วิเคราะห์งบประมาณรายจ่ายรัฐบาลเยอรมันปี 2021
หลังจากที่ประเทศไทยเพิ่งได้รับร่างงบประมาณไป จึงเป็นแรงบันดาลใจให้พ่อบ้านลุกขึ้นมานั่งอ่านร่างงบประมาณของรัฐบาลเยอรมันบ้าง
เพื่อที่จะได้รู้ว่าแนวโน้มของประเทศเยอรมนีในอนาคตจะเป็นแบบไหน อย่างไร ซึ่งร่างงบประมาณประเทศนี่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากซึ่งคุณควรจะรู้ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่ในภาคธุรกิจหรือภาครัฐก็ตาม
หลังจากที่พ่อบ้านทำการอ่านข้อมูลแล้วจึงขอสรุปข้อมูลที่สำคัญออกมาได้ดังนี้ครับ
1. ปี 2020 คือปีที่เยอรมนีได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนักที่สุดจนส่งผลให้รัฐบาลเยอรมันนั้นเผชิญกับ GDP ทั้งปีที่ติดลบถึง 4.9% และยังส่งผลต่อเนื่องมายังไตรมาสแรกของปี 2021 ซึ่งติดลบอยู่ที่ 1.8% แต่อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าภายในปีนี้น่าจะมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง จนสามารถทำให้ GDP ในภาพรวมของประเทศกลับมาเป็นบวกได้
2. สัดส่วนรายได้ของรัฐบาลเยอรมันนั้นมาจาก
- เงินสมทบด้าน Social Contributions เช่นจากกองทุนประกันสังคม 39%
- ภาษีจากรายได้และความมั่งคั่ง 28%
- ภาษีจากการผลิตและการนำเข้า 21%
- และอื่นๆ เช่นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ รวมกัน 12%
3. สัดส่วนของงบประมาณ
33.07 % = Federal Ministry of Labour and Social Affairs (ไม่แปลกใจเลยกับประเทศที่เป็นรัฐสวัสดิการ)
18.6% = General financial administration
9.40% = Federal Ministry of Defence
8.24% = Federal Ministry of Transport and Digital Infrastructure
7.05% = Federal Ministry of Health
4.02% = Federal Ministry of Education and Research
3.69% = Federal Ministry of the Interior, Building and Community
2.62% = Federal Ministry for Family Affairs, Senior Citizens, Women and Youth
2.48% = Federal Ministry for Economic Cooperation and Development
2.01% = Federal debt
2.01% = Federal Ministry for Economic Affairs and Energy
6.39% = Other
4. เป้าหมายในการตั้งงบประมาณของรัฐบาลเยอรมันในปีนี้ ถ้าอ้างอิงตามคำพูดของรัฐมนตรีการคลังนาย Olaf Scholz คือ
"งบประมาณฉบับนี้จะช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้"
5. งบประมาณในส่วนของค่าใช้จ่ายในปี 2020 เมื่อเทียบกับปี 2021 แล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ในส่วนของร่างงบประมาณตอนแรกนั้นในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้นรัฐบาลเยอรมันได้ปรับลดลงถึง 18.7% จาก 508.5 พันล้านยูโร เหลือ 413.4 พันล้านยูโร
หากแต่ว่าพอประชุมแล้วทางรัฐบาลได้งบประมาณเพิ่มเป็น 498.6 พันล้านยูโรแทน ถึงจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าปี 2020 ที่ 1.96% ด้วยปัจจัยหลักๆ คือมีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ถูกโอนมาจ่ายในปี 2021 และจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในปี 2022
และยังคงมีการกู้ยืมเงินอยู่แต่จะน้อยลงเรื่อยๆ ทุกปี จากปี 2020 ที่ยืมมา 217.8 พันล้านยูโร และจะลดลงเรื่อยๆ ตามลำดับจนถึงปี 2024 จะเหลือเพียง 5.2 พันล้านยูโรเท่านั้น
6. สิ่งที่รัฐบาลเยอรมันพยายามรักษาเอาไว้คืองบประมาณในด้านของการลงทุน โดยลดลงจากปี 2020 ลงมา จาก 77 พันล้านยูโร เหลือ 55 พันล้านยูโร และหลังจากนั้นจะรักษาระดับคงที่ทุกปีจนถึงปี 2024
โดยมีจุดประสงค์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากการผ่านวิกฤตอย่างต่อเนื่อง และยังเพื่อรักษาระดับอัตราการว่างงาน จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงในทุกๆ ปี ตัวอย่างมาตรการที่รัฐบาลเยอรมันใช้ อาทิ การให้สิทธิพิเศษทางด้านภาษี หรือมาตรการในการการสนับสนุนกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก
7. งบประมาณด้านสาธารณสุข อ้างอิงข้อมูลจาก Germany Stability Programme 2021 ในส่วนของไฮไลท์ที่สำคัญคือทางเยอรมนีนั้นให้ความสำคัญกับมาตรการนี้ จึงมีการสำรองงบประมาณในส่วนของการสำรองอุปกรณ์การแพทย์ไว้ถึง 1 พันล้านยูโร และจัดสรรงบประมาณในการสนับสนุนระบบด้าน IT Security, ด้านพัฒนาระบบดิจิตอล ไว้สูงถึง 1.3 พันล้านยูโร
นอกจากนี้งบประมาณที่น่าสนใจก็คืองบประมาณในส่วนของการเพิ่มให้ความมั่นใจในส่วนของ Intensive care อาทิการเพิ่มจำนวนเตียง ซึ่งรัฐบาลสำรองเงินส่วนนี้ไว้สูงถึง 4.5 พันล้านยูโร
8. งบประมาณด้านการศึกษา รัฐบาลเยอรมันได้ทุ่มเงินในส่วนของการพัฒนาระบบดิจิตอลของการเรียนในรูปแบบออนไลน์เพื่อพัฒนาศักยภาพของการศึกษาไว้ที่ 6.5 พันล้านยูโร ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้ได้รวมไปถึงในส่วนของการจัดการในภาวะวิกฤต อาทิ การจัดซื้ออุปกรณ์ ให้กับคุณครูในการเรียนการสอนแบบออนไลน์
