“Rolls-Royce” แบรนด์รถหรูอังกฤษ ที่บริษัทรถยนต์เยอรมัน แย่งกันซื้อ /โดย ลงทุนแมน
Rolls-Royce ถือเป็นแบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติอังกฤษ ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานเกินกว่าร้อยปี
ซึ่งคู่แข่งของแบรนด์นี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ Bentley แบรนด์รถหรูที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเดียวกัน
รู้หรือไม่ว่าทั้ง Rolls-Royce และ Bentley เคยถูกควบรวมเข้ามาอยู่ในบริษัทเดียวกัน
แต่ปัจจุบันแบรนด์รถหรูทั้ง 2 แบรนด์ ต่างมีเจ้าของเป็นบริษัทรถยนต์เยอรมัน
โดย BMW เป็นเจ้าของ Rolls-Royce และ Volkswagen เป็นเจ้าของ Bentley
กว่าจะมาเป็นวันนี้ Rolls-Royce เกิดขึ้นได้อย่างไร
แล้วทำไม Rolls-Royce ถึงไปอยู่ภายใต้ BMW ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Rolls-Royce ก่อตั้งโดย ชาวอังกฤษ 2 คน ที่มีความหลงใหลในรถยนต์
คนแรกชื่อว่า Frederick Henry Royce เขาคนนี้เป็นผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม
และด้วยความที่ Royce ไม่พอใจกับรถยนต์แบรนด์ฝรั่งเศสที่เขาใช้อยู่ในขณะนั้น
เขาจึงได้ตัดสินใจผลิตรถยนต์เป็นของตัวเองชื่อว่า “Royce 10hp”
ในปี ค.ศ. 1904 Royce ได้เจอกับผู้ที่คลั่งไคล้รถยนต์เช่นเดียวกับเขาชื่อ Charles Stewart Rolls ซึ่งเขาทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์จากฝรั่งเศส แต่ต้องการขยายธุรกิจ ให้เป็นมากกว่าบริษัทนำเข้ารถยนต์
และเมื่อ Rolls ได้เห็นรถยนต์ของ Royce เขาก็รู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่เขาตามหา
หลังจากนั้น เขาก็ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันในการจัดจำหน่ายรถคุณภาพสูงสัญชาติอังกฤษไปทั่วประเทศ
ทั้งคู่จึงได้ก่อตั้ง “Rolls-Royce” ขึ้นมาและออกจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรกในปีเดียวกัน ซึ่งผลงานที่สร้างชื่อของแบรนด์ Rolls-Royce คือ การทดสอบวิ่งระยะไกลแบบต่อเนื่องของรถรุ่น 40/50 หรือฉายา Silver Ghost ด้วยระยะทางกว่า 23,000 กิโลเมตร
จากผลงานดังกล่าว ก็ได้ทำให้ Silver Ghost ถูกขนานนามว่าเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก
ในภายหลัง Silver Ghost ยังถูกเอามาติดตั้งเกราะหนาและปืนกลเพื่อเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย
ต่อมาในปี ค.ศ. 1925 ก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้ยอดขายตกต่ำลงอย่างมาก
Rolls-Royce ต้องเอาตัวรอดด้วยการขายทรัพย์สินบางส่วนไปเพื่อที่จะรักษากิจการให้ผ่านช่วงวิกฤติไปให้ได้
แต่ดูเหมือนว่าด้วยวิกฤติเดียวกันนี้ คู่แข่งที่เทียบคู่กันมาอย่าง Bentley ไม่สามารถแบกรับภาระหนี้ที่มีอยู่ไหว จนสุดท้าย Bentley ก็ได้ขายกิจการให้กับ Rolls-Royce ในปี ค.ศ. 1931
ด้วยความที่ทั้ง 2 แบรนด์เป็นแบรนด์รถหรูทั้งคู่และได้มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน จึงทำให้ช่วงหนึ่งรถของทั้ง Rolls-Royce และ Bentley มีรูปลักษณ์ที่คล้ายกันมาก ถึงขนาดที่ว่ารถบางรุ่นผู้คนเห็นความต่างกันแค่ตะแกรงหน้ารถเท่านั้น
