1
เยอรมนีเป็นเมืองของช่างโลหะ ซึ่งสามารถโยงกลับไปถึงชาวนอร์สหรือไวกิงซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวเยอรมันที่ชำนาญการถลุงเหล็กจนมีตำนานท้องถิ่นเช่นเทพเจ้าทอร์ผู้ถือค้อน ซึ่งมีนัยถึงการตีเหล็ก
2
พื้นฐานนี้เป็นเนื้อดินที่เหมาะเจาะให้เกิดเครื่องพิมพ์ซึ่งคิดค้นโดยโยฮันเนส กูเทินแบร์ค ซึ่งดัดแปลงมาจากเครื่องคั้นน้ำองุ่นเพื่อทำไวน์ แทนที่จะกดองุ่นก็มากดตัวเรียงพิมพ์โลหะแทน กูเทินแบร์คพิมพ์เล่มแรกคือไบเบิลภาษาละติน
3
ในยุคกลางมีหนังสือน้อยมาก แพง เพราะต้องเขียนมือ ส่วนใหญ่เก็บอยู่ในโบสถ์และมหาวิทยาลัย หรือไม่ก็เป็นสมบัติเศรษฐีแค่ไม่กี่คน การพิมพ์หนังสือทำให้หนังสือถูกลง แพร่หลาย องค์ความรู้แผ่กระจายไปทั่ว ความรู้จึงไม่ถูกผูกขาดโดยพระหรือผู้รู้อีกต่อไป เครื่องพิมพ์จึงเป็นเสมือนตัวกระตุ้นให้ผู้คนคิด ถาม สงสัย และหาคำตอบด้วยตัวเอง
4
ในดินแดนเยอรมันมี 'เมืองแห่งภูมิปัญญา' คือ 'เนือร์นแบร์ค' ซึ่งไม่ถูกครอบงำจากอิทธิพลทางการเมืองของศาสนาเหมือนเมืองอื่น จึงกลายเป็นเมือง 'หัวก้าวหน้า' ที่เปิดรับความคิดใหม่ๆ อย่างกระแสความคิดเรเนสซองส์ซึ่งเชื่อในศักยภาพมนุษย์ เมืองนี้ตีพิมพ์ผลงานหัวก้าวหน้าจำนวนมาก แถมยังเป็นที่แรกที่กล้าตีพิมพ์งานของนิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส ซึ่งหักล้างความเชื่อของศาสนาโรมันคาทอลิกว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล และก็เป็นเมืองนี้เองที่ตีพิมพ์งานของมาร์ติน ลูเทอร์
5
มาร์ติน ลูเทอร์ เป็นนักบวชที่ชอบตั้งคำถาม รวมถึงถามต่อความถูกต้องของภาษาละตินในคัมภีร์ไบเบิล เขากับเพื่อนลองแปลไบเบิลเป็นภาษาพื้นเมืองเยอรมันโดยตีความแตกต่างจากที่โรมันคาทอลิกสื่อสารมาตลอด เพราะมองว่าเวอร์ชั่นละตินนั้นผิดเพี้ยนไปจากความหมายจริง กว่าจะคิดเห็นเช่นนี้ก็ทำการบ้านหนัก เขาสืบค้นร่องรอยไปถึงภาษากรีกและฮีบรูซึ่งเป็นต้นรากของไบเบิล
6
ด้วยมุมมองใหม่นี้เองที่ทำให้ลูเทอร์ไม่ศรัทธาในโรมันคาทอลิกอีกต่อไป แถมยังเห็นว่าศาสนจักรโรมันคาทอลิกไม่มีความชอบธรรมในการปกครองหรือสั่งสอนชาวคริสต์
7
นี่คือการต่อสู้ศาสนจักรอันยิ่งใหญ่ด้วยความรู้ และเปลี่ยนแปลงความคิดผู้คนด้วยความรู้ แต่ถ้าลูเทอร์ไม่มีแบ็กดีก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน เขาได้การสนับสนุนจากเฟรเดอริคที่ 3 ขุนนางที่ถูกยกย่องว่าเป็นผู้เฉลียวฉลาด จึงไม่เกรงกลัวภัยคุกคามจากศาสนจักร ความคิดและการตั้งคำถามของเขาลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง นำไปสู่ยุคปฏิรูปศาสนา (The Reformation)
8
แต่จะว่าไปอีกมุมหนึ่งก็เกิดขึ้นเพราะด้านมืดของศาสนจักรเอง เมื่อเกิดขบวนการขายใบไถ่บาปขึ้น โดยพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 อนุมัติให้มีการนำออกขาย ด้วยความเชื่อว่าไม่ว่าจะทำบาปมากเพียงใดก็ไถ่โทษได้ง่ายๆ เพียงซื้อใบไถ่บาปจากคณะสงฆ์ และอ้างว่าจะนำเงินไปบูรณะมหาวิหารในกรุงโรม
9
เมื่อการต่อต้านหนักข้อขึ้น สุดท้ายแนวคิดแบบลูเทอร์ก็แยกนิกายออกไปเป็น 'โปรแตสแตนต์' ขุนนางที่เข้าข้างลูเทอร์มักอยู่ทางตอนเหนือของเยอรมัน ส่วนตอนใต้ยังอยู่ฝั่งพระสันตะปาปา เยอรมนีจึงแยกออกเป็นสองพวกใหญ่ๆ
10
