อันนี้เขียนโคตรดี
[ ชนะคนบ้า ด้วยความบ้ากว่า?]
"หนุ่มแว่นหัวร้อน" ที่สื่อมวลชนเรียกกัน มีชื่อจริงว่า รชฏ (อ่านว่า ระ-ชะ-ตะ) ถึงตรงนี้เขาเละไม่เหลือซากแล้ว
ประโยคที่เขาพูดออกมาในคลิป เป็นการกระทำในสิ่งที่คนไทยไม่ชอบครบทุกอย่าง มันเป็นการสร้างความเกลียดชังได้อย่างดีที่สุด
- อวดร่ำอวดรวย
- พาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
- ดูหมิ่นนายกฯ (แม้หลายคนจะไม่ชอบนายกฯ แต่อย่าลืมแฟนคลับนายกฯก็มีเยอะเช่นกันนะ)
- ด่าคนไทยด้อยพัฒนา การศึกษาต่ำ
- ด่าคนอื่นเป็นขยะสังคม
- ด่าคนไทยชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน
- กล่าวอ้างว่ามีตำรวจคอยช่วย ไม่เกรงกลัวกฎหมาย (แต่ความจริงไม่มีนะ อ้างเฉยๆ)
ยิ่งไปไล่ดูประวัติเก่าๆแล้ว เคยมีประเด็นกับผู้คนบนท้องถนนมานับไม่ถ้วน ขับรถปาดหน้า ชูนิ้วกลางใส่รถคันอื่น คือจัดว่าเป็นตัวจี๊ดเลยทีเดียว
ดังนั้น มันก็ไม่แปลกเลยที่จะมีฟีดแบ็กความเกลียดชังถึงตัวเขาหนักขนาดนี้
แล้วในทางกฎหมายล่ะ? ในคดีเรื่องการเฉี่ยวชนกับคู่กรณีคนอัดคลิป ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้ โดยไม่ได้เรียกประกัน มีการชดเชยค่าเสียหายให้กันเรียบร้อย
ขณะที่คดีในทางอาญา ก็มีเพียงหมิ่นประมาทซึ่งหน้า โทษปรับ หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ซึ่งเป็นคดีไม่ได้ใหญ่เลย ในแง่ของตัวบทกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รุนแรงกว่าคือกระแสสังคม ต้นสังกัด บริษัท Kasa Development แน่นอน ย่อมไม่อยากติดร่างแหไปด้วย ใช้เหตุผลเรื่องที่ นายรชฏ อ้างถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการไล่ออก
เท่ากับว่าเพียงพริบตา นายรชฏ มีคดีอาญา โดนไล่ออกจากงาน และ กลายเป็น Public Enemy ศัตรูเบอร์หนึ่งของประเทศไทย
คือก็เข้าใจได้ เพราะสิ่งที่ นายรชฏพูด มันไปกระทบใจของคนส่วนใหญ่ในสังคม จึงนำมาสู่กระแสความเกลียดชังรุนแรงเพียงนี้
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
คลิปของนายรชฏ เป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว ยอดคนแชร์เกือบล้าน ซึ่งเป็นคลิปที่ร้อนแรงที่สุดในปี 2019 เลย
เหตุการณ์ยิ่งบอกปากต่อปาก ยิ่งทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกกระแสก็ไปทางเดียวนั่นแหละ คือด่า หนุ่มแว่นยับเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา ตี 1 ของเมื่อคืน เพจ Phuri's News ได้ปล่อยคลิปวีดีโอในอีกมุมหนึ่ง ที่หลายคนน่าจะรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
คือคลิปที่สถานีตำรวจพุทธมณฑล มีชาวบ้านประมาณ 4-5 ร้อย ไปดักรอ นายรชฏ และครอบครัว ที่มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพัก
ทันทีที่คุณแม่ของ นายรชฏ เดินออกมาจากโรงพัก มีเสียงตะโกนด่า แม่ของเขา ว่า "เลี้ยงลูกแบบไหนหรอ" ตะคอกกันอย่างหนัก
ภาพที่น่าเศร้าคือสะใภ้ของบ้านนี้ แฟนสาวของนายรชฏ จับมือคุณแม่แน่น และพาไปขึ้นรถที่ตำรวจคุ้มกันอยู่
คำถามที่คนคงคิดตรงกันคือ จะไปด่าแม่กับเมียเขาทำไม?
คือด่าผู้ก่อเหตุก็ว่ากันไป คนทำผิดก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ แต่คนอื่นที่ไม่ใช่บุคคลนั้นล่ะ เขาสมควรรับหางเลขไปด้วยหรือ?
ในคลิปแรกสุดที่รถเฉี่ยวชน เราเห็นภาพภรรยาของนายรชฏ ห้ามปรามสามีของตัวเองอยู่ตลอด และพูดจากับคู่กรณีอย่างดีมากๆ ถามว่าเธอผิดอะไรล่ะ ถึงจะต้องโดนด่าไปด้วย
ความผิดของเธอมีเพียงอย่างเดียวคือนั่งอยู่ในรถคันนั้น ณ เวลานั้นแค่นั้นเอง เธอก็พยายามจัดการแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้ว
แล้วพ่อแม่ของเขาล่ะ ควรโดนลากมาด่าด้วยไหม ในเมื่อมนุษย์เราเป็นปัจเจก ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง คือมีพ่อแม่คนไหนอยากสั่งสอนให้ลูกเป็นคนไม่ดี เที่ยวด่ากราดคนอื่นแบบที่หนุ่มแว่นทำ มันไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกเป็นแบบนี้หรอก
ในอดีต กฎมณเทียรบาลสมัยอยุธยา มีโทษประหาร 7 ชั่วโคตรอยู่ คือคนทำผิด ต้องฆ่าให้ตายทั้งตระกูล นักโทษ เมีย ลูก หลาน เหลน พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ทวด ต้องฆ่าให้หมดทั้งวงศ์ตระกูล
แล้วทำไมโทษประหาร 7 ชั่วโคตรถึงถูกยกเลิกไป ไม่มีในปัจจุบันล่ะ?
