสร้างเกม Among Us
- Source 2 ที่ใช้สร้างเกม Dota 2
- Unreal Engine ของทาง Epic Games
โดยเกมแรกที่ได้นำซอฟต์แวร์ของ Sweeney ไปใช้มีชื่อว่าเกม “Unreal” เป็นเกมแนว FPS หรือเกมยิงปืนที่เรารู้จักกัน เช่น Counter-Strike
โดยเกม Unreal ถือว่าเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสะท้อนให้เห็นจากยอดขาย 1.5 ล้านแผ่นในปี 2002
หลังจากประสบความสำเร็จจากเกม Unreal
Sweeney ก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทอีกครั้ง
จาก Epic MegaGames มาเป็น “Epic Games” ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนี้
อีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของทาง Epic Games คือการสร้างเกม Gears of War หลังจากเปิดตัวภาคแรกไปในปี ค.ศ. 2006 ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
ทางบริษัทพัฒนาเกมมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีด้วยกันมากถึง 5 ภาคและมีภาคเสริมอีก 3 ภาค
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2017 ทาง Epic Games เองได้ทำการเปิดตัว Fortnite
เกมนี้เอง ก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก
เพราะหลังจากเปิดตัวได้เพียง 2 ปี Fortnite ได้กวาดรายได้ไปกว่า 56,000 ล้านบาท
ซึ่งนับเป็นรายได้จากเกม ที่มากที่สุดในโลก
สำหรับจิกซอว์ตัวสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเกมเหล่านี้
แน่นอนว่าก็คือซอฟต์แวร์สำหรับพัฒนาเกมอย่าง Unreal Engine
เรามาดูกันว่าผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ให้คนอื่นนำไปผลิตเกม หาเงินอย่างไร ?
โดย Unreal Engine มีลักษณะแบบเปิดให้ใช้งานได้ฟรี
แต่มีเงื่อนไขคือ หากเกมที่ใช้ Unreal Engine สามารถสร้างรายได้
เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32 ล้านบาท
ผู้พัฒนาจะต้องเสียค่าบริหาร 5% ของรายได้ ให้กับทาง Epic Games
ปัจจุบัน Unreal Engine ได้พัฒนามาถึงเวอร์ชันที่ 5 หรือเรียกว่า Unreal Engine 5
และถือเป็น Game Engine อันดับต้น ๆ โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 13%
ซึ่งซอฟต์แวร์ตัวนี้ได้กลายมาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของเกมทั่วโลก
ยกตัวอย่างเช่น Final FANTASY VII Remake ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีก่อน
หรือแม้แต่เกม PUBG ซึ่งถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Fortnite ก็ใช้ Unreal Engine เช่นเดียวกัน
แล้วเรื่องราวของ Epic Games สะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง ?
Sweeney สะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะหลงใหลในอะไรก็ตาม
เราสามารถใช้มันเป็นจุดตั้งต้นของการก่อตั้งธุรกิจได้ทั้งนั้น
อย่างตัวเขาเอง ที่ชื่นชอบในการเล่นเกม
แทนที่เขาจะเป็นผู้เล่นเพียงอย่างเดียว
เขากลับมองว่าสักวันจะต้องพัฒนาเกมของตัวเองให้คนอื่น
และในปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา Epic Games มีรายได้อยู่ที่ 166,700 ล้านบาท
และถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 948,300 ล้านบาท
นั่นจึงทำให้ตัวผู้ก่อตั้งอย่าง Tim Sweeney ได้กลายมาเป็นมหาเศรษฐี
ที่มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 240,000 ล้านบาท นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://marketeeronline.co/archives/184107
-https://en.wikipedia.org/wiki/Epic_Games
-https://www.valuecoders.com/blog/technology-and-apps/unreal-engine-vs-unity-3d-games-development/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tim_Sweeney_(game_developer)
-https://en.wikipedia.org/wiki/Fortnite_Battle_Royale
-https://kotaku.com/the-quiet-tinkerer-who-makes-games-beautiful-finally-ge-5865951
-https://www.gamedeveloper.com/design/from-the-past-to-the-future-tim-sweeney-talks
-https://www.unrealengine.com/en-US/faq
-https://www.businessofapps.com/data/fortnite-statistics/
-https://www.longtunman.com/23889
-https://en.wikipedia.org/wiki/Gears_of_War
-https://www.cnbc.com/2021/04/13/fortnite-creator-epic-games-valuation-jumps-to-29-billion.html
同時也有14部Youtube影片,追蹤數超過80萬的網紅Science Experiments with Physics Engine,也在其Youtube影片中提到,強化学習で「ネコひねり」を人間に教えてみました。 参考資料: 「狂気の科学―真面目な科学者たちの奇態な実験」レト・U. シュナイダー著 ネコひねり問題wikipedia https://ja.wikipedia.org/wiki/ネコひねり問題 スポーツを科学する ねこひねりと宇宙旅行 htt...