ในช่วงเวลานี้เอง Rolls-Royce ได้เริ่มการผลิตรถยนต์ที่ออกแบบตามการดีไซน์ร่วมกับลูกค้าซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่
ทำให้ราคาขายของรถไม่มีตัวเลขตายตัวอีกต่อไป เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า
ในปี ค.ศ. 1939 สายการผลิตรถยนต์ของ Rolls-Royce ต้องหยุดลงเพื่อไปผลิตเครื่องยนต์ของอากาศยานให้กับกองทัพในช่วงสงครามโลก และด้วยประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่บริษัทผลิต เครื่องบินรบของกองทัพอังกฤษได้ถูกกล่าวขานว่ามีเครื่องยนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสงคราม เลยทีเดียว
จุดนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของ Rolls-Royce ที่ได้ขยายธุรกิจจากรถยนต์ สู่เครื่องยนต์อากาศยานในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1971 Rolls-Royce กลับมีปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนักและถูกบังคับให้ล้มละลาย แต่ด้วยความที่ Rolls-Royce ยังเป็นแบรนด์ในความต้องการของเหล่าเศรษฐี และราชวงศ์ทั่วโลก
เมื่อบริษัทมีปัญหา บริษัทแห่งนี้จึงยังคงมีคุณค่าและเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อกิจการจากหลายบริษัท
เริ่มตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1980 Vickers บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมเครื่องยนต์
ได้เข้าซื้อกิจการผลิตรถยนต์ของ Rolls-Royce
อย่างไรก็ตาม Vickers ได้ซื้อไปเพียงธุรกิจยานยนต์และความเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเท่านั้น
สำหรับสิทธิในการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าและโลโกยังคงอยู่กับบริษัท Rolls-Royce
ณ ตอนนั้น บริษัทจึงเหลือเพียงแค่สิทธิ์ของแบรนด์และกิจการผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน
ในปี ค.ศ. 1998 เหล่าผู้ถือหุ้นของ Vickers ก็ได้ตัดสินใจขายธุรกิจยานยนต์ดังกล่าวให้กับ Volkswagen
แต่ในการขายกิจการยานยนต์ของ Vickers ไปให้ Volkswagen นั้น ยังมีผู้ผลิตยานยนต์อีกราย
นั่นก็คือ BMW ที่เข้าร่วมประมูลราคาเพื่อซื้อ Rolls-Royce เช่นกัน แต่ก็ต้องแพ้ประมูลไป
ที่ผ่านมา BMW เป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ให้กับ Rolls-Royce หลายรุ่นและการประมูลดังกล่าว
หลายฝ่ายก็ประเมินกันว่า BMW จะได้เป็นเจ้าของ Rolls-Royce อย่างแน่นอน
และเมื่อ BMW พ่ายแพ้การประมูล ทางบริษัทจึงไม่พอใจและได้ประกาศยกเลิกการผลิตเครื่องยนต์
ให้กับ Rolls-Royce ทันที และเรื่องนี้ก็สร้างความปวดหัวให้กับ Volkswagen ไม่น้อย
แต่ BMW ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Rolls-Royce มาอย่างยาวนานรู้ว่าสิทธิการใช้เครื่องหมายการค้าอยู่กับอีกบริษัท BMW จึงไม่รอช้าและรีบเจรจาขอซื้อสิทธิ์ดังกล่าว
หลังจากเข้าซื้อสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าสำเร็จแล้ว BMW ก็ได้ออกมาประกาศทันทีว่า Volkswagen จะสามารถใช้ชื่อแบรนด์ “Rolls-Royce” ได้จนถึงปี ค.ศ. 2002 เท่านั้น
และก็ดูเหมือนว่า BMW จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในทันทีที่ถือสิทธิ์ในชื่อ Rolls-Royce