นั่นเพราะสังคมเรารู้ดีว่า เรื่องความผิด มันเป็นเรื่องของตัวบุคคลนั้น และมันไม่ยุติธรรมแม้แต่นิด ที่จะลากคนรอบตัวของผู้กระทำผิด มาลงโทษด้วย
ในแง่กฎหมาย พ่อแม่ และแฟนสาว ของนายรชฏ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เช่นเดียวกับในแง่ของสังคม พวกเขาก็ไม่ควรจับแขวนมาด่าแบบนี้ด้วย
ถ้าเห็นว่าใครทำผิดอะไร ใช้กฎหมายเป็นตัวตัดสิน ถ้ายังไม่พอใจกับบทลงโทษทางกฎหมาย จะด่าคนทำผิดก็ด่าเจ้าตัวไป แต่คนไม่เกี่ยวข้องนี่ ไม่แฟร์กับเขาถ้าโดนลากมายำด้วย
คนที่โกรธเขา เกลียดเขา แต่ไปด่าแม่ด่าเมียเขา เอาแต่สะใจตัวเอง
มันจะต่างอะไรกับที่ หนุ่มแว่นทำในตอนแรกล่ะ มันก็ด่ากราดเหมือนกันล่ะนะ
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
การที่ไปรุมเตรียมจะประชาทัณฑ์จากเหตุผลเพียงเพราะเรื่องในคลิป แสดงให้เห็นถึงความอารมณ์ร้อนของคนไทย ที่พอได้ฟังสิ่งที่นายรชฏพูด ก็ฟิวส์ขาด แล้วเตรียมเอาคืนด้วยกำลัง
ใช่ คำพูดมันไม่น่าฟัง แต่กฎหมายบ้านเมืองก็มี ให้กฎหมายทำหน้าที่ของมันไป ผิดเท่าไหร่ บทลงโทษทางกฎหมายก็แรงเท่านั้น
ถ้าใครไม่พอใจอยากด่า ก็ด่าในออนไลน์ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าหาตัวไปใช้ Physical ใช้กำลังทำร้ายร่างกายเขาเลย
ความรู้สึกเหมือนเจอคนเหยียดผิว เราเอาคืนด้วยการเหยียดอีกฝ่ายให้หนักกว่า หรือไปไล่กระทืบอีกคนให้ตาย มันคือการแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือ?
วิธีที่หน่วยงานที่อังกฤษแนะนำคนโดนเหยียดผิว คือเอาสิ่งที่โดนเหยียดเก็บหลักฐาน แล้วมาแจ้งที่เจ้าหน้าที่ โดยบทลงโทษน่ะมันมีอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องไปเอาคืนด้วยการด่าคืน หรือไปต่อยตีอีกฝ่าย คือมันไม่ได้แก้ปัญหากันแบบนั้น
เราเห็นนายรชฏด่ากราดไปทั่วแบบนั้น เราก็ได้แต่คิดในใจไอ้เวรนี่มันบ้าหรือเปล่า
เพราะมีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่ด่าไปทุกหย่อมหญ้าขนาดนั้น คนสติดีที่ไหนจะทำ
แล้วเมื่อเจอคนบ้า เราจะไปบ้าเหมือนเขาทำไม ทั้งๆที่เราสามารถแสดงความเป็นอารยชนได้
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องมองเรื่องนี้ให้ลึกเกินกว่าแค่ ไอ้แว่นคลั่งด่ากราด มองลึกลงไปเลยว่าเราจะได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง
สำนักข่าว ก็ไม่ควรจะเฮโล ไปเล่นประเด็นซ้ำเดิมๆว่าใครทำอะไรที่ไหนยังไง หรือเล่นข่าวว่า มีเซเล็บคนไหนอยากจะกระทืบไอ้แว่นบ้าง แต่มันน่าจะดีกว่า ถ้าเราลองวิเคราะห์ดูถึงปรากฏการณ์นี้อย่างจริงจัง
1) ตั้งคำถามว่า นายรชฏ ทั้งๆที่เป็นคนไทย มีพ่อแม่เป็นไทย 100% ทำไมถึงเกลียดประเทศไทยขนาดนั้น ทำไมถึงคิดว่าคนไทยเป็นพวกชั้นต่ำ อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น
คำว่าชั้นต่ำของเขาคืออะไร และในมุมของเขาคนประเทศไหนคือชั้นสูง คือมีอะไรในสังคมไทย ที่เขาไม่ชอบ ต้องมานั่งถกกันเลย
2) พิจารณาสภาพอาการป่วยของ นายรชฏ ว่าเป็นโรคอะไรหรือเปล่า พ่อบอกว่าปกติดี ส่วนแม่บอกว่ากินยาอยู่ ความชัดเจนคืออะไรกันแน่ สิ่งสำคัญคือเราควรจะรู้ว่า นายรชฏนี่สติดี 100% ใช่ไหม ตอนที่ออกสตาร์ตด่ากราดขนาดนั้น ทำไมถึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย
พ่อแม่ผู้ปกครองที่เห็นแนวโน้ม ว่าบุตรหลานของตัวเอง จะออกอาการบ้าคลั่ง จะได้นำตัวลูกหลานไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเกิดเรื่องแย่ๆขึ้นมาแบบนี้
3) เป็นข้อเตือนใจให้เราได้เห็นว่า ในสังคมไทย เวลาคนเขาด่า เขาไม่เคยด่าเราแค่คนเดียว แต่คนรอบข้างทั้งหมด จะโดนด่าไปด้วย ดังนั้นจงชั่งใจให้ดี ก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป ถ้าหากยังรัก ยังแคร์คนรอบข้าง ก็อย่าทำให้เขาได้รับผลกระทบและต้องเสียใจไปด้วย
4) ได้เห็นการแก้ปัญหาขององค์กรที่เกี่ยวข้อง อย่างบริษัทต้นสังกัดของนายรชฏ ที่ประกาศไล่ออกทันที คือเป็นการตัดปัญหา แสดงจุดยืนขององค์กรว่าไม่สนับสนุนคนทำผิด คือถ้ากระแสมันแรงแล้ว คุณต้องรีบ Take Action ก่อนองค์กรจะโดนหางเลขตามไปด้วย
5) ชี้ให้เห็นว่ายุคนี้ พลังของโซเชียล เน็ตเวิร์คไปเร็วมาก ทำผิดอย่าคิดว่าหลบซ่อนได้ แค่พริบตาเดียวคนรู้กันทั่วประเทศ หากเราโดนใครกระทำไม่ดี มือถือเรามี อัดคลิป อัดหลักฐานเอาไว้ ถ้าสุดท้ายเราเป็นฝ่ายถูก สังคมจะช่วยเราเอง
6) เราได้เห็นความใจเย็นของหนุ่มคู่กรณี ที่โดนด่าขนาดนั้น แถมยังถูกบังคับให้กราบเท้า แต่ยังไม่น็อตหลุดใช้กำลังในการจบปัญหา ซึ่งนำมาสู่ความชื่นชมอย่างมาก เพราะการใช้กำลังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องอยู่แล้ว เขาคือผู้ชนะตัวจริงของเหตุการณ์นี้
7) เวลารถยนต์เฉี่ยวชนบนท้องถนน ควรรู้ไว้เลยว่าถ้าหากมีประกัน ก็โทรเรียกให้ประกันมาจัดการ ไม่ต้องลงมาด่าทอกันเอง เหตุการณ์มันเกิดไปแล้ว มันคืออุบัติเหตุ และหน้าที่ของประกันรถยนต์ก็เพื่อเคลียร์ปัญหาในลักษณะนี้ล่ะ ไม่ต้องโมโหขนาดนั้น ให้ประกันได้ทำหน้าที่ของเขาไป
8) สื่อมวลชนควรไปทำการเจาะชีวิตของคนที่จะไปประชาทัณฑ์นายรชฏ ที่สถานีตำรวจ ว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจขนาดนั้น ถึงขนาดต้องการลงไม้ลงมือ คำพูดไหน ที่เป็นการกระตุ้นความรู้สึก ให้ถึงขนาดต้องขับรถหลายกิโลมาที่สถานี เพื่อรอดักกระทืบผู้ก่อเหตุ
และ 9) การได้คนรักดี คือลาภอันประเสริฐ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คนที่พอจะช่วยให้สถานการณ์ของพี่แว่นนั้นเบาลงไปหนึ่งสเต็ป คือคุณภรรยาที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกอย่าง
เธอทั้งช่วยเจรจากับเรื่องอุบัติเหตุ ในตอนแรกก็เป็นเธอนี่ล่ะที่ยกมือไหว้คู่ก่อเหตุ และคอยห้ามปรามสามีตัวเอง นอกจากนั้นยังคอยอยู่กับพ่อแม่สามี ตลอดเรื่องราวที่เกิดเหตุขึ้น เชื่อได้เลยว่า 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นวันที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิตของเธอ
ถ้าได้คนรักดี ที่มีความฉลาด และพร้อมอยู่เคียงข้างเราเสมอแม้ในวันที่เจอปัญหา ไม่ว่ายังไงก็อย่าปล่อยมือเขาไปเด็ดขาด
เห็นไหม มีหลายมุมตั้งเยอะ ที่เราจะหยิบยกมาคุยกันได้จากเหตุการณ์นี้ นอกเหนือจากกูหมั่นไส้ไอ้แว่น อยากกระทืบมันจังเลยว่ะ จริงไหม
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
จากนี้ไปเรื่องของพี่แว่น ก็จะอยู่ในกระบวนการของตำรวจ ถ้าหากทำผิดจริงตามข้อหาหมิ่นประมาทซึ่งหน้า ก็จะโดนลงโทษปรับ หรือจำคุก ก็ว่ากันไป