และนอกจากนี้ในส่วนของการศึกษาในระดับที่สูงกว่ามัธยมศึกษาทางรัฐบาลยังมุ่งเน้นให้ความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมเป็นอันดับแรกๆ โดยได้ให้งบประมาณในการพัฒนาคุณภาพในการสอนและพัฒนานวัตกรรมเป็นเงินจำนวนสูงถึง 110 ล้านยูโร โดยจะทำการจ่ายปีละ 40 ล้านยูโรจนถึงปี 2024
9. ในส่วนของงบประมาณในการป้องกันประเทศ ของเยอรมันนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในรายจ่ายหลักของภาครัฐ ซึ่งนอกจากค่าใช้จ่ายในส่วนของกำลังพลและยุทธโธปกรณ์แล้ว ทางภาครัฐยังมีค่าใช้จ่ายมนส่วนของสนับสนุน NATO ซึ่งจะส่งผลถึงความมั่นคงในภาพรยมของ EU อีกด้วย โดยในปี 2020 ทางภาครัฐนั้นได้จ่ายเงินเพื่อสนับสนุนในส่วนนี้ สูงถึง 51.4 พันล้านยูโร แต่อย่างไรก็ตามในปี 2021 ทางภาครัฐได้ตั้งงบประมาณลดลงไว้ที่ 46.9 พันล้านยูโร หรือลดลง 8.75%
"จะเห็นได้ว่างบประมาณของเยอรมันนั้นจะมีข้อมูลวางแผนยาวไปถึง 2024 เลยซึ่งถือว่าดีมากๆ เพราะเราจะได้รับรู้เทรนในอนาคต เพื่อให้เราสามารถเตรียมรับมือได้ทันว่าจะเกิดนโยบายอะไรเปลี่ยนแปลง หรือแนวโน้มในการใช้เงินของรัฐได้ครับ"
"สำหรับเป็นเงินบาทเท่าไหร่นั้นก็ลองนำไปคูณด้วย 38 ดูนะครับ เครื่องคิดเลขของพ่อบ้านกดไม่พอ ตัวเลขมันเยอะเกิน 😅"
"จริงๆ ทางภาครัฐ เพิ่งผ่านในส่วนของปี 2022 ไปไม่นานเองครับ แล้วจะมาเล่าข้อมูลในส่วนนั้นให้ฟังต่อไปครับ"
#พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #เยอรมนี
อ้างอิงข้อมูลในการวิเคราะห์จาก
ฉบับร่างจาก Bundesregierung
https://www.bundesregierung.de/breg-en/news/cabinet-budget-2021-1790544
ฉบับเต็มจาก Bundesregierung
https://www.bundesregierung.de/breg-en/news/bundestag-bundeshaushalt-2021-1827270
German Stability Programme 2021 Bundesfinanzministerium
https://www.bundesfinanzministerium.de/Web/EN/Issues/Public-Finances/public-finances.html
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過29萬的網紅jaysbabyfood,也在其Youtube影片中提到,#jaysbabyfood #storytime #lgbtinkorea ----------------------------------------- - References - - Ahn, P. (2009). Harisu: South Korean cosmetic media ...
「health education คือ」的推薦目錄:
- 關於health education คือ 在 Facebook 的最讚貼文
- 關於health education คือ 在 น้องง Facebook 的最佳貼文
- 關於health education คือ 在 Bodyslam Facebook 的精選貼文
- 關於health education คือ 在 jaysbabyfood Youtube 的最讚貼文
- 關於health education คือ 在 Disease prevention 👉Disease prevention... - โน้ตย่อ หมอแฟ ... 的評價
- 關於health education คือ 在 การรักษาด้วยไฟฟ้าสู่ Smart Health Education | โรงพยาบาลพระ ... 的評價
health education คือ 在 น้องง Facebook 的最佳貼文
เลียควยประยุทธขนาดนี้ ก็ได้ขึ้นพูดเวทีครบรอบ1ปีพรรคอนาคตใหม่อะ เอาดิ ความแมสอะมึง
"การเลือกตั้ง ไม่ใช่ Solution ทุกอย่างของชาติ"
...ประเทศแห่งความหวัง...
อย่าฝากความหวังของประเทศไว้กับ "การเมือง"
ถ้าเรื่องของตัวเองไม่เคย 'ทำหน้าที่' ให้ดีเสียก่อน
written by Thanabatra Beboyl Chaidarnn
page owner: ตุ๊ดส์review / Pussy can talk
นี่เป็นบทความสุดท้ายที่ส่งท้ายเรื่องการเมืองก่อนการเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ ถูกเขียนขึ้นเพื่อออกมาเตือนสติใครหลายๆคนในชาติให้ฉุกคิด และหันกลับมามองความจริงให้ตาสว่างไสว ก่อนไปเลือกใครสักคนที่ Love ที่สุดมาเป็นคณะรัฐบาลดูแลชาติแทนเรา
📌 เปลี่ยนมากี่ยุคสมัย ประเทศไทยไม่ได้แปลงร่างเป็น "ประเทศพัฒนาแล้ว" ซะที
จริงๆ เราไม่ได้เลือกตั้งนานแล้วก็จริง แต่ว่าเราเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยอยู่นะ แต่ชาติเราเปลี่ยนผ่านมากี่รุ่นกี่ยุค เรายังคงเป็นประเทศโลกที่... ประเทศกำลังพัฒนา ไม่รู้ว่าพัฒนาถึงไหนแล้วเหมือนกัน ว่าแต่ทำไมนะ??? ทำไมพัฒนาไม่เสร็จเสียที?
📌 ประเทศแห่งความหวัง หรือ แค่ฝันลมๆแล้งๆ?
"เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงาม จะคืนกลับมา" มารึยัง งดงามรึยังตอนนี้?
ที่ผ่านมา เราเลือกผู้นำกันด้วยความคาดหวังสูงปรี๊ดนะ ตอนสมัยลุงตู่ แม้จะไม่ได้เลือก แต่เราก็มีความหวังยิ่งใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อหลายปีที่แล้ว ก็เห็นมีหลายท่านสนับสนุนทหารอยู่ จนพักหนึ่งคนเห็นว่าไม่เวิร์คก็เลยกลับลำ
บางทีลุงตู่ อาจจะไม่ได้ทำหน้าที่เลวร้ายขนาดที่ใน social network โจมตีก็เป็นได้ แต่เราลองวิเคราะห์ดีๆว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมประเทศเราเหมือนถูกแช่แข็ง?