เพราะหลังจากที่บริษัทประกาศเรื่องดังกล่าวออกไป มันก็ได้ส่งผลกระทบไปยังยอดจองรถของ Rolls-Royce และ Bentley ที่ปรับตัวลดลงถึง 30% ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
จุดนี้ ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแบรนด์เป็นอย่างมาก
โดยผู้บริหารของ Volkswagen เองก็ไม่อยากเสี่ยงกับการขายรถ Rolls-Royce
ที่ไม่มีโลโก ไม่มีแบรนด์ของ Rolls-Royce ติดอยู่ นั่นจึงทำให้ในเวลาต่อมา
Volkswagen ยอมเปิดโต๊ะเจรจากับ BMW และก็จบลงที่ว่า Volkswagen
จะขายสิทธิบัตรและสิทธิอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Rolls-Royce ให้ BMW ทั้งหมด
แต่ก็มีข้อแม้ว่า BMW จะต้องดำเนินการผลิตเครื่องยนต์ของ Rolls-Royce ไปจนถึงปี ค.ศ. 2002 และ Bentley ในบางรุ่นตลอดอายุสัญญา
โดยโรงงานผลิตจะตกเป็นของ Volkswagen และจะต้องปรับสายการผลิตทั้งหมดเพื่อผลิตรถ Bentley เพียงอย่างเดียว และ Volkswagen จะได้ครอบครองแบรนด์ Bently
จุดนี้เองก็ถือเป็นทางแยกของทั้ง Rolls-Royce และ Bentley ที่อยู่ร่วมกันมากว่า 70 ปี
ในขณะเดียวกัน บริษัท Vickers ที่เป็นผู้ซื้อกิจการยานยนต์ของ Rolls-Royce ในตอนแรก
ก็ได้ถูกซื้อกิจการโดย Rolls-Royce ฝั่งที่เป็นธุรกิจเครื่องยนต์อากาศยาน
จากนั้น BMW ก็ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ Rolls-Royce ขึ้นมาใหม่
ซึ่งในปัจจุบันรถยนต์ Rolls-Royce มียอดจำหน่ายราว 3,000 ถึง 5,000 คันต่อปี
ในขณะที่ ราคาของรถยนต์ก็มีตั้งแต่หลักสิบล้าน ไปจนถึงหลักหลายร้อยล้านบาท
จนถึงตอนนี้ Rolls-Royce เป็นแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 117 ปี
ผ่านสงครามโลกมาแล้วถึง 2 ครั้ง
และสามารถพลิกฟื้นจากกิจการที่ถูกสั่งให้ล้มละลายมาได้
ทั้งหมดนี้ จึงถือเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ว่า Rolls-Royce เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แข็งแกร่งระดับโลก..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
Charles Rolls หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Rolls-Royce มีความชื่นชอบในด้านการบินอย่างมาก
เขาเคยได้ลองขึ้นบินกับสองพี่น้องตระกูลไรต์ และได้ซื้อเครื่องบินกลับมาด้วย 1 ลำ
ซึ่งเขายังเป็นคนแรกที่สามารถบินข้ามช่องแคบอังกฤษแบบไป-กลับ โดยไม่หยุดพักอีกด้วย
แต่สุดท้ายแล้ว Charles Rolls ก็ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกในปี ค.ศ. 1910 ถือเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางการบิน ทำให้เขาอยู่คู่กับ Rolls-Royce เพียงแค่ 6 ปี เท่านั้น..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.youtube.com/watch?v=MIUB5BhEkR0
-https://www.youtube.com/watch?v=q1nCH7bFDdA
-https://www.bangkoksupercar.com/content/5880/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-rolls-royce
-https://www.southcoasttoday.com/article/19980704/news/307049965
-https://www.cbsnews.com/news/bmw-buys-rolls-royce-brand-name/