「engine wiki」的推薦目錄:
- 關於engine wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於engine wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於engine wiki 在 เกมถูกบอกด้วย v.2 Facebook 的最讚貼文
- 關於engine wiki 在 Science Experiments with Physics Engine Youtube 的最讚貼文
- 關於engine wiki 在 Science Experiments with Physics Engine Youtube 的精選貼文
- 關於engine wiki 在 WillWill FunHouse Youtube 的最讚貼文
engine wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุปเส้นทาง เว็บเบราว์เซอร์ จาก Netscape สู่ Google Chrome /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงการท่องโลกอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เป็นเหมือนประตูบานแรกที่ทุกคนต้องเดินผ่าน ก็คือ “เว็บเบราว์เซอร์”
รู้ไหมว่า ความสำคัญของเว็บเบราว์เซอร์นั้น ได้นำไปสู่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงฐานผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างดุเดือด ซึ่งเหตุการณ์ก็ยืดเยื้อมานานเกือบ 30 ปี และพลิกผันอยู่หลายครั้ง จนทำให้ผู้ชนะในศึกแรก ๆ กลับกลายเป็นผู้แพ้ในท้ายที่สุด
สงครามระหว่างผู้ให้บริการเว็บเบราว์เซอร์ มีเรื่องราวเป็นอย่างไร
แล้วตอนจบ ใครเป็นผู้ชนะ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1993
เว็บเบราว์เซอร์หลายเจ้า ถูกคิดค้นขึ้นและนำมาใช้กันแพร่หลาย และถือเป็นประตูบานสำคัญ ที่ทำให้มนุษย์ได้รู้จักกับโลกออนไลน์
ในขณะนั้น เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมมากสุด คือ “Mosaic” ซึ่งพัฒนาโดยศูนย์การประยุกต์ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา
ต่อมา ก็มีหลายบริษัทขอซื้อลิขสิทธิ์ของ Mosaic ไปสร้างเป็นเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเอง โดยหนึ่งในนั้น คือ บริษัท Netscape Communications Corporation ของคุณ Marc Andreessen ซึ่งปัจจุบันเป็นนักลงทุนชื่อดังของวงการ Venture Capital
เว็บเบราว์เซอร์ของ Netscape มีชื่อว่า “Netscape Navigator” ซึ่งได้รับความนิยมในทันที เพราะใช้งานง่าย และแสดงผลการค้นหาได้ดีกว่าเจ้าอื่น ทำให้บริษัทยึดครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80% ในช่วงปี 1995
ความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ Netscape สามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ แม้เพิ่งก่อตั้งมาเพียงปีเดียว และยังถือเป็นการ IPO ที่มีมูลค่าสูงสุดของตลาดในเวลานั้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต ก็ดึงดูดให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง “Microsoft” เข้ามาสู่ธุรกิจเว็บเบราว์เซอร์ จนเกิดเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า “สงครามเว็บเบราว์เซอร์ครั้งที่ 1”
หลังจาก Netscape เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ 15 วัน บริษัท Microsoft ก็เปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ ชื่อว่า “Internet Explorer”
เนื่องด้วย Microsoft เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ที่มีเงินทุนจากการขายซอฟต์แวร์ จึงทำให้สามารถทุ่มทรัพยากรเพื่อพัฒนา Internet Explorer จนมีฟีเชอร์ก้าวตาม Netscape ทัน ภายในเวลาไม่นาน
และในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสงคราม เมื่อ Microsoft ตัดสินใจผูกโปรแกรม Internet Explorer ไว้เป็นเว็บเบราว์เซอร์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการ Windows แบบฟรี ๆ
หมายความว่า คนที่ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ไปใช้ จะกดเข้า Internet Explorer ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาไปดาวน์โหลดหรือหาซื้อเว็บเบราว์เซอร์ใหม่
ซึ่งขณะนั้น Windows ครองส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์กว่า 90% ส่งผลให้การใช้งาน Internet Explorer เพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก
จนในปี 2002 Netscape Navigator ก็มีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก
จากข้อมูลของ TheCounter.com
Internet Explorer ส่วนแบ่งตลาด 93.9%
Netscape Navigator ส่วนแบ่งตลาด 2.3%
บทสรุปของสงครามเว็บเบราว์เซอร์ครั้งที่ 1 ผลปรากฏว่า Microsoft เป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาด..
