รู้จัก Dr. Martens แบรนด์รองเท้าแสนล้าน ที่เกิดจากคุณหมอเยอรมัน /โดย ลงทุนแมน
หลายคนอาจคุ้นๆ กับชื่อแบรนด์รองเท้า “Dr. Martens”
ที่สามารถพบเห็นได้ตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังในไทย
และเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นในเรื่องการทำรองเท้าหนังสีเข้ม
รองเท้าแบรนด์นี้ เป็นแบรนด์อังกฤษ
แต่คนที่เริ่มทำรองเท้าแบรนด์นี้ เป็นคุณหมอชาวเยอรมัน
และ Dr. Martens เป็นแบรนด์รองเท้าอายุ 74 ปี ที่เพิ่งเข้าระดมทุนใน London Stock Exchange
โดยมีมูลค่าบริษัท ณ ราคา IPO ประมาณ 152,000 ล้านบาท
เรื่องราวของรองเท้าหนังแบรนด์นี้ที่มีมูลค่าเป็นแสนล้าน เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
แบรนด์รองเท้าหนัง Dr. Martens ถูกก่อตั้งโดย Klaus Märtens
ซึ่งเป็นคุณหมอผู้ที่ทำหน้าที่รักษาคนไข้ในกองทัพเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
จุดเริ่มต้นก็คือ ระหว่างที่เขาไปพักผ่อนเล่นสกีที่เทือกเขาแอลป์ ตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บที่ส้นเท้า
หลังจากได้รับบาดเจ็บเขาพบว่า รองเท้าบูตของกองทัพที่เขาต้องสวมใส่นั้น ทำให้เขารู้สึกเจ็บ และไม่สบายข้อเท้าอย่างมาก
คุณหมอ Klaus Märtens จึงออกแบบพื้นรองเท้าที่สามารถรับช่วงสรีระของเท้า
ให้เสมือนมีเบาะที่อัดอากาศ หรือที่เรียกว่า Air Cushioned อยู่ด้านล่างฝ่าเท้า
โดยการใช้แผ่นยางเก่าๆ มาประกบชิดกันระหว่างชั้นให้มีช่องดักอากาศอยู่ภายใน
พื้นรองเท้าแบบนี้ ทำให้รองเท้าของ คุณหมอ Klaus ทั้งสวมใส่สบายและยังสามารถใช้ในการปฐมพยาบาลขั้นต้นสำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บที่เท้าอีกด้วย
ในเวลาต่อมา คุณหมอ Klaus ได้พบกับเพื่อนสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัย ที่ชื่อ เฮอร์เบิร์ต ฟังค์ ซึ่งเป็นวิศวกรเครื่องกล
คุณหมอ Klaus ได้เอารองเท้าที่ออกแบบมาให้ คุณ เฮอร์เบิร์ต ฟังค์ ดู
ปรากฏว่าคุณเฮอร์เบิร์ต ฟังค์ สนใจรองเท้าที่คุณหมอออกแบบเป็นอย่างมาก
และทั้งคู่ก็ตัดสินใจร่วมทุนกันผลิตรองเท้าหนังในรูปแบบดังกล่าว
โดยเริ่มจากการใช้วัสดุที่ไม่ใช้แล้วในกองทัพเยอรมัน
ในปี 1947 รองเท้าของทั้งคู่เริ่มออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
และภายในระยะเวลา 10 ปี รองเท้าของพวกเขาได้รับความนิยมอย่างมาก
ต่อมาทั้งคู่เริ่มต้องการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
จึงตัดสินใจมองหาบริษัทผู้ผลิต และจัดจำหน่ายรองเท้าของพวกเขา
โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Dr. Martens” ตามชื่อของคุณหมอ Klaus Märtens
พวกเขาทำการลงโฆษณาเพื่อโปรโมตรองเท้า Dr. Martens ของพวกเขา กับนิตยสารต่างประเทศหลายแห่ง เพื่อหวังว่าจะมีบริษัทผู้ผลิตรองเท้ามาสนใจร่วมงานกับแบรนด์ของพวกเขา
จนกระทั่งวันหนึ่ง บริษัทรองเท้าสัญชาติอังกฤษที่ชื่อว่า The Griggs Company
ได้อ่านนิตยสารโฆษณารองเท้า จนพบกับรองเท้า Dr. Martens ก็รู้สึกสนใจ
จึงตอบรับเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ผลิตรองเท้าให้กับ Dr. Martens
ปี 1960 รองเท้าบูตคู่แรกที่ทาง The Griggs Company ผลิตนั้น
เป็นรองเท้าบูต Dr. Martens รุ่น 1460
และนั่นนับเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์รองเท้า ที่โด่งดังที่สุดแบรนด์หนึ่งในอังกฤษในเวลาต่อมา
ความโด่งดังของรองเท้า Dr. Martens ยังคงดำเนินต่อไป
โดยเฉพาะในช่วงปี 1980 ที่ดารา และนักร้องอังกฤษ ต่างพากันนำมาใส่ จนทำให้ Dr. Martens เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของรองเท้า Dr. Martens
ที่เกิดจากคุณหมอในค่ายทหารของกองทัพเยอรมัน
มาวันนี้รองเท้าของ Dr. Martens ได้ถูกขายไปกว่า 60 ประเทศทั่วโลก
โดยในปี 2020 รองเท้าของ Dr. Martens สามารถขายไปได้แล้วกว่า 11 ล้านคู่
ขณะที่ในปัจจุบัน Dr. Martens อยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัทชื่อว่า Permira ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับโลกสัญชาติอังกฤษ ที่เข้าซื้อกิจการ Griggs Group เจ้าของแบรนด์ Dr. Martens ตั้งแต่ปี 2013