-https://www.nytimes.com/1998/07/29/business/international-business-bmw-to-get-rolls-royce-after-all-by-acquiring-the-name.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Charles_Rolls#cite_note-BBC-6
-https://www.fleetnews.co.uk/news/1998/8/5/bmw-buys-rolls-royce-name-from-vw/3744/
rolls-royce wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
MINI แบรนด์รถเล็ก ที่ยิ่งใหญ่ /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงรถยนต์ “MINI” เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงรถคันเล็ก ที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว
แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว รถยนต์ MINI เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษ
ที่มีจุดประสงค์ คือการผลิตขึ้นให้เป็นรถยนต์ราคาถูกเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันราคาแพง
แล้วเรื่องราวของรถเล็กที่ตั้งใจให้เป็นรถยนต์ราคาถูกนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ MINI ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1957 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ช่วงนั้นเป็นช่วงเดียวกันกับตอนที่ประเทศอียิปต์ยึดคลองสุเอซ
คลองสุเอซ ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางการขนส่งที่สำคัญมากที่สุดในโลก
เมื่อถูกยึดและถูกปิดกั้นเส้นทาง การขนส่งน้ำมันจึงหยุดชะงักจนดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น
เรื่องดังกล่าวส่งผลให้รถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำมันปริมาณมาก ได้รับความนิยมลดลง
ในช่วงนั้น บริษัท British Motor Corporation หรือ BMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ในประเทศอังกฤษ ที่เกิดจากการควบรวมของบริษัท Austin Motor Company กับ Morris Motors
เกิดความคิดที่จะผลิตรถยนต์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขึ้นมา
โดยรถยนต์ที่ว่านั้น ต้องเป็นรถยนต์ที่มีขนาดเล็กและใช้น้ำมันน้อย
แต่ก็ต้องสามารถรับผู้โดยสารได้ 4 คน และที่สำคัญคือราคาต้องไม่แพง
บริษัท BMC จึงได้ทดลองผลิตรถเล็กขึ้นมาโดยมี เซอร์อเล็ก อิสซิโกนิส
วิศวกรและนักออกแบบรถของ BMC มาเป็นผู้รับผิดชอบหลักในโครงการนี้
จนในที่สุด “MINI” คันแรกก็สามารถออกสู่ตลาดได้ในปี 1959
หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน ด้วยรูปร่างของ MINI ที่เล็กกะทัดรัดแต่สามารถจุคนได้ถึง 4 คน
บวกกับการออกแบบที่สวยงาม ดูคลาสสิก ที่สำคัญมีราคาเพียง 496 ปอนด์
ซึ่งถือเป็นราคาที่คนทั่วไปสามารถเอื้อมถึงได้
ทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้ MINI สามารถขายได้ถึง 116,000 คัน ในระยะเวลาเพียงปีเดียว
สำหรับชื่อของ MINI นั้น จริง ๆ แล้วไม่ได้ถูกเรียกแบบนี้มาตั้งแต่แรก
เดิมที MINI ถูกเรียกว่า “Austin Seven” กับ “Morris Mini” มาก่อน
เนื่องจากในช่วงแรกยังคงทำการตลาดภายใต้แบรนด์
Austin Motor Company กับ Morris Motors
แต่ในภายหลัง ก็ได้เปลี่ยนเป็นชื่อ “MINI” ในปี 1969
แล้วถ้าถามว่า อะไรกันที่ทำให้ MINI เป็นที่รู้จักและยอมรับกัน ?