นอกเหนือจากโทษทัณฑ์จากตำรวจ พี่แว่น ก็ต้องรับบทลงโทษทางสังคมไปตลอดชีวิต เขาจะโดนตีตราเอาไว้จากคลิปนี้ ซึ่งจะส่งผลให้การเข้าสังคม การใช้ชีวิตต่างๆในประเทศไทย ก็จะทำได้ยากมาก เพราะคนจะย้อนไปนึกถึงเรื่องนี้เสมอ
ขณะที่เรื่องการใช้ชีวิต ณ เวลานี้ เขาตกงานแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะหางานใหม่ได้หรือไม่ จะมีองค์กรไหนกล้ารับเผือกร้อนชิ้นนี้มาร่วมงานด้วย ชีวิตของเขาจะอยู่ยากมากๆ
บทลงโทษของเขานั้นแรงมหาศาล และคลิปสั้นๆแค่ 5 นาทีนี้ ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล
แต่แน่นอน มันเป็นสิ่งที่เขาก่อขึ้นเอง ก็ต้องรับมันไว้เอง
ขณะที่คนนอกที่คอยดูเหตุการณ์ ก็วิจารณ์กันได้ จะด่าพี่แว่นก็ด่าไปเถอะ จากความห้าวขนาดนั้น บอกตรงๆก็สมควรโดนนะ
แต่อย่าลืมนะครับ ว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องของเขาเอง พ่อแม่เขาไม่เกี่ยวอย่าลากมาด่าด้วย คนรักเขาก็ไม่เกี่ยว อย่าลากมาด้วยเช่นกัน
สุดท้าย พี่แว่นบอกในคลิปว่า "กูดูถูกคนไทยทั้งประเทศ" ดังนั้นมันก็น่าจะดี ถ้าเราทำให้เขาเห็นว่า คนไทยไม่เห็นมีอะไรน่าดูถูกตรงไหน
ทำให้พี่แว่นได้เห็นว่าเนื้อแท้ของคนไทยเรานั้น จิตใจดี มีเหตุผล มีอารยะ
และที่สำคัญคนไทยเรา จะไม่ชนะคนบ้า ด้วยความบ้ากว่าอย่างแน่นอน
#หนุ่มแว่นหัวร้อน
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
รูปถ่ายขออนุญาตแคปมาจากคลิปของ Phuri's News นะครับ ถ่ายได้ดีมากๆ และสะเทือนอารมณ์จริงๆ
[win a crazy man with more craziness?]
"Hot-headed glasses guy" that the press is called rachatat (read that ra-Cha-ta). He is messy here. There is nothing left.
The sentence that he says in the clip is an action of what Thai people don't like. Everything is the best hate.
- show off to be rich
- refer to the king's Institute.
- Disrespect The Prime Minister (even though many people don't like the Prime Minister, don't forget the Prime Minister's fans too)
- Scold Thai people, undeveloped, low education.
- cursing other people is social trash.
- Scold Thai people. I like to be nosy about other people
- I claim that there is a police to help. Not afraid of the law (but there is no truth. Just claim)
The more I went to see old history, there was an issue with people on the road for cuddle baht. Driving to cut my front and put my middle finger in other cars. It was a hot.
So it's not strange to have a feed back to him this heavy.
What about legal? In the case of crashing against the party, the 2 people who recorded the clip. Both parties agreed without calling insurance. Damages have been compensated.
While criminal cases are only defamation, penalty or imprisonment under 1 years, which is not big in terms of law.
However, what is more severe is the social trend. Kasa development company certainly does not want to be stuck. Use the reason why Mr. Racht referred to the king's institute for expulsion.
It's equal to a blink of an eye. Mr. Racht has a criminal case fired from the job and became public enemy number one of Thailand.
Well, I can understand because what Mr. Racht says hits the heart of most people in society, so it brings to this severe hate trend.
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
The clip of Mr. Rachatat is fast cuddle fast. The total of almost a million people share, which is the hottest clip of 2019
The incident, the more you tell the mouth to mouth, the more it makes the situation increase more violence. At First, the trend went the only way. That
However, at 1 am of last night, phuri's news page released a video clip on the other end that many people should feel very heartbreaking.
It's a clip at phutthamonthon police station. There are about 4-5 hundred villagers to wait for Mr. Rachatat and family who came to talk to police officers in the police station.
As soon as Mr. Racht's mother walked out of the police station, there was a shout out to his mother, " what kind of child is this yelling hard.
Sad picture is the in-laws of this house. Mr. Racht's girlfriend held her mother's hand and took him to the car where police guarded.
The question that people may think the same thing is why do you scold his mother and wife?
If you scold the perpetrator, let's talk about it. The wrong person is responsible for what they do. But other people who is not the person. Do they deserve the number?
In the first clip that the car crashed, we saw the wife of Mr. Racht forbid his husband all the time and spoke to the party very well. Ask what was wrong with her to be scolded.
Your only fault is sitting in that car at that time. That's all. She's all the best solution.
What about their parents? Should they be scolded? When human beings are the cuddle th grade. Everyone has their own idea. is that any parents want to teach their children to be bad people to scold other people like the way the glasses guy does. No parent wants a child to be like this
In the past, the law of Ayutthaya, there was a death penalty for 7 EVIL. The wrong person must kill them. The whole family, wife, children, grandchildren, great-Great-Great-Great-Great-Great-Great-Great-Great-Great - All of them all family
So why is the death penalty for 7 evil being terminated, no present?
That's because our society knows the fault is about the person and it's not even fair to drag the perpetrators to punish.
In terms of law, the parents and gf of Mr. Racht did nothing wrong, as well as in terms of society, they should not have hung like this.