📌 ความจริงของประเทศนี้ คือ รากเหง้าของประเทศ เป็นศูนย์รวมแห่งมนุษย์จอม 'ขี้เกียจ' 'มักง่าย' และ 'รอคอยความหวัง'
ต่อให้นายกรัฐมนตรีเก่งกาจแค่ไหน แก้ปัญหาชาติได้ดี หรือทีมงานของเขาจะไม่โกงกิน มีนาฬิกาแค่คนละเรือน และไม่ได้ไปยืมเพื่อนมา แต่บางที ปัญหามาจากรากเหง้าของประเทศ ที่จริงๆแก้เท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จหรอก เพราะอาจจะต้องแก้ที่ "คนในชาติก่อน"
เพราะความเคยชินของคนไทย ที่เราเติบโตในระบบอุปถัมภ์ ต้องการคนมาดูแล support คุ้มกะลาหัวเรา ดูแลฉันที มาช่วยฉันให้ฉันลืมตาอ้าปากได้เสียที หรือจริงๆแล้ว ควรต้องเริ่มต้น แก้ไขที่ตัวเองก่อนพึ่งพารัฐบาล?
- ด้านความยากจน: ก่อนจะมีบัตรคนจน / บัตรประชารัฐ เราทุกคนทำหน้าที่ทำมาหากินสุดความสามารถแล้วรึยัง? เคยใส่ความคิดสร้างสรรค์กับที่ทำกิน และอาชีพของตนเองให้เต็มที่ ก่อนระบุตัวเองด้วยคำว่า "ฉันเป็นคนจน" ลองสุดแล้วรึยัง? ก่อนแบมือรับบัตร รับเงิน ที่ก็ไม่ได้ช่วยให้ลืมตาอ้าปากได้จริง
- ด้านการศึกษา: เด็กๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ อันนี้เราเข้าใจว่ารัฐต้องอุดหนุนช่วยเหลือ แต่นั่นหมายความว่า เด็กทุกคนเอง ก็ต้องทำหน้าที่เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน เป็นเด็กที่เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ ไม่เกเร ไม่สร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมืองด้วย มันถึงจะควรค่าแก่ทุนทรัพย์ที่ได้รับการอุดหนุน และพ่อแม่ต้องส่งเสริมลูกถูกทาง ฉลาดในการเลี้ยงบุตรด้วย
- ด้านสิ่งแวดล้อม: ชาติเรา สิ่งแวดล้อมแย่จังเลย รอรัฐมาจัดการ ต้องถามตัวเองว่าพวกเราดูแลสิ่งแวดล้อมกันคนละไม้คนละมือได้ แต่เราเคยทำกันไหม? ในขณะที่ พวกนักธุรกิจที่ลักลอบตัดไม้ก็ยังทำเลวอยู่ นั่นหมายความว่า รัฐบาลเก่งแค่ไหน ก็ปราบคนเลว ก็คงจัดการสิ่งแวดล้อมแบบขอไปที เอาไม่อยู่หรอก เพราะปริมาณคนทำลาย มันมากกว่าคนสร้างสรรค์
- ด้านการจราจร: เราคาดหวังให้ปัญหาการจราจรบรรเทาลง รัฐมาช่วยที สร้างถนนใหม่ วางผังเมืองใหม่ รถไฟฟ้า สาธารณูปโภคมาช่วยฉันที แต่ทุกบ้านมีรถคนละคัน ทุกคนขับรถออกมา แล้วก็ไม่ค่อยเคารพกฎจราจรด้วย คิดว่ารัฐบาลเค้าจะช่วยไหวเหรอ
📌 จะแก้ปัญหาชาติได้ ทุกอย่างต้องมาแบบ 50 : 50
-- 50% แรก มาจากรัฐบาล --
รัฐบาลต้องเก่ง ฉลาด มี case study ของชาติอื่นเทียบเคียงในการแก้ปัญหา เข้าใจปัญหา แล้วแก้ถูกจุด คือครึ่งแรกที่ต้องมาเต็ม แล้วพวกเขาจะใช้งบประมาณของชาติอย่างชาญฉลาดที่สุด เพื่อแก้ปัญหาในทุกด้าน (ที่โคตรเยอะของประเทศเรา ความยากจน เศรษฐกิจ การเกษตร สาธารณสุข การศึกษา ฯลฯ)
ดังนั้น ครึ่งแรกที่จะต้องเกิดขึ้นคือการมีรัฐบาลที่เอาใจใส่จริงๆ และไม่โง่ก่อน ส่วนถ้าไม่โกงชาติด้วยก็จะยิ่งดีมาก แล้วก็ควรทำงานเป็นทีม อย่าเก่งแค่นายก ที่เหลือควรฉลาดด้วย ไม่ใช่ฉลาดโกง เอาเวลายืมนาฬิกาเพื่อน มาหากลยุทธ์พัฒนาชาติด้วย
-- 50% หลัง มาจากคนในชาติ --
ถามตัวเองก่อนด่ารัฐบาล "ทำหน้าที่ตัวเอง" ในฐานะพลเมืองของชาติดีที่สุดรึยัง
เรางอมืองอเท้าไหม?
เรายังคงทิ้งขยะมั่วซั่วสร้างความสกปรกให้ชาติไหม?
เราเรียนหนังสือตั้งใจ เป็นเด็กดีไหม?
เราดูแลลูกดีไหม? ส่งเสริมเค้าถูกทางไหม?
เราทำธุรกิจที่สะอาดไหม? บ่อนทำลายชาติไหม?
เราต้องดี ดีให้มากพอ...เพื่อไม่สร้างปัญหาให้ชาติเสียก่อน แล้วคิดเอาว่า ถ้าทั้งประเทศทำดีที่สุดในการใช้ชีวิตในประเทศเรา ผมเชื่อว่า ปัญหาต่างๆมันจะลดลงเอง แล้วรัฐบาลจะเริ่มมี focus มากขึ้น ไม่ใช่แก้ปัญหามั่วไปหมดทุกอย่าง เพราะปัญหามันเยอะล้นมือเกินแก้ เราคนละมือ ต้องย้อนถามตัวเองให้มาก ว่าเคยช่วยชาติทำหน้าที่ของตัวเองดีที่สุดบ้างไหม?