ส่วนผลการดำเนินงานของ Netscape ก็ถดถอยลง และตัดสินใจขายกิจการให้กับบริษัท America Online ในปี 1998 ก่อนที่จะหยุดให้บริการเว็บเบราว์เซอร์ ในเวลาต่อมา
ถึงแม้การต่อสู้ศึกนี้จบลงแล้ว แต่สงครามในสนามรบเว็บเบราว์เซอร์ ยังไม่ปิดฉากลงง่าย ๆ
พอไร้คู่แข่ง ดูเหมือนว่า Microsoft จะตายใจ และแทบไม่ได้พัฒนา Internet Explorer ต่อสักเท่าไร หลักฐานที่ชัดเจนคือ ระหว่างปี 2001-2006 มีการอัปเดตเบราว์เซอร์แค่เวอร์ชันเดียวเท่านั้น
แต่ความประมาทและความตายใจของ Microsoft นี่เอง ที่กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ที่ทำให้เกิด “สงครามเว็บเบราว์เซอร์ ครั้งที่ 2”
เพราะหลังจาก Netscape พ่ายแพ้ พวกเขาก็ได้เปิดเผยข้อมูลโคดทิ้งไว้ ซึ่งต่อมา องค์กร Mozilla Foundation ได้นำเอาไปพัฒนาเป็นเว็บเบราว์เซอร์ตัวใหม่ ที่ชื่อว่า Mozilla Firefox หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “Firefox”
Firefox ได้มุ่งเน้นพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ที่เริ่มเบื่อหน่ายกับประสิทธิภาพการทำงานของ Internet Explorer
จึงทำให้ Firefox สามารถแสดงผลของเว็บไซต์รุ่นใหม่ได้ดีกว่า รวมทั้งเพิ่มฟีเชอร์ลูกเล่นให้กับเบราว์เซอร์อีกมากมาย ส่งผลให้คนเริ่มสนใจลองดาวน์โหลด Firefox ไปใช้งานแทน Internet Explorer
ส่วนแบ่งตลาดเว็บเบราว์เซอร์ ในปี 2009 จากข้อมูลของ StatCounter
Internet Explorer ส่วนแบ่งตลาด 60.1%
Firefox ส่วนแบ่งตลาด 30.5%
จะเห็นได้ว่า Firefox แย่งชิงผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไปจาก Internet Explorer พอสมควร ถึงขนาดที่หลายฝ่ายมองว่าอาจถึงขั้นแซงขึ้นเป็นเจ้าตลาด
แต่มันก็ไม่ทันได้เกิดขึ้น..
เพราะสงครามครั้งนี้ ยังมีตัวละครอื่นเข้าร่วมวงต่อสู้อีก
ซึ่งตัวละครใหม่ที่ว่า นั่นก็คือ “Google”
Google เป็นเจ้าตลาดเซิร์ชเอนจิน และมีผลิตภัณฑ์ออนไลน์อื่น ๆ มากมาย ซึ่งมีความต้องการจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศบริษัทเพิ่มเติม จึงได้พัฒนาและเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ ชื่อว่า “Google Chrome” ขึ้นมา และเริ่มเปิดให้ใช้งานในปี 2008
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต จะสามารถใช้บริการทุกอย่างของ Google ผ่านเบราว์เซอร์ Google Chrome ได้อย่างสะดวกสบายและครบวงจรในที่เดียว
รวมทั้ง Google ยังมีความพร้อมด้านทรัพยากรและเงินทุน ที่สนับสนุนให้ทีมงานมีการอัปเดตฟีเชอร์ใหม่ ๆ ของเบราว์เซอร์ อยู่ตลอดเวลา จนรายอื่นเริ่มขยับตามได้ยาก
ด้วยเหตุนี้ ฐานผู้ใช้งาน Google Chrome จึงเติบโตแบบก้าวกระโดด และแซงหน้าขึ้นมาครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา
นอกจากนั้น ในยุคสมาร์ตโฟน ผู้เล่นอีกรายหนึ่งที่มาแรง คือ “Apple”
ในช่วงหลัง พฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต เปลี่ยนไปอยู่บนสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตมากขึ้น ซึ่ง Apple ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่งผลให้เว็บเบราว์เซอร์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS ของตัวเครื่อง อย่าง “Safari” ถูกเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง จนสามารถก้าวขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 ตั้งแต่ช่วงปี 2015
แล้วในปัจจุบัน สถานการณ์ของสงครามนี้ เป็นอย่างไร ?