เราก็สามารถแบ่งก้าวกระโดดของ MINI จาก 2 เหตุการณ์ด้วยกัน
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในปี 1961
John Cooper นักแข่งรถในตำนาน
ซึ่งเขาเองเป็นเพื่อนสนิทของ เซอร์อเล็ก อิสซิโกนิส
เห็นว่าจริง ๆ แล้ว MINI เป็นรถที่สามารถยึดเกาะถนนได้ดี
เขาจึงได้ลองนำรถ MINI มาปรับแต่งเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น
หลังจากที่ John Cooper ได้ทำการปรับแต่งเสร็จ
เขาได้ตั้งชื่อให้รถที่เขานำมาปรับแต่งว่า “MINI Cooper”
และนั่นจึงเป็นที่มาของรถรุ่น MINI Cooper ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั่นเอง
จนในปี 1964 ถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนรู้จักและยอมรับในรถ MINI Cooper มากขึ้น
จากการที่ “Paddy Hopkirk” นักแข่งรถวิบาก สามารถนำรถ MINI Cooper เอาชนะการแข่งขัน
ในรายการ Monte Carlo Rally ซึ่งเป็นรายการแข่งรถวิบากในประเทศโมนาโก
โดยมีจุดประสงค์ในการแข่งคือต้องการเห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นในแต่ละปี
อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 1968
เมื่อ Paramount บริษัทผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ได้นำ MINI Cooper
มาใช้ประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Italian Job”
ซึ่งเป็นภาพยนตร์เล่าเรื่องราวการปล้นทองคำครั้งใหญ่
โดยมีฉากที่ใช้รถ MINI Cooper 3 คัน สามารถขับหนีตำรวจ
ที่ใช้รถ Alfa Romeo ซึ่งเป็นรถสปอร์ตที่โด่งดังในช่วงนั้น
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ยอดขายรถ MINI เพิ่มขึ้นมากถึง 318,000 คันในปี 1971
โดยตลอดระยะเวลา 40 ปี นับตั้งแต่สามารถขายรถ MINI คันแรกได้ในปี 1959
ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย
ปี 1966 บริษัท BMC ทำการควบรวมบริษัท Jaguar Cars
หลังจากทำการควบรวม ได้เปลี่ยนชื่อเป็น British Motor Holdings Limited หรือ BMH
ปี 1968 บริษัท BMH ทำการควบรวมบริษัท Leyland Motor Corporation
ซึ่งในเวลานั้นมีบริษัทลูกเป็น Triumph Motor และ The Rover Company
หลังจากการควบรวมได้ทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น British Leyland Motor Corporation หรือ BLMC
ในเวลานั้น BLMC ถือเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษเลยทีเดียว โดยมีแบรนด์ที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดี เช่น Triumph, MG, Rover รวมไปถึง MINI ด้วย
ปี 1975 ได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น British Leyland
ปี 1986 British Leyland ได้ทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของบริษัท โดยมีการขายบริษัทย่อยที่ไม่ทำกำไรออกไป และได้ทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น Rover Group
ปี 1994 BMW บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ได้ทำการเข้าซื้อ Rover Group ด้วยมูลค่า 800 ล้านปอนด์
แต่เนื่องจากแนวทางในการทำงานที่ต่างกันและกำลังเป็นช่วงขาลงของ Rover
ทำให้ BMW ต้องอัดฉีดเงินเข้าไปจำนวนมากถึง 1,000 ล้านปอนด์
จนในที่สุด BMW จึงตัดสินใจขายธุรกิจส่วนใหญ่ของ Rover Group ออกไปในปี 2000
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงเห็นแล้วว่าตลอด 40 ปีที่ผ่านมา
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเลยทีเดียว
ทั้งการควบรวม เปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง รวมถึงการขายบริษัทย่อยออกไป
แม้ BMW ได้ขายธุรกิจส่วนใหญ่ของ Rover Group ออกไป
แต่มีรถยนต์อยู่แบรนด์หนึ่ง ที่ทาง BMW ยังคงเก็บไว้นั่นคือ MINI นั่นเอง
แล้วปัจจุบัน MINI ภายใต้บริษัทแม่ BMW เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2018 ขายได้ 364,101 คัน
ปี 2019 ขายได้ 347,465 คัน
ปี 2020 ขายได้ 292,582 คัน
ถึงแม้ 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนรถที่สามารถขายได้ของ MINI จะลดลงอย่างต่อเนื่อง