สรุปคือ รัฐบาล และคนในสภาต้องฉลาด และไม่ชั่ว ในขณะที่เราเองก็ต้องฉลาด และไม่ชั่ว เช่นกัน
📌 อย่าคิดแค่ว่า การเลือกตั้งจะเป็น solution ทุกอย่างของประเทศ
ถ้าทุกคน ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด ทั้งฝั่งรัฐบาล และฝั่งประชาชน ชาติจึงจะสำเร็จ อย่าคิดแค่ว่า การเลือกตั้งจะเป็น solution ทุกอย่างของประเทศ ไปฝากฝังประเทศไว้ในมือคนอื่น แต่ 'ในมือเรา' ดันว่างเปล่า
ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง มิใช่รอพระเอกขี่ม้าขาว เพราะเราอาจจะรอทั้งชีวิตก็ได้ ในขณะที่ชีวิตเราไม่ได้ดีขึ้นเลย เพราะว่าเราทุกคน มัวแต่นั่งรอเฉยๆ แต่ไม่เคยทำอะไรให้ดีขึ้นเสียที
จะกี่ปีผ่านไป...ก็คงยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา ร่ำไป
ถ้าเรายังคิดไม่ได้ว่าหน้าที่เรา เราทำดีที่สุดในฐานะ "พลเมืองของชาติที่ดี" รึยัง?
"ก่อนโทษเขา ก่อนฝากชีวิตไว้กับเขา
ทำชีวิตเราให้ดีที่สุด บนหน้าที่ของเรา"
-----
หน้าที่ของพวกเรา ไม่ใช่แค่เลือกตั้งหรอก มีอะไรให้ทำอีกเยอะ ที่จะให้ชาติเรามันเจ๋งกว่านี้น่ะ อย่าคิดพึ่งคนอื่น ถ้าตัวเองไม่เคยลงมือทำอะไรเลย
'การเลือกตั้ง' จึงเป็นได้แค่จุดเริ่มต้นที่สำคัญในการหาคนมาช่วยแก้ปัญหา และพาชาติไปข้างหน้า...แต่ 'เราทุกคน' ต้องก้าวด้วย แล้วช่วยชาติเดินหน้า อย่าจบหน้าที่แค่เลือกตั้งแล้วร้อง เย่! เพราะการขับเคลื่อนชาติ มันมากกว่าแค่เลือกใครสักคนมาแก้ปัญหาแล้วจบ และก็แค่ทิ้งภาระให้เขาทำหน้าที่ แค่นั้นไม่พอหรอกครับ
ยกหน้าที่ให้เขาแก้ปัญหา...เราต้องไม่สร้างปัญหา และช่วยหยุดปัญหาด้วยมือเราก่อน
อย่าแค่ไปเลือกตั้ง เพื่อโยน "ขี้ของชาติ" ให้ใครสักคนมาแก้ แต่ตัวเราต้องทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของชาติด้วย
-----
บทความ: "อย่าสูญเสียความสัมพันธ์คนรอบข้าง ถวายให้แด่การเมือง"
https://www.facebook.com/332977620507759/posts/607012823104236/
"election is not a solution of everything of the nation"
... a country of hope...
Don't leave the country's hope on "politics"
If your business never 'do good'
written by @[1228486403:2048:Thanabatra Beboyl Chaidarnn]
page owner: @[332977620507759:274:ตุ๊ดส์review] / @[205184872969590:274:Pussy can talk]
This is the last article that ends politics before tomorrow's election. It was written to remind many people in the nation to think and look back to see the truth. Let your eyes bright before choosing someone who loves the most to be the government to take care of our nation for us.
📌 how many times have you changed? Thailand has not transformed into "developed country"
In fact, we haven't elected for a long time, but we have changed the government often. But how many generations have we changed? We are still a world country where... developing countries. I don't know where it is developed. But why??? Why are we develop? Not done?
📌 country of hope or just false dreams?
" we will follow our promise. Give me a minute and the beautiful land will return is it beautiful now?
In the past, we chose leaders with high expectations. When Uncle Tu, even though we didn't choose, we had great hope that many years ago, I saw many people supporting soldiers until a while. They saw that it didn't work, so I went back to lam.
Maybe uncle tu doesn't do a bad job in social network attack, but we try to analyze what happened. Why our country looks like frozen?
📌 the truth of this country is that the roots of the country are ' lazy human embodiment ', ' shortcuts ' and ' waiting for hope '
No matter how good the prime minister is, solve the national problem or his team will not cheat. There is only a different watch and didn't borrow friends. But sometimes the problem is from the roots of the country that actually solve it won't be solved because they may have to " people in the nation. Before "
Because of the naturalization of Thai people that we grew up in the foster system. Need someone to take care of support. Worth our head. Take care of me. Please help me. Let me open my eyes and open my mouth. Should I actually have to start fixing myself before relying on the government?
- poverty side: before the poor people / cuddle government card, have we all done our best to earn? Have you ever put creativity with your cooking and your career before identifying yourself with the word "I am poor" have you tried the best? Before taking a card, getting money that doesn't help you open your eyes.
- Education: children who are deprived of money. We understand that cuddle states need to support help. But that means that every child has to act as children who study hard. Be a good citizen of the nation. Not bad, no trouble for the city. It's worth the money to be bought and parents need to encourage the right way to raise their children.
- Environmental: our nation, environment is so bad. Waiting for cuddle states to deal with it. We have to ask ourselves if we can take care of the environment, different hands, but have we ever done it? While businessmen who smuggling wood are still doing bad things, that means no matter how good the government is, they will defeat bad people can handle the environment. They can't take it because the amount of destroyer is more than creative people.
- traffic side: we expect traffic problems to relieve cuddle states. Please help me build new roads, new city planning, utility cars, please help me. But every house has different cars. Everyone drives out and don't respect traffic rules. Do you think the government can help?
📌 to solve the national problem. Everything must come like 50: 50
-- the first 50 % are from the government --
The Government must be smart. There is case study of other nations. Compare to solve the problem. Understand the right point is the first half that they will use the nation's budget wisely to solve all aspects. (there are many of our country, poverty, economy. Agriculture, public health, education, etc.)
So the first half that must happen is to have a government that really care and not stupid first. If you don't cheat the nation, it will be better. Then you should work as a team. Don't be good at the prime minister should be smart, not smart, not smart. Take time to borrow Nation too
-- 50 % after people in the nation --
Ask yourself before cursing the government "doing your duty" as a citizen of the nation. is it the best
Do we have hands on feet?