If you see that someone does wrong, use the law as a judge. If you are not satisfied with legal punishment, you will scold the wrong person, scold him. But the irrelevant person is not fair to him if they are dra
Those who are angry with him hate him, but scold the mother and scold his wife. He is satisfied with himself.
What's different than the glasses guy did in the first place? He was angry too.
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
The way to fight is preparing to lynching for the reason. Just because the story in the clip shows the temper of Thai people who hear what Mr. Racht said, he is torn. Prepare to take it back with power.
Yes, words are not nice to listen to, but the law of the city has the law to do its duty. No matter how wrong, the legal punishment is strong
If anyone is not satisfied, you want to scold, you can scold online. There is no need to go to use physical to use physical to hurt him.
Feeling like we meet a racist. Do we take it back by racism harder or beat the other person to death. is it the right solution?
The way the British agency recommends racist is to take what is to collect evidence and inform the authorities by punishment. You don't have to take it back by cursing back or hit the other. It doesn't solve the problem. That's it.
I see Mr. Racht all over the place. I just think in my heart. is this motherfucker crazy?
Because only crazy people scold every grass patches like that. Where will the sane person do it?
Why do we go crazy when I meet crazy like him when we can show my mood?
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
In the end, we need to look at this deeper than just the crazy glasses. Look deeper what we can get from this.
News Agency shouldn't be halo to replay the same point of who did what, where, or play news that any of the nail wants to beat the glasses, but it would be better if we analyze this phenomenon seriously.
1) ask if Mr. Racht, even though they are Thai people have 100 % Thai parents. Why do you hate Thailand so much. Why do you think that Thai people are low class?
What is his low class and in his corner. which country is the high class? What is there is in Thai society that they don't like? We have to sit and discuss.
2) consider the condition of Mr. Racht's illness. Dad said it's normal. Mom said that she was taking medicine. What is the important thing is that we should know that Mr. Racht is 100 % conscious, right? I'm so angry when I'm so angry. Why can't I control my emotions?
Parents who see the tendency that their children are going to get crazy so they can bring their children to consult with doctors before this bad things happen.
3) it's a reminder for us to see that in Thai society, when people scold, they never scold me alone. But all people around you will be scolded. So weigh your heart before you decide to do something if you still love, still care. People around you don't affect them and regret it.
4) seeing the solution of relevant organizations like Mr. Racht's precincts that announced that immediately is to cut off the problem. Show the organization's stand that they don't support the wrong person. If the trend is strong, then you need to take action before the organization gets hit. Tail number. Follow me.
5) indicates that the power of social networks very fast. Don't think that you can hide just a blink of an eye. People know all over the country. If we are bad, our mobile phone has a clip to record evidence if we are. The right society will help us.
6) we have seen the composure of a guy who was scolded and forced to pay respect to the feet, but still didn't get rid of the power to end the problem which brought to much appreciation because using force is not the right answer. He is the real winner. Of this event
7) when a car crashes on the road, you should know that if you have insurance, call insurance to deal with it. Don't come down to scold each other. The incident has happened. It's an accident and the duty of car insurance to clear the problem in Look like this. Don't be that angry. Let insurance do his duty.
8) The Press should go to penetrate the life of someone who is going to lynching at the police station. What offends him that he wants to get into the wood. Which words that stimulates the feeling that he has to drive many kilos to the station. To survive cuddle kg. Beat the perpetrator.
And 9) having a good lover is a good fortune. I can't deny that the person who can help the situation of brother glasses is one step lighter is the wife who is in all events.
She helped negotiate with the accident. At First, it was you who raised your hand to pay respect to the crime and forbidden her husband. Besides, she stayed with her parents-in-in-law all the scene story. Believe that the last 24 hours were the worst day of my life. Yours.
If you have a good lover who is smart and always ready to be there for us. Even when you encounter problems, don't let go of his hand.
See, there are so many angles that we can talk from this incident. Besides I'm irritating. I want to beat them. is it true?
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
From now on, brother glasses will be in police process. If you do wrong, according to defamation, the face will be punished or imprisonment, let's say.
In addition to the police penalty, brother glasses has to take social punishment for the rest of his life. He will be beaten by this clip which will result in social. Living in Thailand will be very difficult because people will always think about this.
While living at this time, he lost his job, which doesn't know whether to find a new job. Which organization dares to get this hot taro to attend. His life will be very difficult to live.
His punishment is so strong and this short 5 minute clip has changed his life forever.
But of course it's what he made himself. Take it himself.
While outsiders who watch the incident can criticize each other. If you want to scold brother glasses, just scold. from that bad. Honestly, I deserve it deserves it.
But don't forget that this is all about him. Parents are not involved. Don't drag me to scold. Love is not related. Don't drag them either.
Finally, brother glasses said in the clip that "I insult Thai people in the whole country" so it would be good if we show them that Thai people don't see anything right.
Make Brother Glasses see that the real texture of Thai people is good, reasonable, civilized.
And most importantly, Thai people will not win crazy people with craziness.
#หนุ่มแว่นหัวร้อน
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
Photo shoot. I would like to capture from @[174157096462442:274:Phuri's NEWS]'s clip. Very good shot and I feel really emotional.Translated
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過2,030的網紅數位時代Official,也在其Youtube影片中提到,公司簡介 岳鼎電動車充電管理系統能瞬間、自動檢測出建築大樓所釋放出的不均勻電力,並且聰明地均勻分配使用電量,解決目前建築大樓的總量用電契約總量面臨分配及管理不善的問題 XMight EV charging system automatically increase EV charging curr...
increase penalty 在 Eric's English Lounge Facebook 的最讚貼文
[時事英文] The Death Penalty
剛剛看完大家熱烈討論的《我們與惡的距離》The World Between Us 覺得學到不少東西,劇情也直接挑戰大眾對死刑和相關議題的看法。好,點到為止,我就不透漏劇情了。
以下是我編寫關於死刑的一篇文章。無論大家觀點如何,希望以下提供的一些資訊可以幫同學學習英文,關心社會大事及更了解此議題。
★★★★★★★★★★★★
錄音檔: http://bit.ly/2vh27ph
★★★★★★★★★★★★
以下老師提供執行死刑的支持和反對的論點的相關的英文單字及文章,目的是希望幫助各位不論是在英文口試上更得心應手,另外了解正反兩方的觀點也才能讓各位的辯證更有說服力。
時事詞彙:
pros and cons 利弊
capital punishment/the death penalty 死刑
retribution 應報
state power 國家公權力
deprive…of their right to live 剝奪…生命權
separate them from society 使其永久與社會隔離
the abolition of the death penalty 廢除死刑
do away with 除去;廢除
concepts of law and order 法治觀念
popular consensus and support 民眾之共識與支持
opinion polls 民意調查
respondents 受訪者
complementary measures 相關配套措施
increase upper sentencing limits 提高有期徒刑上限
the threshold for parole for life imprisonment 無期徒刑假釋門檻
amendments 法律修正案
human rights protection 人權之保障
maintaining public security 治安之維護
cruel, inhumane 殘酷, 不人道
on death row 在死刑名單上
administer the death penalty 執行死刑
approve all executions 批准處決
method of execution 行刑方式
hanging 絞刑
retain the death penalty 維持死刑
carry out death penalty 執行死刑
a deterrent to crime or extremism 遏止犯罪或極端主義
lethal injection 致命注射
appeal 上訴; 請求
Taiwan Alliance to End the Death Penalty 台灣廢死聯盟
★★★★★★★★★★★★
Pros and Cons of the Death Penalty 死刑的利與弊
★★★★★★★★★★★★
Arguments commonly made for supporting the death penalty are:
一般常會被用來支持死刑應該存在的論點如下:
1. To serve as an example to other would-be criminals, to deter them from committing murder or terrorist acts.
會對那些相當可能犯案的潛在罪犯產生警示的作用,並阻止他們犯下任何謀殺或恐怖行為。
2. To punish the criminal for his/her act.
由於他們的犯罪行為,給予懲罰。
3. To obtain retribution on behalf of the victims.
基於受害者的權益,罪犯應當得到相對的懲罰。
★★★★★★★★★★★★
Arguments Against 反駁論點
Arguments commonly made to abolish the death penalty are:
一般常會被用來支持死刑應該被廢除的論點如下:
1. Death constitutes “cruel and unusual punishment" and the various means used by the state to kill a criminal are cruel.
死刑的構成其實是殘暴而且不尋常的處罰,再者,目前國家執行死刑的方式,有很多都是非常殘忍的。
2. The death penalty is used disproportionately against the poor, who cannot afford expensive legal counsel, as well as against racial, ethnic and religious minorities.
相對於金字塔頂端的富人,由於那些貧窮的社會階層根本負擔不起昂貴的律師費用,死刑的執行對於他們而言,完全不成比例,另一方面,其實那些種族、少數民族和宗教等弱勢團體也面臨著類似的問題。
3. Wrongly convicted, innocent people have received death penalty sentences, and tragically, were killed by the state.
法律上誤判的狀況,也會導致無辜的人們被判處死刑,因而不幸地被國家殺害。
4. A rehabilitated criminal can make a morally valuable contribution to society.
一位改過自新的罪犯,其實也能就道德層面當中,對這個社會有一些難能可貴的貢獻。
★★★★★★★★★★★★
English and Chinese Script:
The death penalty, with its basis in the theory of retribution, uses state power to deprive convicted criminals of their right to live and separate them from society forever. Since capital punishment is cruel and goes against the notion that punishment should encompass education, the abolition of the death penalty has gradually become a global trend. Many democratic and industrialized countries have completely or conditionally abolished the death penalty.
死刑起源於報應主義,係以國家公權力剝奪罪犯生命權,使其永久與社會隔離,由於手段殘酷,不符刑罰亦具教化之主張,故廢除死刑已漸是世界潮流,許多民主先進國家已廢除死刑或有條件的廢除死刑。
Whether to completely do away with the death penalty depends on the development of society, the maturity of concepts of law and order and popular consensus and support. In opinion polls in recent years, around 80% of respondents have consistently opposed the abolition of the death penalty. Opposition falls to 40% however if complementary measures such as increases in upper sentencing limits and the threshold for parole for life imprisonment are included.
惟是否全面廢除死刑,應視社會發展、法治觀念是否成熟及民眾之共識與支持。根據歷年來所做之相關民意調查,民眾對我國廢止死刑之意見,始終約有百分之八十的受訪者表示反對。但如有相關配套措施,例如提高有期徒刑上限、無期徒刑假釋門檻等,反對意見則約下降至百分之四十。
Evidently, with consideration of complementary measures and education, public support for retribution may be reoriented and a general consensus formed on the gradual abolition of the death penalty.
可見如有配套措施,並透過教育導正民眾報復思想,應可逐步凝聚廢除死刑之社會共識。
The Ministry of Justice will employ extensive discussion and research to form a popular consensus for abolition, and only then propose the necessary amendments to existing laws to extend human rights protection while maintaining public security.
法務部將會透過廣泛討論與研究,凝聚多數民眾支持廢除死刑之共識後,才會提出廢除死刑的法律修正案,以兼顧人權之保障及治安之維護。
★★★★★★★★★★★★
Article source: 中華民國法務部有關廢除死刑之政策
http://www.moj.gov.tw/fp.asp?xItem=26742&ctNode=28252
Image source: https://opinion.udn.com/opinion/story/10043/3613790
★★★★★★★★★★★★
時事英文: https://bit.ly/2Gtsduy
increase penalty 在 吳文遠 Avery Ng Facebook 的最佳貼文
黃浩銘:
//法官閣下,我能夠參與雨傘運動,爭取民主,實是毫無悔意,畢生榮幸。我已花了最青春的10年在社會運動上,假若我有80歲,我仍有50年可以與港人同行,繼續奮鬥。要是法官不信,且即管以刑罰來考驗我的意志,試煉我的決心,希望我的戰友們在我囚禁的時候,可以激發愛心,勉勵行善,更加有勇氣和力量作個真誠的人對抗謊言治國的中共政權。
「希望在於人民,改變始於抗爭」,唯有透過群眾力量,直接行動,才能改變社會。8年前如是,今日亦如是。但願港人堅定不移,爭取民主,打倒特權,彰顯公義。自由萬歲!民主社會主義萬歲!願公義和慈愛的 主耶穌基督與我同在,與法官先生同在,與香港人同在!//
希望在於人民 改變始於抗爭
—雨傘運動公眾妨擾案陳情書
陳法官仲衡閣下:
自2011年你審理只有23歲的我,追問時任特首曾蔭權知否米貴涉擾亂公眾秩序的案件距今已有8年。在命運的安排下,我再次站在你面前,只是當你讀到這封陳情書的時候,我已經不是當年被你宣判無罪釋放的年青人,而是一個準備迎接第三次入獄的積犯。然而,今天我不是尋求你的憐憫,而是希望道明我參與雨傘運動,公民抗命的緣由,讓法官閣下可以從我的動機及行為來給予合理判刑。
8年以來,我們的崗位稍有轉變,但香港的變化更大,充滿爭議的各個大白象基建均已落成,更多旅客走訪社區,似是一片繁華景象,但同時,更多窮人住在劏房,更多群眾走上街頭,亦有更多我們愛惜的年青人進入監牢。從前我們認為香港不會發生的事,都一一在這8年間發生了。當我8年前站在你面前那一刻,我們都不會想像得到香港人可被挾持返大陸,亦想像不到原來有一天大陸的執法人員可在香港某地方正當執法,更想像不到中共政府除了透過人大釋法外,還可藉著「一言九鼎」的人大決定,甚至中央公函來決定香港人的前途命運和收緊憲制權利。
爭取民主的本意
民主只是口號嗎?當年,我痛罵無視100萬窮人及30萬貧窮長者利益,卻慶祝不知辛亥革命本意的前行政長官曾蔭權,並要求設立全民退休保障,廢除強積金,因此首次被捕被控。但時至今日,香港仍然有過百萬貧窮人口,超過30萬貧窮長者,貧富懸殊及房屋短缺的問題愈加嚴重。2014年,我見過一位75歲的伯伯跪在立法會公聽會向時任勞工及福利局局長張建宗下跪,懇求政府不要拆遷古洞石仔嶺安老院。2019年,我又見到一位67歲執紙皮維生的婆婆在立法會公聽會哭訴難以找工作,現任勞工及福利局局長羅致光竟然叫她找勞工處。為何官員如此冷酷無情?為何我們的意見均未能影響政府施政?歸根結柢,就是因為香港人沒有真正的選擇,喪失本來應有制訂政策及監督的權力!