ส่วนแบ่งตลาดเว็บเบราว์เซอร์ เดือนพฤษภาคม ปี 2021 จากข้อมูลของ StatCounter
- Google Chrome ส่วนแบ่งตลาด 64.8%
- Safari ส่วนแบ่งตลาด 18.4%
- Firefox ส่วนแบ่งตลาด 3.3%
- Internet Explorer ส่วนแบ่งตลาด 0.6%
เราคงพอสรุปได้ว่า Google Chrome คือผู้คว้าชัยชนะ ของสงครามเว็บเบราว์เซอร์ ในตอนนี้
ในขณะที่ ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตอย่าง Internet Explorer ได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันไปแล้ว ซึ่งทำให้ Microsoft เตรียมยกเลิกโปรแกรมในเดือนมิถุนายน ปี 2022 และมุ่งพัฒนาเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ ชื่อว่า “Microsoft Edge” ขึ้นมาแทน
นี่คงเป็นแง่คิดที่ดีว่า การเป็นผู้ชนะนั้นยากแล้ว แต่การรักษาตำแหน่งผู้ชนะอาจเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า
เพราะเมื่อไรที่เราหยุดพัฒนา ก็อาจพลิกมาเป็นผู้แพ้ในสักวัน จนไม่มีโอกาสแก้ตัวใหม่ ก็เป็นได้..
ปิดท้ายด้วยประเด็นที่หลายคนอาจสงสัยว่า
Google Chrome กับ Safari ที่ดูเหมือนเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันที่สุดในตอนนี้ ความจริงแล้วเขาทั้งสอง เป็นพันธมิตรกันในบางส่วน
เพราะในทุก ๆ ปี Google ตกลงยอมจ่ายเงินมหาศาลให้กับ Apple เพื่อขอให้ Google เป็นเว็บไซต์ค้นหาเริ่มต้นบนเบราว์เซอร์ Safari
โดยในปี 2021 คาดว่าค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 4.9 แสนล้านบาท
ถ้าถามถึงเหตุผล ก็คงเป็นเพราะ Google ให้ความสำคัญกับการครองส่วนแบ่งตลาดเซิร์ชเอนจินมากกว่า เรื่องเบราว์เซอร์ เพราะตัวสร้างรายได้ให้ Google จะอยู่ที่เซิร์ชเอนจินเป็นหลัก
Google อยากได้แทรฟฟิกการค้นหาข้อมูลเบราว์เซอร์ Safari เพื่อปิดประตูไม่ให้ผู้เล่นรายอื่น เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดเซิร์ชเอนจินไป ถึงแม้จะรู้ว่า ทำให้มีคนใช้งาน Safari เพิ่มมากขึ้นก็ตาม
ส่วนฝั่ง Apple คงเลือกรับเงินดีกว่า เพราะอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็จะเข้า Safari แล้วไปค้นหาใน Google อยู่ดี
ซึ่งอาจพอตีความได้ว่า ตอนนี้ทั้งคู่เลือกที่จะอยู่ร่วมกันบนโลกออนไลน์ แบบเป็นพันธมิตรกัน มากกว่าทำสงคราม แล้วต้องมีใครสักคนบาดเจ็บหนัก..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://acodez.in/browser-wars/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Browser_wars
-https://en.wikipedia.org/wiki/Usage_share_of_web_browsers
-https://gs.statcounter.com/browser-market-share#monthly-201201-202105
-https://www.reuters.com/technology/microsoft-unplug-internet-explorer-it-seeks-edge-browser-war-2021-05-20/
-https://9to5mac.com/2021/08/25/analysts-google-to-pay-apple-15-billion-to-remain-default-safari-search-engine-in-2021/
engine wiki 在 เกมถูกบอกด้วย v.2 Facebook 的最讚貼文
[News] คำว่า "RE" ใน RE Engine ไม่ได้ย่อมาจากคำว่า Resident Evil แต่มาจาก "Reach for the Moon"
.
