ส่งพัสดุอย่างไร? ให้ถูกใจคุณลูกค้า จนต้องกลับมาซื้อซ้ำอีก
.
เพราะความสำเร็จของการเปิดร้านขายสินค้าต่าง ๆ ไม่ได้สิ้นสุดอยู่เพียงแค่การปิดการขายได้ ต่อให้บริการดีแค่ไหน สินค้ามีคุณภาพขนาดไหน ก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าลูกค้าจะประทับใจ หากละเลยขั้นตอนสุดท้ายของการขายสินค้า นั่นคือ การส่งพัสดุสินค้า ให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยและสภาพต้องสมบูรณ์ที่สุด
.
หากร้านค้าไม่ใส่ใจเรื่อง “การส่งพัสดุ” ตั้งแต่การแพ็คสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งสินค้าให้ลูกค้าไม่ทันเวลา หรือทำให้ลูกค้าต้องทวงสินค้าอยู่บ่อยครั้ง ก็อาจทำให้ลูกค้าเหล่านั้น ส่ายหน้าหนี ไม่กลับมาซื้อสินค้าร้านคุณซ้ำอีกหรืออาจรุนแรงถึงขั้นขอยกเลิก ขอคืนเงินเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น หากต้องการให้ลูกค้าแวะเวียนกลับมาซื้อสินค้าคุณอีกครั้ง คุณต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับการส่งพัสดุ โดยสิ่งที่ควรทำ คือ
.
1.แพ็คพัสดุสินค้าอย่างดี ไม่ทำให้สินค้าเกิดความเสียหายก่อนถึงมือลูกค้า
อันดับแรกของการส่งพัสดุสินค้า คือ ต้องแพ็คหรือห่อพัสดุสินค้าอย่างดี ระมัดระวังไม่ให้สินค้าในกล่องเกิดความเสียหายก่อนส่งถึงมือลูกค้า โดยต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด เลือกกล่องพัสดุที่พอดีกับสินค้าเหลือช่องว่างน้อยที่สุด ยิ่งถ้าของข้างในเป็นสินค้าที่แตกหักได้ง่าย ควรห่อด้วยบับเบิ้ลกันกระแทกหลายๆ ชั้น จนมั่นใจว่าจะไม่แตกหักระหว่างการขนส่ง
.
2.เลือกบริษัทขนส่งพัสดุที่น่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้
อย่างที่รู้กันว่า บริษัทขนส่งพัสดุในไทยนั้นมีหลายเจ้ามาก ทั้งของรัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย, J&T Express, Kerry Express, SCG Express, DHL, Lalamove, Ninja Van และ Line man ซึ่งแต่ละเจ้าก็จะมีข้อดีข้อเสีย หรือจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกัน ก่อนที่จะตัดสินใจจึงต้องเปรียบเทียบแต่ละเจ้าก่อน แล้วค่อยเลือกว่าบริษัทไหนสำหรับคุณที่ไว้ใจได้ และน่าเชื่อถือ
.
3.แจ้งเวลาตัดรอบ และวันที่จัดส่งสินค้าให้ชัดเจน
โดยปกติแล้วเมื่อลูกค้าสั่งสินค้า ส่วนมากก็ต้องการได้ของทันที หรือเร็วที่สุดเสมอ ดังนั้น ร้านค้าจะต้องระบุวันเวลาให้ชัดเจนว่าจะตัดรอบเมื่อไหร่ กี่โมง และจะจัดส่งพัสดุให้วันไหน หรือถ้าจัดส่งทุกวัน ต้องระบุให้ชัดว่าในหนึ่งวัน คุณจัดส่งให้เวลาใดบ้าง เมื่อข้อมูลชัดเจน ก็จะทำให้ทั้งร้านค้าและลูกค้าเกิดความมั่นใจทั้งสองฝ่าย
.
4.ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้า ต้องไม่ทำให้ลูกค้ารอนานเกินไป
หากสินค้าของคุณไม่ใช่สินค้าที่ต้องพรีออเดอร์มาจากประเทศอื่น ที่ต้องใช้เวลาในการจัดส่งนานถึง 15-30 วัน แต่เป็นสินค้าที่สามารถจัดส่งได้ทันที และอยู่ในประเทศไทย คุณควรแจ้งลูกค้าด้วยว่าคุณจะจัดส่งให้ลูกค้าวันไหน และจะถึงมือลูกค้าประมาณกี่วัน เพื่อไม่ให้ลูกค้ารอนานเกินไปอย่างไม่มีจุดหมาย ซึ่งโดยปกติการจัดส่งสินค้ามีตั้งแต่จัดส่งภายในวันเดียวกัน ไปจนถึงนานสุดไม่เกิน 4-5 วัน หรือหากลูกค้าอยู่ไกลกับคุณมากเกินไป คุณก็สามารถแนะนำลูกค้าได้ว่า ควรจัดส่งแบบใดจึงจะถึงมือลูกค้าได้เร็วที่สุด
.
5.ส่งข้อมูลของพัสดุที่จัดส่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามพัสดุได้
การส่งข้อมูลพัสดุ หรือที่เรียกว่า แทร็ค (Track) เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ร้านค้าควรทำ เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะการจัดส่งสินค้าได้ว่า สินค้าของตัวเองนั้น อยู่ในขั้นตอนไหน รวมถึงกำลังจัดส่งถึงไหนแล้ว ซึ่งก็จะทำให้ลูกค้ามั่นใจและวางใจได้ว่า ไม่โดนหลอก อย่างแน่นอน โดยบางบริษัทขนส่งก็จะมีการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ด้วยการโทรหาลูกค้าในเรื่องของความสะดวกและให้ลูกค้าได้เตรียมตัวในการรอรับสินค้าที่กำลังจะมาถึง
.
จากทั้ง 5 ข้อนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ร้านค้าควรทำเมื่อต้องส่งพัสดุให้ลูกค้า เพราะนอกจากจะแสดงถึงความใส่ใจที่มีต่อลูกค้าแล้ว ยังทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ จนอาจกลับมาซื้อสินค้าของคุณซ้ำอีก เพราะเขามั่นใจว่า เขาจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและบริการที่ดีที่สุดจากคุณ ยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจเป็นคนที่จะทำให้คุณมีโอกาสในการมีลูกค้าเพิ่ม จากการบอกต่อความประทับใจนี้แก่บรรดาญาติๆ หรือเพื่อนๆ ไปจนถึงโลกโซเชียลด้วยก็ได้
.
ที่มา : https://www.storehub.com/blog/6-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B8/
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#ส่งพัสดุ #บริษัทโลจิสติกส์ #logistics