所謂民主,就是人民當家作主。任何施政,應當由人民倡議監督,公義分配,改善公共服務,使得貧者脫貧,富者節約。今日香港,顧全大陸,官商勾結,貧富懸殊,耗資千億的大白象跨境基建接踵而來,但當遇見護士猝死,教師自殺,老人下跪,政府政策就只有小修小補,小恩小惠,試問如何服眾?由1966年蘇守忠、盧麒公民抗命反對天星小輪加價,乃至1967年暴動及1989年中國愛國民主運動,甚至2003年反廿三條大遊行,無不是因政權專政,政策傾斜,分配不公,引致大規模民眾反抗。2014年雨傘運動的起點,亦是如此。
多年來,港人爭取民主,為求有公義分配,有尊嚴生活,有自主空間,但我們得到的是甚麼?1984年,中英兩國簽署《聯合聲明》前夕,前中共總書記趙紫陽曾回覆香港大學學生會要求「民主治港,普選特首」的訴求,清楚承諾「你們所說的『民主治港』是理所當然的」。當時,不少港人信以為真,誤以為回歸之後可得民主,但自1989年六四血腥鎮壓及2003年50萬人反對《廿三條》立法大遊行後,中共圖窮匕現,在2004年透過人大釋法收緊政制改革程序,並粗暴地決定2007及2008不會普選行政長官及立法會。自此,完全不民主的中國立法機關-全國人民代表大會常務委員會掌控香港人的命運福祉,人大釋法及人大決定可以隨時隨地配合極權政府的主張,命令香港法庭跟從,打壓香港的民主和法治。
2014年8月31日,是歷史的轉捩點。儘管多少溫和學者苦苦規勸,中共仍以6月的<一國兩制白皮書>為基礎,展示全面管治權的氣派,包括法官閣下在內,都要屈從愛國之說。在《8‧31人大決定》之後,中共完全暴露其假民主假普選的面目,其時,我們認為對抗方法就只有公民抗命。
公民抗命的起點
違法就是罪惡嗎?我們違法,稱之為「公民抗命」,就是公民憑良心為公眾利益,以非暴力形式不服從法律命令,以求改變不義制度或法律。終審法院非常任法官賀輔明(Leonard Hoffmann)勳爵曾在英國著名案例 R v Jones (Margaret) [2007] 1 AC 136 案提出:「發自良知的公民抗命,有着悠久及光榮的傳統。那些因着信念認為法律及政府行為是不義而違法的人,歷史很多時候都證明他們是正確的……能包容這種抗爭或示威,是文明社會的印記。」
終審法院在最近的公民廣場案(Secretary for Justice v Wong Chi Fung (2018) 21 HKCFAR 35)亦道明「公民抗命」的概念可獲肯定(該案判詞第70至72段)。因此,亦印證我等9人及其他公民抗命者並非可以一般「違法犯事」來解釋及施刑。港人以一般遊行示威爭取民主30年,無論從殖民年代乃至特區年代,皆無顯著改進,今日以更進步主張,公民抗命爭取民主,正如印度、南非、波蘭等對抗強權,實在無可厚非。誠然,堵塞主要幹道,影響民眾上班下課,實非我所願,但回想過來,中共及特區政府多年來豈不更堵塞香港民主之路,妨擾公眾獲得真正的發聲機會?
如果我是公民抗命,又何以不認罪承擔刑責?2014年12月,警方以成文法「出席未經批准集結」及「煽動參與未經批准集結」在村口將我逮捕。2017年3月,警方改以普通法「煽惑他人作出公眾妨擾」及「煽惑他人煽惑公眾妨擾」提控。正如戴耀廷先生在其結案陳詞引述英國劍橋大學法學教授 John R. Spencer 提及以普通法提訴的問題:「近年差不多所有以『公眾妨擾罪』來起訴的案件,都出現以下兩種情況的其中一個:一、當被告人的行為是觸犯了成文法律,通常懲罰是輕微的,檢控官想要以一支更大或額外的棒子去打他;二、當被告人的行為看來是明顯完全不涉及刑事責任的,檢控官找不到其他罪名可控訴他」,無獨有偶,前終審法院常任法官鄧楨在其2018年退休致詞提及:「普通法同樣可被用作欺壓的工具。它是一種變化多端的權力,除非妥善地運用人權法加以適當控制,否則可被不當使用。」如今看來,所言非虛。
今我遭控二罪,必定據理力爭,冀借助法官閣下明智判決推翻檢控不義,但法庭定讞,我自當承擔刑責,絕無怨言,以成全公民抗命之道。
試問誰還未覺醒
我是刻意求刑標榜自己,讓年青人跟從走進監獄大門嗎?我反覆推敲這個問題。然而,我的答案是,正正是希望後輩不用像我此般走進牢獄,我更要無懼怕地爭取人們所當得的。縱使今日面對強權,惡法將至,烏雲密佈,我依然一如既往,毋忘初衷地認為真普選才是港人獲得真正自由之路。任何一個聲稱為下一代福祉者,理應為後輩爭取自由平等的選擇權利,讓他們能自立成長,辨明是非,而非家長式管控思想,讓下一代淪為生財工具,朝廷鷹犬。
主耶穌基督說:「我確確實實地告訴你們:一粒麥子如果不落在地裡死去,它仍然是一粒;如果死了,就結出很多子粒來。(《約翰福音》第12章24節)」沒有犧牲,沒有收穫。故然,我不希望年青人跟我一樣要踏上公民抗命之路,承受牢獄之苦,但我請教所有智慧之士,既然舉牌示威遊行均已無顯其效,公民抗命和平抗爭為何不是能令政權受壓求變之策?若非偌大群眾運動,梁振英豈不仍安坐其位?
刑罰於我而言,無情可求,唯一我心中所想,就是希望法庭能顧念75歲的朱耀明牧師年事已高,望以非監禁方式處之,讓港人瞥見法庭對良心公民抗命者寬容一面。美國法哲學家羅納德‧德沃金(Ronald Dworkin)在1968年論及公民抗命時(On Not Prosecuting Civil Disobedience),不但認為法庭應給予公民抗命者寬鬆刑罰,甚至應不予起訴。事實上,終審法院非常任法官賀輔明在2014年12月4日,即雨傘運動尾聲(已發生大規模堵路多日),佔中三子自首之後一日,接受《蘋果日報》及《南華早報》訪問時提到「抗爭者及掌權者均未有逾越公民抗命的『遊戲規則』,抗爭活動並沒有損害香港法治」,更進一步提到「一旦他們被判有罪,應該從輕發落,認為這是傳統,因為自首的公民不是邪惡的人」,由此,我期盼法庭將有人道的判刑。
法官閣下,我能夠參與雨傘運動,爭取民主,實是毫無悔意,畢生榮幸。我已花了最青春的10年在社會運動上,假若我有80歲,我仍有50年可以與港人同行,繼續奮鬥。要是法官不信,且即管以刑罰來考驗我的意志,試煉我的決心,希望我的戰友們在我囚禁的時候,可以激發愛心,勉勵行善,更加有勇氣和力量作個真誠的人對抗謊言治國的中共政權。
「希望在於人民,改變始於抗爭」,唯有透過群眾力量,直接行動,才能改變社會。8年前如是,今日亦如是。但願港人堅定不移,爭取民主,打倒特權,彰顯公義。自由萬歲!民主社會主義萬歲!
