One Night in Miami... (2020) สามารถดูได้ใน Amazon Prime
จะมีบทสนทนาและความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นบ้างในปีค.ศ. 1964 ถ้าหาก มูฮัมหมัด อาลี เพิ่งคว้าแชมป์โลกครั้งแรก (ในชื่อเดิม แคสเซียส เคลย์), มัลคอล์ม เอ็กซ์ หนึ่งปีก่อนถูกลอบสังหาร, จิม บราวน์ ในปีที่อำลาวงการอเมริกันฟุตบอลไปเป็นนักแสดงฮอลลีวูด, และแซม คุก นักร้องโซลในช่วงขาขึ้น มาอยู่ในห้องเดียวกัน คือหนังก็เป็นเรื่องแต่งขึ้นมาโดยอ้างอิงบุคลิกบุคคลจริง ที่น่าสนใจคือดูจะเป็นหนังปลุกพลังคนดังให้แสดงออกเพื่อความเสมอภาคมากขึ้น ชัดเจนที่สุดคือการปิดหนังด้วยเพลง Speak Now ที่ให้ตัวละครแซม คุก เป็นคนร้องจุดประกายผู้คน โดยที่โลกความเป็นจริงนั้นเขาถูกยิงเสียชีวิตในปีเดียวกันนั้นเอง เหมือนเป็นการบอกให้ทุกคนใช้อำนาจในมือแสดงพลังออกมาในขณะที่ยังทำได้
.
หนังอัดแน่นด้วยบทสนทนาชนิดไม่ให้หยุดพัก ความดีอย่างหนึ่งคือพอเป็นหนังที่ตั้งตัวว่าเป็นกลุ่มเพื่อนมานัดเจอกันหลังเพื่อนนักมวยได้แชมป์โลก หนังก็ไม่ได้มีทีท่าจะทำตัวเป็นนักเทศนา ตรงกันข้ามหนังเลือกจะสนทนาเฮฮาทำตัวเป็นเด็กแบบกลุ่มเพื่อนมาเจอกันส่วนตัว แต่ละคนมีความกังวลต่อจากการตัดสินใจของตัวเอง พอคุยพอแซวกันไปมาก็เจอหมัดแย้บหมัดฮุคให้ทะเลาะผิดใจกัน ก่อนจะมาเคลียร์กันแบบที่แสดงให้เห็นถึงความเคารพนับถือ จนสุดท้ายพอแยกย้ายกันไปทุกคนก็มั่นใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ทั้งการเปลี่ยนชื่อมาเป็นอาลีและประกาศตัวนับถือศาสนาอิสลาม, การทิ้งวงการ NFL มาแสดงหนังเต็มตัว, กระทั่งการร้องเพลง A Change Is Gonna Come
.
ฉากที่ชอบสุดคือการทะเลาะระหว่างแซม คุก กับมัลคอล์ม เอ็กซ์ ซึ่งฝ่ายนักร้องโซลชื่อดังอวดอ้างว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการตั้งค่ายดนตรีและเป็นแรงบันดาลใจส่งเสริมคนผิวดำ ส่วนมัลคอล์มนั้นอยากให้เขาใช้พลังแสดงออกในการสนับสนุนสิทธิของคนผิวดำในยุคที่ยังมีการเหยียดผิวรุนแรง มี Green Book แบ่งแยกคน ก่อนจะยกตัวอย่างว่าเพลง Blowin' in the Wind ของบ็อบ ดีแลน ยังประสบความสำเร็จติดชาร์ตเพลงฮิตได้ จนกลายเป็นเพลงที่มีส่วนสำคัญสำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยเฉพาะเรื่องความเสมอภาค ที่แต่งและร้องโดยคนผิวขาว ซึ่งเราเห็นมัลคอล์มพูดจาเหมือนดูแคลนแซม คุก แต่จริง ๆ แล้วเขาเห็นพลังการเป็นผู้นำของนักร้องคนนี้จากการขึ้นเล่นคอนเสิร์ต และคิดว่าเขาสามารถทำได้มากกว่านั้น
.
ดูแล้วก็ได้แต่หวังว่าคนดังจะแสดงออกเพื่อความเท่าเทียมกันมากขึ้น
ป.ล. หนังเข้าชิง 3 รางวัลออสการ์ คือ บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, เพลงประกอบหนังยอดเยี่ยม, และการแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม โดย เลสลี่ โอดอม จูเนียร์
Director: Regina King
stage play: Kemp Powers
screenplay: Kemp Powers
Genre: drama
7.5/10