แต่หากเราลองไปดู ยอดขายของรถยนต์ทั่วโลกจะพบว่ามีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกัน
ปี 2018 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 92 ล้านคัน
ปี 2019 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 88 ล้านคัน
ปี 2020 ปริมาณรถยนต์ที่ขายได้ 73 ล้านคัน
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018
ในขณะที่ในปี 2020 ทั่วโลกยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 จึงทำให้ยอดขายรถยนต์ ตกลงไปอีก
อีกสาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนผ่านระหว่างการใช้รถที่ใช้น้ำมัน ไปเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งก็มีบางประเทศเริ่มออกนโยบายให้เห็นกันชัดเจนแล้ว เช่น นโยบายของสหรัฐอเมริกาที่จะเปลี่ยน รถยนต์ของรัฐให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด
ซึ่งปัจจุบันทาง MINI เอง สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้แล้วเช่นกัน
และก็เพิ่งทำการเปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ชื่อรุ่น “MINI Cooper SE”
ซึ่งเป็นเรื่องน่าติดตามต่อไปว่า MINI คันเล็กคันนี้
จะปรับตัวกับความท้าทายในครั้งนี้อย่างไร
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
รถ MINI รุ่น Paddy Hopkirk Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ ที่ตั้งชื่อตาม Paddy Hopkirk
นักแข่งรถที่สามารถนำรถ MINI Cooper เอาชนะการแข่งขัน Monte Carlo Rally ในปี 1964
โดยหมายเลข 37 ที่ติดอยู่กับตัวรถ คือหมายเลขรถ MINI ที่เขาสามารถเอาชนะในวันนั้นได้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-http://cminicooper.blogspot.com/p/blog-page.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Rover_Group
-https://www.longtunman.com/8870
-https://en.wikipedia.org/wiki/British_Leyland
-https://en.wikipedia.org/wiki/British_Motor_Corporation
-https://en.wikipedia.org/wiki/Austin_Motor_Company
-https://en.wikipedia.org/wiki/Morris_Motors
-https://www.britannica.com/topic/British-Leyland-Motor-Corporation-Ltd
-https://www.miniusa.com/why-mini/why-mini/over-60-years-of-motoring.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/The_Italian_Job
-https://www.carolenash.com/news/classic-car-news/detail/mini-eras-the-1970s
-https://www.marketingoops.com/reports/fast-fact-reports/20-mini-car-facts/
-https://askanydifference.com/difference-between-mini-cooper-and-mini-one/
-https://www.unlockmen.com/mini-cooper-3-door-f56-5-door-f55/
-https://www.statista.com/statistics/267245/worldwide-sales-volume-of-mini-automobiles-since-2006/
-https://www.autostation.com/car/mini-electric-2020-launch-in-thailand
-https://www.best-selling-cars.com/brands/2020-full-year-global-bmw-mini-and-rolls-royce-sales-worldwide/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Monte_Carlo_Rally
-https://en.wikipedia.org/wiki/Paddy_Hopkirk
-https://www.forbes.com/sites/neilwinton/2019/10/03/uschina-tariff-war-will-lose-auto-industry-sales-worth-770-billion-report/?sh=4e0ed85f25e4
-https://www.iea.org/data-and-statistics/charts/global-car-sales-by-key-markets-2005-2020
rolls-royce wiki 在 Rolls-Royce Nene - Wikipedia Republished // WIKI 2 - Pinterest 的推薦與評價
Nov 27, 2015 - Rolls-Royce Nene. Quite the same Wikipedia. Just better. ... <看更多>
rolls-royce wiki 在 Rolls-Royce Limited | Wikipedia audio article - YouTube 的推薦與評價
This is an audio version of the Wikipedia Article:https://en. wikipedia.org/ wiki / Rolls -Royce_Limited00:02:16 1 Motor cars00:04:36 1.1 ... ... <看更多>