願公義和慈愛的 主耶穌基督與我同在,與法官先生同在,與香港人同在!
社會民主連線副主席、雨傘運動案第八被告
黃浩銘
二零一九年四月九日
Hope lies in the people
Changes come from resistance
- Umbrella Movement Public Nuisance Case Statement
Your Honour Judge Johnny Chan,
It has been 8 years since I have met you in court. You were the judge to my case on disorder in public places. It was in 2011 and I was only 23 years old. I chased after the then Chief Executive Mr. Donald Tsang and asked if he knew the price of rice and whether he understood the struggles of the poor. Fate has brought us here again, I am before you once again, but I am no longer the young man who was acquitted. When you are reading this statement, I am a “recidivist”, ready to be sent to prison for the third time. However, I do not seek your mercy today, but wish to explain the reasons for my participation in the Umbrella Movement and civil disobedience, so that your honour can give a reasonable sentence through understanding my motives and actions.
Our positions have slightly altered in the past 8 years, but not as great as the changes that took place in Hong Kong. The controversial big white elephant infrastructures were completed. More tourists are visiting, making Hong Kong a bustling city. At the same time, however, more poor people are living in sub-divided flats, more people are forced to the street to protest, more young people are sent to jail. Things we wouldn’t have imagined 8 years are now happening in Hong Kong. When I was before you 8 years ago, we would not have imagined Hong Kong people could be kidnapped by the Chinese authority to Mainland China. We wouldn’t have imagined that one day, the Mainland law enforcement officers could perform their duties in Hong Kong. We wouldn’t have imagined, not only could the Community Chinese government interpret our law, but they could decide on our future and tightened the rule on constitutional rights through the National People’s Congress Decision.
The Original Intention
Is democracy just a slogan? 8 years ago, I criticised the then Chief Executive Mr. Donald Tsang for ignoring the interests of 1 million poor people and 300,000 elderly. I scolded him for celebrating the 1911 Revolution without understanding its preliminary belief. I called for the establishment of universal retirement protection and the abolition of MPF, and was arrested for the first time. Yet, there are still over a million poor people in Hong Kong today, with more than 300,000 of poor elderly. The disparity between the rich and the poor and housing problem have only become worsen.
In 2014, I witnessed a 75-year-old man kneeling before the Secretary for Labour and Welfare Mr. Matthew Cheung Kin-Chung at a public hearing in the Legislative Council. The old man begged the government not to demolish the elderly home in Kwu Tung Dills Corner. In 2019, a 67-year-old woman, who scavenges for cardboards to make a living, cried during the Legislative Council public hearing. She cried because it was impossible for her to get a job. The Secretary for Labour and Welfare Mr. Law Chi-Kwong simply told her to ask for help in the Labour Department. Why are the government officials so callous? Why have our opinions failed to affect the government’s administration? The root of the problem is that Hong Kong people do not have real choices, we have been deprived of the power to supervise the government and to formulate policies.
What is democracy? Democracy means people are the masters. Any policies should be supervised by the people, the society’s resources should be justly distributed to improve the public services, so that the poor is no longer in poverty. However, in today’s Hong Kong, the focus is on the Mainland China, there is collusion between the government and the businesses, there is a great disparity between the rich and the poor, and multi-billion-dollar big white elephant cross-border infrastructure are built one after another. Nurses die from overexertion at work, teachers commit suicide and old man kneels to beg for what he deserves. Yet, the government policies were only minor repairs here and there, giving small treats and favours to the people. How can you win the support of the people? From the civil disobedience movement in 1966 by So Sau-chung and Lo Kei against the increase of Star Ferry fare, until the 1967 riots and 1989 China Patriotic Democratic Movement, even the 2003 march against the purported legistlation of Article 23, they were all due to the political dictatorship, imbalance policies as well as unfair distribution of public resources. It is for these reasons that led to large scale protests. It is for the same reason that the 2014 Umbrella Movement started.
For so many years, Hong Kong people have been fighting for democracy. We demand a just allocation, a life with dignity and space of freedom. However, what do we get in return? On the eve of the signing of the Joint Declaration in 1984, the then premier of the Communist Chinese government Zhao Ziyang in his reply to the demand for democracy and universal suffrage by the University of Hong Kong Student Council clearly promised that ‘what you referred to, namely “rule Hong Kong by democracy” is a matter that goes without saying.’ At the time, a lot of Hong Kong people believed it. They thought they would have democracy after the handover. However, since the bloody suppression on 4th June 1989 and the 500,000 people demonstration against Article 23 in 2003, the plot of the Chinese communist revealed itself. They decided by force through the NPC interpretation in 2004 that there would be no universal suffrage of the Chief Executive and the Legislative Council in 2007 and 2008. Since then, the undemocratic authority of NPC kept a tight grip on the destiny of Hong Kong people. NPC’s interpretation and decisions can be deployed anytime when convenient to assist the propaganda of the authoritative government, forcing the hands of the Hong Kong court and suppressing Hong Kong democracy and the rule of law.
31st August 2014 was a turning point in history. No matter how the moderate scholars tried to persuade it from happening, the Community Chinese government has used the One Country Two System White Paper in June as the foundation and forced its way down onto the people. Even your honour was among them, succumbed to the so called patriotism. After the 8.31 Decision of the National People’s Congress, the plot of the Communist Chinese government has revealed itself, the Chinese government has been lying to the Hong Kong people, they never intended to give Hong Kong genuine universal suffrage. At that time, we believed that civil disobedience was inevitable and was the only way out.
The Starting Point of Civil Disobedience
Is breaking the law sinful? We broke the law with a cause, as “civil disobedience” is the refusal to comply with certain laws considered unjust, as a peaceful form of political protest in the interest of the public to change the unjust system or law. Non-Permanent Judge of the Court of Final Appeal Honourable Leonard Hoffman stated in the well-known R v Jones (Margaret) [2007] 1 AC 136 case that, “civil disobedience on conscientious grounds has a long and honourable history in this country. People who break the law to affirm their belief in the injustice of a law or government action are sometime vindicated by history. It is the mark of a civilised community that it can accommodate protests and demonstrations of this kind.”
The recent decision by the Court of Appeal concerning the Civic Square outside the government headquarter(Secretary for Justice v Wong Chi Fung (2018) 21 HKCFAR 35) also confirmed the idea of civil disobedience(paragraphs 70-72 of the judgment refer). This , therefore, confirmed that myself and the other 8 defendants as well as other civil disobedience protestors, should not be understood as “breaking the law” in its general circumstances, nor should our sentencing be weighted against the usual standard. Hong Kong people have been fighting for democracy through protest for 30 years already, whether it was during the times of colonial British rule or during the special administrative region, there has been no improvement. Today, we fought for democracy, just as the fights for freedom and democracy in India, South Africa and Poland, and civil disobedience is inevitable. It is true that we did not want to block the roads or affect Hong Kong citizens attending to work or school. But on reflection, didn’t the Communist Chinese and Special Administrative governments block our road to democracy and interfere with our rights to speak up?