คุณ Jun Takeuchi ได้เปิดเผยใน Biohazard 7 Inside Report ซึ่งเป็นหนังสืออาร์ตบุค ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2017 ในประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่า คำว่า "RE" ใน "RE Engine" ไม่ได้มาจากคำว่า "Resident Evil" อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่มาจากคำว่า "Reach for the Moon" หรือ "ไปให้ถึงดวงจันทร์" ดังภาพโลโก้ของเอนจิ้น ที่ทาง Capcom มุ่งเป้าว่าจะใช้เอนจิ้นนี้ ในการทำให้ทีมงานไปถึงจุดที่ก่อนหน้านี้คิดว่าเป็นไปไม่ได้ และทำให้สิ่งเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นจริงได้
.
ซึ่งเกมที่ใช้ RE Engine เป็นเกมแรกก็คือ Resident Evil 7 ตามมาด้วย Devil May Cry 5, Resident Evil 2, Resident Evil 3 และ Resistance, Monster Hunter Rise และรวมถึง Resident Evil Village ที่กำลังจะวางจำหน่ายในเดือน พ.ค. นี้
.
Source: https://www.twitter.com/BSAAEurope/status/1168867330765611009
https://residentevil.fandom.com/wiki/RE_Engine
-------------------------------
Steam Wallet, Battle.net Code, PSN ซื้อง่าย ได้โค๊ดทันที >> GGKeyStore.com
-------------------------------
Humble Choice ประจำเดือน มี.ค. จ่าย $12 ประมาณ 360 บาท รับสตีมคีย์ Control, XCOM: Chimera Squad, ELEX, WWE 2K Battlegrounds และอื่นๆ ดูที่นี่ - https://bit.ly/3pZKtBe
engine wiki 在 Science Experiments with Physics Engine Youtube 的最讚貼文
強化学習で「ネコひねり」を人間に教えてみました。
参考資料:
「狂気の科学―真面目な科学者たちの奇態な実験」レト・U. シュナイダー著
ネコひねり問題wikipedia
https://ja.wikipedia.org/wiki/ネコひねり問題
スポーツを科学する ねこひねりと宇宙旅行
http://www1.accsnet.ne.jp/~miyaji/iwanami_kagaku.html
Unity ML-Agents
https://github.com/Unity-Technologies/ml-agents
Twitter:
https://twitter.com/physics_engine0
裏チャンネル:
https://www.youtube.com/channel/UCVBWuZftk2Oq1CbzehHjT4g
#物理エンジンくん
engine wiki 在 Science Experiments with Physics Engine Youtube 的精選貼文
いろんなバンジージャンプを試してみました。
参考資料:
g-force
https://en.wikipedia.org/wiki/G-force#Human_tolerance
バンジージャンプが大人の証明 バヌアツの島に伝わる決死の成人式
https://crea.bunshun.jp/articles/-/12304
宇宙飛行士に待ち受ける8つの試練
https://www.redbull.com/jp-ja/do-you-have-what-it-takes-to-be-an-astronaut
Twitter:
https://twitter.com/physics_engine0
裏チャンネル:
https://www.youtube.com/channel/UCVBWuZftk2Oq1CbzehHjT4g
#物理エンジンくん
engine wiki 在 WillWill FunHouse Youtube 的最讚貼文
集結史上最華麗英雄陣容 以Unreal Engine 4引擎開發的精緻手遊畫面,展現超高畫質角色與3D背景! 邀請各位進入多樣文明和世界觀共存的OVERHIT世界。
OVERHIT 下載方式
https://app.adjust.com/ncc96tx
OVERHIT 官方 Facebook
https://www.facebook.com/TW.Overhit/
攻略網站推薦
https://www.shouyouzhijia.net/gonglve/41693.html
https://overhit.fandom.com/zh/wiki/%E5%90%84%E9%A1%9E%E5%9E%8B%E6%8E%A8%E8%96%A6%E8%8B%B1%E9%9B%84?variant=zh
https://forum.gamer.com.tw/C.php?bsn=33180&snA=33
?????????????
?合味道 Click-click 訂閱 = SUPPORT ?
?YouTube : https://www.youtube.com/funhousewillwill168
?FACEBook : https://m.facebook.com/FUNHOUSEWILL/?locale2=zh_HK
?Instagram :will_will_fh
?工作聯絡:willwillfunhouse@gmail.com
?買GAME 豬仔錢罌 https://streamlabs.com/funhousewillwill168
?????????????