Do we still dump the junk to make the nation filth?
Do we study hard to be good kids?
Do we take care of our kids? Promoting him the right way?
Do we do clean business? Mischief of the nation?
We need to be good enough... to not make problems for the nation first, then think that if the whole country does our best to live in our country, I believe that problems will be reduced and the government will start to focus more focus, not solve everything. Because there are too many problems to solve. We have to ask myself if i have to help the nation do your best?
In conclusion, government and Congress must be wise and not evil, while we must be wise and not evil.
📌 don't just think that election will be solution for everything of the country.
If everyone does their best, both government and people will be successful. Don't just think that election will be solution of the country. Ask for other people's hands, but ' in our hands ' is empty.
Everyone has to do their duty, not waiting for the actor to ride a white horse because we may wait for our whole life while our lives are not better because we all just sit and wait but never do anything better.
No matter how many years have passed... it's still a country. I'm developing.
If we can't figure out that our duty, we did our best as "citizens of a good nation" yet?
" before blaming him first, leave your life to him.
Make the best of our lives on our duty "
-----
Our duty is not just election. There is a lot to do to give our nation better than this. Don't rely on others if you never do anything.
' election ' can only be an important beginning to find someone to solve the problem and take the nation forward... but ' we all ' must step and help the nation move forward. Don't end your duty. Just election and cry. Yay! Because driving a nation is more than just choosing someone to solve the problem and end and just leaving the burden for him to do his duty. That's not enough.
Give him a duty to solve the problem... we must not create problems and stop the problem with our hands.
Don't just go to election to throw "National Shit" for someone to solve it, but we have to do good citizens of the nation.
-----
Article: "don't lose relationship. People around you offer to politics"
https://www.facebook.com/332977620507759/posts/607012823104236/Translated
health education คือ 在 Bodyslam Facebook 的精選貼文
ทำไปได้อะไร / โดย เพจลงทุนแมน
ตูน บอดี้สแลม คือ ใคร
ทำไม ต้องลงทุนวิ่ง จากอำเภอเบตง ถึง แม่สาย
55 วัน กับระยะทาง 2,191 กิโลเมตร
เพื่อขอบริจาคคนละ 10 บาท จาก คนไทย 70 ล้านคน เพื่อโรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่ง
ทำไม ต้องเป็น ตูน บอดี้สแลม และ ตูน บอดี้สแลม ได้อะไร จากการวิ่ง?
ตูน หรือ นายอาทิวราห์ คงมาลัย อายุ 38 ปี เกิดและเติบโต ที่ สุพรรณบุรี เรียนจบมัธยม ที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและ จบนิติศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์ฯ
ตูนได้รางวัลชนะเลิศจากเวทีการประกวด Hotwave Music Award จึงได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง music bugs และออกอัลบั้มชุดแรกชื่อ ละอ่อน และภายหลังได้ ตั้งวงขึ้นมาใหม่ ชื่อ Bodyslam
ตูน นอกจากเป็นนักร้องเพลงร็อคแล้ว ยังมีความสามารถด้านกีฬา ได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงชนะเลิศประเทศไทยในปี 2554 และ 2555 และเข้าร่วมการวิ่งการกุศลอยู่เสมอ
เมื่อ 3 ปีก่อน ตูน ได้ย้ายมาอยู่บางสะพาน จังหวัดประจวบฯ โดยปีที่แล้ว นายแพทย์ เชิดชาย ชยวัฑโฒ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล บางสะพาน ได้เชิญตูนมาร่วมงานวิ่งการกุศล เพื่อ นำเงินบริจาคที่เหลือมาซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่ขาดแคลน
เมื่อไปที่โรงพยาบาล ทำให้รู้ว่า นอกจาก ผู้ป่วยยังต้องนอนตามเตียงทางเดิน เครื่องมือพื้นฐานในการรักษา ไม่มี หรือมีก็ไม่พอเพียง อาทิ ตู้อบทารกแรกเกิด มีแค่เครื่องเดียว เด็กเกิดใหม่ต้องแชร์เครื่องฉายไฟ จำนวนเครื่องฟอกไต ก็มีไม่พอ คนไข้โรคไต ต้องรอคิวใช้กัน
การจัดงานวิ่งการกุศล มีค่าใช้จ่ายสูง อาจจะไม่มีเงินเหลือพอสำหรับการซื้อเครื่องมือแพทย์ ซึ่งแต่ละอย่าง ราคาเป็นหลักล้าน
ทำยังไง ให้ได้เงินบริจาคมากที่สุด โดยไม่ต้องหักค่าใช้จ่ายใดๆ?
คำตอบคือการ "วิ่งคนเดียว" ของตูน
ถ้าวิ่งคนเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องมีเงินซื้อเสื้อวิ่ง ค่าอาหาร ค่าเต้นท์ ค่าเหรียญ
แล้วทำไมต้องวิ่ง?