If what I did was in the name of civil disobedience, why should I defend my case and not bear the criminal responsibility? In December 2014, the police made use of the statutory offences of “attending unauthorised assembly and inciting participation in unauthorised assembly” and arrested me at the village I live in. In March 2017, the police amended their charges to common law offences of “incitement to commit public nuisance and incitement to incite public nuisance”. As Mr. Benny Tai said in his closing submissions, quoting law professor of Cambridge University John R. Spencer on common law charges, “...almost all the prosecutions for public nuisance in recent years seem to have taken place in one of two situations: first, where the defendant’s behaviour amounted to a statutory offence, typically punishable with a small penalty, and the prosecutor wanted a bigger or extra stick to beat him with, and secondly, where the defendant’s behaviour was not obviously criminal at all and the prosecutor could think of nothing else to charge him with.” Coincidentally, the then Court of Appeal Honourable Mr Justice Robert Tang Kwok-ching stated in his retirement speech in 2018 that, “Common law can be used oppressively. It is protean power, unless adequately controlled by the proper application of human rights law, can be misused.” What he said has become true today.
Faced with 2 charges, I am going to stand by reasons and my principles, in order to assist the Court to overturn an unjust prosecution. However, should the court find me guilty, I shall bear the criminal responsibility. I have no qualm or regrets, in fulfilment of my chosen path of civil disobedience.
Who has not yet awoken?
I do reflect as to whether I am simply seeking a criminal sentence in order to make a point, or to encourage other young men to follow my footsteps into the gates of the prison. I have reflected upon this repeatedly. However, my answer is that, I am doing this precisely because I do not wish to see other young men following my suit into the prison. Because of this, I need to fight for what is ours fearlessly. Although today we are confronted by an oppressive authority, the looming legislation of unjust laws and a clouded future, I shall be as I always am: relentless maintaining my stance that a real election is the path to freedom for Hong Kong people. Anyone who claims to be acting in the interest of the next generation should fight for a free and equal choice for their youths. This is in order for them to learn to be independent, to be able to tell rights from wrongs. There should be no paternal thinking, simply teaching the next generation to be slaves of money and accessories to the oppressor.
My Lord Jesus Christ has said: ‘Very truly I tell you, unless a kernel of wheat falls to the ground and dies, it remains only a single seed. But if it dies, it produces many seeds. (Book of John 12:24.) Without sacrifice, there is no reward. I don’t wish to see any more young men having to join the path of civil disobedience as I did, and to pay the price as I did. However, I ask this of all men and women of wisdom: if peaceful demonstration in the old fashioned way has lost its effectiveness and was simply ignored, why is peaceful civil disobedience not a good way to bring about change whilst one is being oppressed? If not for this crowd movement, C Y Leung would still be sitting comfortably on the throne.
I have no mitigation to submit. I only wish that the Court would spare Reverend Chu, who is an elderly of 75 years of age. I pray that a non-custodial sentence may be passed for Reverend Chu. I hope that the Court will have leniency and mercy for Reverend Chu. I refer to the work of the American legal philosopher Ronald Dworkin in 1968, namely: ‘On Not Prosecuting Civil Disobedience’. He opined that, not only should the Court allow leniency to civil disobedience participants, but also should they not be prosecuted. In fact, Lord Hoffmann NPJ of the CFA stated the following in an interview with Apple Daily and South China Morning Post on 4th December 2014 (which was at the end of the Umbrella Movement, a day before the surrender of the 3 initiators of the Occupy Central Movement): ‘In any civilised society, there is room for people making political points by civil disobedience.’ ‘These are not wicked people.’ Civil disobedience had ‘an old tradition’ in the common law world. ‘When it comes to punishment, the court should take into account their personal convictions.’ In light of this, I hope the Court shall pass a humane sentence.
Your honour, I have no regret for participating in the Umbrella Movement and the fight for democracy. It was an honour of a lifetime. I have spent the best 10 years of my youth in social movements. If I can live up to 80-year-old, I would still have 50 years to walk alongside the people of Hong Kong, to continue the fight. If this is in doubt, please test my will against the whips of criminal punishment. I shall take this as a trial of my determination. I only hope that my brothers and sisters-in-arms can be inspired whilst I am imprisoned, to do goods and encourage others. I hope they shall have further courage and strength to be honest men and women, to fight against the lies of the ruling Chinese Communist authority.
“Hope lies in the hands of the people, change starts from resistance.’ It’s only through the power of the people and direct action that the society can be changed. This was so 8 years ago. This is still the case today. May the will of the people of Hong Kong be firm and determined, to fight for democracy, overthrow the privileged, and let justice be done. All hail for freedom! All hail for democratic socialism!
May justice and peace of my Lord Jesus Christ be with me, with your Honour and with the People of Hong Kong!
Vice President of the League of Social Democrats,
the 8th Defendant of the Umbrella Movement Case
Raphael Wong Ho Ming
10th April 2019
increase penalty 在 數位時代Official Youtube 的最佳解答
公司簡介
岳鼎電動車充電管理系統能瞬間、自動檢測出建築大樓所釋放出的不均勻電力,並且聰明地均勻分配使用電量,解決目前建築大樓的總量用電契約總量面臨分配及管理不善的問題
XMight EV charging system automatically increase EV charging current while detecting there are energy released from building power system. Furthermore, contract capacity of the power system of the building is under well-management. You don’t have to worry about penalty from excessing usage. It’s not necessary to upgrade electricity service for EV charging. XMight smart EV charging system can save your time and cost dealing with electricity service upgrade.
You can enjoy EV charging service anywhere!
公司網站
https://www.xmight.com/
increase penalty 在 serpentza Youtube 的精選貼文
Recently there has been an increase in police raids on foreign bars and hangouts all throughout China, please watch this so that you don't get caught up in this mess!
Google Maps links:
Suzhou: https://goo.gl/maps/nmVsYy7xf8r
For Motorcycle adventures around the world, and a talk-show on two wheels go to ADVChina every Monday 1pm EST
https://www.youtube.com/advchina
For a realistic perspective on China and world travel from an American father and a Chinese mother with two half-Chinese daughters go to Laowhy86 every Wednesday 1pm EST
https://www.youtube.com/laowhy86
For a no-nonsense on the street look at Chinese culture and beyond from China’s original YouTuber, join SerpentZA on Friday at 1pm EST
https://www.youtube.com/serpentza
Conquering Northern China: http://www.vimeo.com/ondemand/conqueringnorthernchina
DISCOUNT CODE: STAYAWESOME
Conquering Southern China:
http://www.vimeo.com/ondemand/conqueringsouthernchina
Support Sasha and I on Patreon: http://www.patreon.com/serpentza
Join me on Facebook: http://www.facebook.com/winstoninchina
Twitter: @serpentza
Instagram: serpent_za
Music: Virtual Vice - City Limits