ปัจจุบัน รายได้ของ Dr. Martens มาจาก
- สหรัฐอเมริกา 38%
- ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา 43%
- เอเชียแปซิฟิก 19%
ขณะที่รายได้ของ Dr. Martens ก็สามารถเติบโตได้เกือบเท่าตัว ในเวลา 2 ปี
ปี 2018 รายได้ 14,300 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 18,600 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 28,000 ล้านบาท
และในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
Dr. Martens ก็ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน
ด้วยมูลค่าบริษัท ณ ราคา IPO ประมาณ 152,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ด้วยสินค้าของ Dr. Martens เป็นรองเท้าหนังที่มีภาพลักษณ์เป็นสินค้าแฟชั่น
ซึ่งเราก็คงรู้กันดีว่า สินค้าประเภทแฟชั่นแบบนี้ต้องปรับตัว และเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับความต้องการของคนที่เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุคสมัย
ซึ่งนั่นก็คงเป็นความท้าทายของ Dr. Martens
ว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ดีเหมือนในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รองเท้าบูต Dr. Martens รุ่น 1460 ซึ่งเป็นรองเท้าบูตสีดำ ที่เดินขอบรองเท้าด้วยด้ายสีเหลืองกับพื้นอันเป็นเอกลักษณ์ นับเป็นรุ่นในตำนานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Dr. Martens และถูกขายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านคู่นับตั้งแต่วันที่ผลิตครั้งแรก
โดยสาเหตุที่ตั้งชื่อรุ่นแบบนี้ ก็เนื่องจากรองเท้ารุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นในวันที่ 1 เดือนเมษายน ปี 1960 (วันที่ 1 เดือน 4 ปี 60) จึงเป็นที่มาของรองเท้าบูต Dr. Martens รุ่น 1460 นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.drmartens.com/us/en/history
-https://en.wikipedia.org/wiki/Dr._Martens
-https://www.mendetails.com/style/history-drmartens/
-https://www.statista.com/statistics/1050812/group-revenue-dr-martens-worldwide/
-https://fashionunited.uk/news/business/dr-martens-reports-strong-revenue-and-profit-growth/2020081250313
-https://www.theguardian.com/business/2021/jan/29/dr-martens-stock-market-debut-ipo
london stock exchange news 在 許文昌 Man-cheong Facebook 的最佳貼文
彭博批評香港有113間上市公司董事坐board過6間,點名石禮謙。
Shek in an interview said he’s on "15 or 16 myself" and rejected any suggestion that this could leave him over-extended. “Some people are very efficient in reading documents,” he said.
Hong Kong has 113 companies with a director who serves on more than six boards, a Bloomberg News analysis showed. That compares with just 39 companies on the New York Stock Exchange and eight in London.
london stock exchange news 在 台灣物聯網實驗室 IOT Labs Facebook 的最佳貼文
IBM推出區塊鏈雲端服務,並貢獻4.4萬行區塊鏈程式碼
新的區塊鏈即服務建立在IBM雲平台Bluemix之上,可讓開發人員建立與管理區塊鏈網路來執行分散式分類帳(ledger)應用,並透過Bluemix上的DevOps開發、部署、執行與管理區塊鏈應用。
文/林妍溱 | 2016-02-17發表
IBM在倫敦、紐約、新加坡及東京設立IBM Garages,協助企業設計、開發區塊鏈相關應用。
IBM宣佈多項和區塊鏈(blockchain)有關的服務和計畫,包括針對開發人員設計的區塊鏈即服務(Blockchain as a servive),以及為Linux基金會的Hyperledger專案貢獻近4.4萬行程式碼等。
新的區塊鏈即服務是建立在IBM雲平台Bluemix之上的新服務,可讓開發人員建立與管理區塊鏈網路來執行分散式分類帳(ledger)應用,他們可建立數位資產及相應的業務邏輯,並傳送給經許可的區塊鏈測試網路中的成員。
Bluemix上提供的DevOps工具可用於開發、部署、執行與管理IBM雲平台區塊鏈應用。此外,這些應用也可部署於IBM z Systems 上,並可透過API存取在分散式伺服器及z Systems上的現有交易,完成支付、結算、供應鏈及其他業務流程。
IBM並指出,RFID標籤或條碼掃瞄器等物聯網裝置將可連結IBM 區塊鏈分類帳,使這些裝置產生的資訊可用於更新或驗證智能合約(smart contract),並確保交易各方共享資訊與狀態。IBM並在倫敦、紐約、新加坡及東京開設IBM Garages設計開發中心,由IBM的專家協助企業設計、開發、執行區塊鏈應用,而其全球業務服務部門也針對銀行、金融服務及運籌業客戶提供區塊鏈顧問服務。
此外,Linux基金會去年宣佈Hyperledger專案。分類帳是區塊鏈的應用之一,可用於交易與追蹤有價值的東西。身為創始會員的IBM也於今天宣佈將貢獻將近4.4萬行程式碼以協助開發人員打造分散式分類帳。
IBM表示,目前已經有倫敦證券交易集團( London Stock Exchange Group)及芬蘭公司Kouvola Innovation與其合作中。
資料來源:http://www.ithome.com.tw/news/103922