สาระการวิ่ง ก็เพื่อสื่อสารให้คนรับรู้ ว่า โรงพยาบาลมีปัญหา ไม่ใช่การวิ่งเพื่อใครชนะหรือถึงเส้นชัยก่อน วิ่ง 10 วัน เพื่อให้คนรับรู้ 10 วัน
ให้แต่ละคนก้าว ออกมา คนละก้าว เพื่อบริจาค คนละ 5 บาท 10 บาท ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวย มีเงินบริจาคเยอะ ขอให้มีคนรับรู้มากๆพอ และ มีจิตใจที่ต้องการช่วยเหลือคนป่วย
จึงได้เกิดโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อโรงพยาบาล บางสะพาน เมื่อเดือนธันวาม 2559 โดยตูนวิ่งจาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ ถึงบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์
และ ก้าวเล็กๆ ของแต่ละคน ที่มากองรวมกันในปีที่แล้ว ตูนได้เงินบริจาคถึง 85 ล้านบาท
ตูน บอดี้แสลม ได้สร้างปรากฏการณ์ ที่กระเพื่อมสังคมไปทุกระดับ ตูนเป็นแบบอย่างของคนรุ่นใหม่ ที่รักในการดนตรี รักกีฬา เป็นผู้นำ และเป็นคนดีที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม
ตูนบอกว่า เป็นอีกวันหนึ่งของชีวิตที่มีความสุขมาก เห็นได้จากแสงแห่งความสุขที่ฉายอออกมาจากแววตา และ รอยยิ้ม เป็นความสุขในการทำความดีให้ผู้อื่น คงไม่ผิด ที่จะบอกว่า มีเงินเท่าไหร่ก็หาซื้อ ความสุขแบบนี้ไม่ได้
เมื่อย้อนกลับไปเข้าใจความเป็นตัวตนของตูน นอกจาก จะได้รับรางวัลเพลงยอดเยี่ยม ศิลปินร็อคยอดเยี่ยม และผลสำรวจโพลว่าเป็นนักร้องชายที่ประชาชนชื่นชอบ ตูนยังได้รับรางวัล ลูกกตัญญูในวันแม่ปี 2549
และ บ้านที่บางสะพาน ยังเป็นของขวัญที่ตูนซื้อให้คุณแม่ บ่งบอก ความสุขของการเป็นผู้ให้ของตูน และ ตูน ได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ครอบครัวคงมาลัย ที่มีลูกชายที่เป็นคนดี และ การยังประโยชน์เพื่อสังคม
ถ้าถามว่า ตูน ได้แก้ปัญหาถาวรให้กับโรงพยาบาลได้หรือไม่ หรือ สร้างเหตุการณ์ขึ้นมาครั้งเดียว ให้แค่อยู่ในความทรงจำ และลืมเลือนไป
ในหนึ่งปัญหา ย่อมมีทางออกหลายทาง และโครงการก้าวคนละก้าว อาจนำไปสู่ ก้าวเล็กๆ ที่เดินไปหาทางออกที่ใหญ่ได้
ตามข้อมูล สมาพันธ์แพทย์ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ได้รายงานการขาดทุน 18 โรงพยาบาล ในปี 2560 โดย 5 อันดับแรกคือ
ร.พ. พระนั่งเกล้า ขาดทุน 355 ล้านบาท
ร.พ. สระบุรี ขาดทุน 322 ล้านบาท
ร.พ. อุตรดิตถ์ ขาดทุน 277 ล้านบาท
ร.พ. สกลนคร ขาดทุน 225 ล้านบาท
ร.พ.สุราษฎร์ธานี ขาดทุน 220 ล้านบาท
ตั้งแต่ ปี 2551 โรงพยาบาลเหล่านี้ ขาดทุนมาตลอด จากหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช หรือ 30 บาท รักษาทุกโรคสำหรับประชาชน
เมื่อดู งบประมาณแผ่นดินของปี 2561 จำนวน 2.9 ล้านล้านบาท ได้จัดสรร ดังนี้
กระทรวงศึกษาธิการ 5.1 แสนล้านบาท (ค่าจ้างครู 3.11 แสนล้านบาท)
กระทรวงมหาดไทย 3.55 แสนล้านบาท
กระทรวงการคลัง 2.38 แสนล้านบาท
กระทรวงกลาโหม 2.22 แสนล้านบาท (ค่าจ้างทหาร 1.04 แสนล้านบาท)
และกระทรวงสาธารณสุข 1.26 แสนล้านบาท (ค่าจ้างหมอ พยาบาล 0.99 แสนล้านบาท ที่เหลือเป็น ค่าใช้จ่ายทางเครื่องมือแพทย์และ อื่นๆ)
โดยเมื่อต้นปี กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงเรื่อง วิกฤตปัญหาการเงินของโรงพยาบาล ว่าเป็นปัญหาสภาพคล่อง และ ดำเนินการแก้ไขอยู่
ถึงแม้ในภาครัฐ จะมีการจัดการ แต่ความเจ็บป่วย ก็รอไม่ได้
ในปีนี้ โครงการก้าวคนละก้าว จัดเพื่อ 11 โรงพยาบาล และ อาจเป็น การวิ่งเพื่อโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายของตูน
ตูน จะเริ่มวิ่งวันที่ 1 พฤศจิกายน จากอำเภอเบตง จังหวัด ยะลา ผ่าน 20 จังหวัด และ ถึง แม่สาย จังหวัด เชียงราย ในวันที่ 25 ธันวาคม รวม 55 วัน โดยวิ่ง 4 วัน พัก 1 วัน
ระยะทางและเวลา มากกว่า ปีที่แล้ว ถึง 5 เท่า และไม่น่าจะมีใครกล้าวิ่งแบบนี้มาก่อน
นอกจากเราคนไทย จะช่วยกันส่งกำลังใจแล้ว เรามาช่วย ส่งตูน ให้วิ่งถึงเส้นชัย ด้วยการบริจาคกันได้ เพจลงทุนแมน ขอร่วมเป็นหนึ่งในก้าวเล็กๆ ในการทำความดีด้วยการเขียนบทความนี้ และได้บริจาคเงิน 10,000 บาท ให้กับโครงการ ก้าวคนละก้าว
ถึงแม้เราจะไม่ได้วิ่งกับ ตูน และไม่มีคนอื่นเห็น แต่ความดีที่เราได้ทำ และความสุขที่เราได้รับ ก็น่าจะอยู่ในใจเรา
ในโลกนี้
น่าจะมีคนอยู่ 2 ประเภท คือ
1.คนที่มองภาพเล็ก ที่มุ่งหวังแต่เรื่องของตัวเอง สิ่งที่สนใจมากที่สุดของคนนั้นคือ ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในบัญชีธนาคาร ทุกอย่างที่จะทำต้องมีความคุ้มค่า ถ้าทำมากแล้วได้น้อย ถือว่าไม่คุ้ม ท้ายสุดแล้วเขาน่าจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเอง คนนี้เรียกว่า LONELY MAN
2.คนที่มองภาพใหญ่ ที่มุ่งหวังเรื่องของสังคมโดยรวม สิ่งที่สนใจมากที่สุดของเขาคือ สุดท้ายแล้วสังคมจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับตัวเลขของตนเอง แต่เกี่ยวกับความสุข ความเป็นอยู่ ของทุกคน สุดท้ายเขาอาจจะไม่ได้อะไรเลยเช่นเดียวกับคนแรก แต่คนที่ได้คือทุกคนในสังคมทั้งหมด และจะย้อนกลับไปเป็นความสุขใจของเขาเอง โดยที่ไม่ต้องมีใครรู้.. แค่นี้ก็พอแล้ว
สิ่งที่จะเป็นในอนาคต เราเลือกเส้นทางได้จากการกระทำของเราในปัจจุบัน
เราเลือกได้ว่าเราจะเป็น LONELY MAN หรือคนแบบที่สองที่เรียกว่า HAPPY MAN..
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ Facebook: ก้าว
#ก้าว #ก้าวคนละก้าวเพื่อ11โรงพยาบาล #ก้าวนี้เพื่อหมอและพยาบาลทุกคน
การทำความดี แม้ไม่รู้ว่า ทำไปทำไม ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ไม่รู้ว่า ทำไปถึงไหน ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ไม่รู้ว่า มีใครทำบ้าง ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ไม่มีใครชื่นชมยินดี ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ต้องฝืนใจทำ ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้ไม่เห็นผลตอบแทน ก็ต้องทำ
การทำความดี แม้มีเวลาน้อยนิด ก็ต้องทำ
เพราะความดีก็ยังคงเป็นความดีอยู่ตลอดเวลา
เพราะคนดีก็ต้องทำความดี
เพราะคนดีได้กำลังใจจากการทำความดี
ขอให้เชื่อมั่น ในความดี ทำดีต้องได้ดี
มิเปลี่ยนแปลง
“การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ
เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่
และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว
แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง
ในการสร้างเสริมและสะสมความดี”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
14 สิงหาคม 2525
What can I do? / by Investment page man
Who is Toon Bodyslam
Why do you have to invest from Betong to Mae Sai District?
55 days and 2,191 km distance
To ask for donations of 10 baht each from 70 million Thai people for 11 center hospitals.
Why does it have to be a Toon Bodyslam and Toon Bodyslam?
Toon or Mr. Sunwarah Khongmalai, born and raised in Suphan Buri, graduated at Suan Kulalongkorn school and graduated from Chulalongkorn University.
Toon won the award from the Hotwave Music Award contest, so he signed the first music bugs camp and released the first set of the name and later set up a new band named Bodyslam.
Toon, in addition to being a rock singer, there is also a sports talent, participating in Thailand and 2555 and 2554 charity run.
3 years ago, Toon moved to Bang Saphan, Prachuap Province. Last year, Dr. Snub Chao Chao cuddle Thao, director of Bangsaphan hospital invited Toon to join the charity run to bring the rest of the donations Medical equipment shortage
When you go to the hospital, let's know that the patient has to sleep in bed, the basic tools for treatment, no or not enough. Such as newborn cabinet. There is only one new born child must share. The number of dialysis machine. There are not enough patients. Kidney has to wait for the queue to use.
Charity run is high cost. There may not be enough money left for medical equipment. Each cost a million.
How to get the most donations without deductions?
The answer is "running alone" of Toon.
If you run alone, you don't need to have money to buy a running shirt, food, tent, coins
So why run?
Running is to communicate that the hospital has problems, not running for anyone. Win or reach the finish line for 10 days to make people know for 10 days.
Let each person step out to donate 5 baht each. 10 baht. There is no need to be rich person. There are many donations. I wish that there are many people to know enough and have a
So there was a project to be a step at a step for Bang Saphan Hospital in December 2559 by Toon ran from Suan Kua School, Bangkok to Bang Saphan, Prachuap Khiri Khan
And the small step of each person who came together in the last year. Toon has donated up to 85 million baht.
Toon Bodyslam has created a phenomenon that ripple society. Toon is a role model for a new generation who loves music, love sports, a leader and a good person who makes merit for society.
Toon says it's another day of a happy life. See from the light of happiness that I come out of eyes and smile. It's happiness in doing good deeds for others. It's not wrong to say that no matter how much money you have, I can't buy this
When I understand the identity of Toon, in addition to winning the great rock artist and poll polls that they are the people's favorite male singer. Toon also won cuddle girls on Mother's Day 2549
And the house that bang saphan is also a gift that toon bought for mother. The happiness of being a cartoon and toon has made pride for the family who has a good person who is a good person and a good person for society.
If you ask if toon has solved a permanent problem for the hospital or create an event once, just stay in memory and forget.
In one problem, there are many solutions and one step of the project can lead to small steps that walk to a big solution.
According to the Confederation, Medical Hospital Center, General Hospital reported a loss of 18 hospitals in 2560 by the top 5 are
The school. Nov. Phra sit klao is a loss of 355 million baht.
The school. Nov. Saraburi is a loss of 322 million baht.
The school. Nov. Uttaradit is a loss of 277 million baht.
The school. Nov. Sakon Nakhon. Loss 225 million baht.
The school. Nov. Surat Thani loss of 220 million baht.
Since 2551, these hospitals have been a loss from all health insurance of the National Health Insurance Office, PA or 30 baht. Treatment for all diseases for the people.
When you look at the budget of 2561, the amount of 2.9 trillion baht has been allocated as follows
Ministry of Education 5.1 billion baht (Teacher's wages 3.11 billion baht)
Ministry of Thailand 3.55 hundred thousand baht.
Ministry of Finance 2.38 billion baht
Ministry of Defense 2.22 billion baht (Military wages 1.04 billion baht)
And Ministry of Health 1.26 billion baht (Doctor's wages, Nurse 0.99 billion baht. The rest is medical and more)
At the beginning of the year, the ministry of health clarified the hospital's financial problems that it is a problem and proceeded.
Even in government, there is a deal with sickness can't wait.
This year, the project is a step at a time for 11 hospitals and it may be the last run for the hospital.
Toon will start running on November 1th from Betong District, Yala province through 20 provinces and arrive at Mae Sai province, Chiang Rai on December 25, total of 55 days, 4 days. 1 days. Day day
Distance and time 5 times more than last year and no one should have dared to run like this.
In addition to us, Thai people send encouragement, we can help send toon to run to the finish line by donating. Invest man page. Let's be one of the small steps to do good deeds by writing this article and donate 10,000 baht to Project one step at a time.
Even if we don't run with toon and no one else sees the good deeds we have done and the happiness we receive should be in our hearts.
In this world
There should be 2 types of people.
1. People who look at small photos who look forward to themselves. The most interested in that person is the number in the bank account. Everything to do must be worth it. If you do a lot, it's not worth it's not worth it. He shouldn't get anything. Apart from the numbers he created to fool himself, this one is called LONELY MAN
2. People who look at the big picture who look forward to society. Overall the most interested in the end, society will benefit. Everything is not about their own numbers, but about the happiness of everyone. Finally, he may not get anything as well as the first person. All I got is that everyone in society and will go back to be their own happiness without having to know.. This is enough.
What will be in the future, we can choose the path from our actions in the present.
We can choose whether we are LONELY MAN or the second one called HAPPY MAN..
Follow project details on Facebook: @[1253942961362212:274: k̂āw]
#ก้าว #ก้าวคนละก้าวเพื่อ11โรงพยาบาล #ก้าวนี้เพื่อหมอและพยาบาลทุกคน
Doing good deeds, even if you don't know why I have to do it.
Doing good deeds, even if I don't know where I do it, I have to
Doing good deeds, even if you don't know who does it, you have to do it
Doing good deeds, even if no one rejoice, must do it.
Doing good deeds, even if you have to do it, you have to do
Doing good deeds, even if you don't see the return, you
Doing good deeds, even if you have a little time to do it.
Because goodness is still good all the time
Because good people have to do good deeds.
Because good people get encouragement from doing good deeds.
Believe in good deeds, do good things must be good.
No change
" Doing good is hard and effective slowly, but it has to be done.
Because no evil is easy to do.
And I will be quick to make it up without feeling.
So each person has to focus and perseverance. Try their best.
To create, enhance and collect good deeds "
His Majesty King Bhumibol Adulyadej
August 14, 2525Translated
health education คือ 在 jaysbabyfood Youtube 的最讚貼文
#jaysbabyfood #storytime #lgbtinkorea
-----------------------------------------
- References -
- Ahn, P. (2009). Harisu: South Korean cosmetic media and the paradox of transgendered neoliberal embodiment. Discourse, 31(3), 248-272.
- Arora, S., Singhai, M., & Patel, R. (2011). Gender & Education determinants of individualism — Collectivism: A study of future managers. Indian Journal of Industrial Relations, 47(2), 321-328.
- Berry, C. (2001). Asian values, family values: Film video, and lesbian and gay identities. In Sullivan, G., & Jackson P. (Ed.), Gay and lesbian Asia: Culture, identity, community. (pp. 211-232). Binghamton, NY: Harrington Park Press.
- Bong, Y. D. (2008). The gay rights movement in democratizing Korea. Korean Studies, 32(1), 86-103.
- Cho, J. P. (2009). The wedding banquet revisited: "Contract marriages" between Korean gays and lesbians. Anthropological Quarterly, 82(2), 401-422.
- Choi, J. S. (2014). Korean culture orientation: Daily-life and religious culture volume. Sonamoo Publishing.
- Jang, H. S. (n.d.). Resource center of young women service review (늘푸른 사업 리뷰). Retrieved from http://www.seoul.go.kr/info/organ/center/1318_new/info/review/1253299_13874.html
- Kim, H. Y., & Cho, J. P. (2011). The Korean gay and lesbian movement 1993-2008: from "identity" and "community" to "human rights". South Korean Social Movements: From Democracy to Civil Society, 206-223.
- Kim, Y., & Hahn, S. (2006). Homosexuality in ancient and modern Korea. Culture, Health & Sexuality, 8(1), 59-65.
- Kwak. L. G. (2012, April 25). Who murdered a 19-year old LGBT teen (누가 열아홉살 동성애자를 죽였나). Oh My News. Retrieved from http://www.ohmynews.com/nws_web/view/at_pg.aspx? CNTN_CD=A0001724998
- Lee, J. E. (2006). Beyond pain and protection: Politics of identity and iban girls in Korea. In Khor, D., & Kamano, S. (Ed.), Lesbians in east Asia: Diversity, identities, and resistance. (pp. 49-67). Binghamton, NY: Harrington Park Press.
- Novak, K. (2015). The problem with being gay in South Korea. Retrieved from http://edition.cnn.com/2015/10/18/asia/south-korea-being-gay/
- Park, H., Blenkinsopp, J., Oktem, M., & Omurgonulsen, U. (2008). Cultural orientation and attitudes toward different forms of whistleblowing: A comparison of South Korea, Turkey, and the U.K. Journal of Business Ethics, 82(4), 929-939.
- Seo, D. J. (2001). Mapping the vicissitudes of homosexual identities in South Korea. Journal of Homosexuality, 40, 65-79.
- Song, J. (2014). Living on your own: Single women, rental housing, and post-revolutionary affect in contemporary South Korea. SUNY Press.
- Do Koreans Support LGBTQ+? (Ft. Seoul Queer Parade) | ASIAN BOSS https://youtu.be/p_vsIEs72p8
- Koreans React To K-pop Singer Coming Out As Bisexual [Street Interview] | ASIAN BOSS https://www.youtube.com/watch?v=BKL9VrqLJZE
- Is South Korea's LGBT+ community being scapegoated for COVID-19 spread? https://www.dw.com/en/is-south-koreas-lgbt-community-being-scapegoated-for-covid-19-spread/a-53423958
----------------------------------------
- SNS -
Facebook: https://www.facebook.com/jaysbabyfood/
Twitter: https://twitter.com/jaysbabyfood
Instagram: https://www.instagram.com/jaysbabyfood/
----------------------------------------
- Production -
✂️Final Cut Pro
Music by Eric Reprid - Back to Business - https://thmatc.co/?l=3ED40649
Music by ninjoi. - Acceptance - https://thmatc.co/?l=B8A316A
Music by Cassette Tapes - Balance - https://thmatc.co/?l=55784255
----------------------------------------
- Business Inquiries Only -
jaysbabyfood@gmail.com
or LINE: @jaysbabyfood (with @)
----------------------------------------
health education คือ 在 การรักษาด้วยไฟฟ้าสู่ Smart Health Education | โรงพยาบาลพระ ... 的推薦與評價
การรักษาด้วยไฟฟ้าสู่ Smart Health Education โดย งานการพยาบาลตรวจรักษาด้วยเครื่องมือพิเศษ โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ อุบลราชธานี. ... <看更多>
health education คือ 在 Disease prevention 👉Disease prevention... - โน้ตย่อ หมอแฟ ... 的推薦與評價
Health promotion กล่าวคือ Disease prevention จะเน้นที่การบ่งชี้ปัจจัยเสี่ยงและกำจัดปัจจัยเสี่ยง ในประชาชนกลุ่มเสี่ยง มักทำโดยบุคลากรสาธารณสุข โดยมีเป้าหมาย ... ... <看更多>