ความขัดแย้งดำเนินไปในช่วงเวลานาน ผ่านเวลาไปนิกายลูเทอแรนซึ่งมาจากความคิดของลูเทอร์ค่อยๆ หมดพลังลง แต่มีนิกายคาลวินซึ่งสุดโต่งกว่ามาท้าทายโรมันคาทอลิกแทน กระทั่งเกิดเป็นสงคราม 30 ปีระหว่างคริสต์สองนิกาย โรมันคาทอลิกมีสเปนและออสเตรีย โปรแตสแตนต์มีเยอรมันฝั่งที่ถือข้างนี้ เดนมาร์ก และสวีเดน โดยมีฝรั่งเศสซึ่งแปรเปลี่ยนไปมาอยู่ในสงครามด้วย สงครามจึงแผ่ลามไปทั่วยุโรป ผลลัพธ์คือคนตายกว่าแปดล้านคน
11
เมื่อไม่มีใครชนะเด็ดขาดจึงจบที่การทำสนธิสัญญาเวสท์ฟาเลีย ปี 1648 ส่งผลให้โรมันคาทอลิกยอมรับการมีอยู่ของโปรแตสแตนต์ทุกนิกาย แม้ไม่เต็มใจ โดยอยู่กันแบบตัวใครตัวมัน ไม่รุกรานกัน คนเยอรมันล้มตายไปถึงสองในสามจากสงครามนี้ ส่งผลให้พวกเขามีความอดทนต่อคนที่คิดต่างทางศาสนามากขึ้น
12
การปฏิรูปศาสนาและการที่คนเยอรมันจำนวนมากหันมาเข้ารีตนิกายลูเทอแรนส่งผลต่อวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมในเยอรมนีอย่างมาก โปรแตสแตนต์ไม่รังเกียจดนตรีเพราะเชื่อว่าเพลงช่วยขับไล่ความชั่วและวิญญาณร้าย นักดนตรีเยอรมันจึงดัดแปลงดนตรีให้กลายเป็นดนตรี 'ทางโลก' ซึ่งสะท้อนอารมณ์หลากหลายของมนุษย์จนเกิดเป็น 'ดนตรีคลาสสิก' นักดนตรีคลาสสิกเอกอุทั้งหลายจึงเป็นชาวเยอรมัน บาค, ไฮเดิน, บรามส์, ชูแบร์ท, ชเตราส์ เป็นต้น
13
และบรรยากาศฉลองคริสต์มาสก็คงไม่เป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ หากไม่ผ่านยุคสมัยของปฏิรูปศาสนา มาร์ติน ลูเทอร์เป็นบาทหลวงที่แต่งงานทั้งที่อยู่ในสถานะนักบวช ซึ่งใหม่มากในเวลานั้น เขามีลูกหกคนและให้ความสำคัญกับชีวิตครอบครัวอย่างมาก เขากล่าวว่าการแต่งงานและบ้านเรือนคือโรงเรียนสอนชีวิตที่ดีกว่าอารามสงฆ์หรือโรงเรียนสอนศาสนา
14
ลูเทอร์เป็นคนแรกๆ ที่ให้ความสำคัญกับต้นสน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีบูชาผีเทวดาแบบดั้งเดิมของชาวบอลติก คือเทศกาลบูชาไม้ที่เรียกว่า 'ยูล' เขานำต้นสนมาประดับตกแต่งด้วยเทียนเพื่อบูชาต่อพระเจ้าและสื่อถึงความอบอุ่น
15
ชาวลูเทอแรนและโปรแตสแตนต์จึงฉลองคริสต์มาสอย่างไม่เคร่งเครียด ไม่ได้สวดมนต์ภาวนาต่อพระเจ้าและพระเยซูแบบดั้งเดิม แต่ปรับให้ผ่อนคลายขึ้น จนกลายเป็นความหรรษารื่นเริงภายในครอบครัว 'เฉลิมฉลอง' กันที่บ้านได้โดยไม่ต้องไปโบสถ์
16
เทศกาลคริสต์มาสแบบคนเยอรมันค่อยๆ ถูกส่งต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกเมื่อคนเยอรมันอพยพย้ายถิ่นฐานไปที่ต่างๆ รวมถึงการที่กษัตริย์อังกฤษเปลี่ยนมาเป็นเชื้อสายเยอรมัน ชาร์ลอตต์แห่งเมคเลินบอร์ค-ชเตรลิทช์ ราชินีในกษัตริย์จอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษ เป็นคนเยอรมันที่นำคริสต์มาสแบบเยอรมันรวมถึง 'ต้นคริสต์มาส' เข้าไปในอังกฤษ เกออร์ก ฟรีเดอริค แฮนเดิล ชาวเยอรมันที่ไปอยู่อังกฤษก็เป็นเจ้าของเพลง 'Joy to the World' ที่เราร้องและฟังกันทุกคริสต์มาสนี่เอง
17
จากเทพเจ้าทอร์กับช่างตีเหล็ก จากช่างตีเหล็กสู่เครื่องพิมพ์ จากเครื่องพิมพ์สู่การปฏิรูปทางศาสนา จากการปฏิรูปทางศาสนาสู่การเปลี่ยนแปลงทางความคิด จากการเปลี่ยนแปลงทางความคิดสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต จากช่างตีเหล็กสู่ต้นคริสต์มาส ประวัติศาสตร์น่าทึ่งเสมอเมื่อเรามองย้อนหลังและต่อจุดเหล่านั้นเข้าด้วยกัน
---
*เขียนและเรียบเรียงจากการอ่านหนังสือ 'ประวัติศาสตร์เยอรมนี ฉบับกระชับ' โดย กร ชัยธีระสุเวท เป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก ได้รู้ประวัติศาสตร์เยอรมนีโดยละเอียดซึ่งมีผลอย่างมากต่อยุโรปและโลกใบนี้
*ว่างๆ เอาเนื้อหาแบบนี้ไปเล่าในยูทูบกับพอดแคสต์บ้างดีกว่า หวังว่าจะมีคนอยากฟัง 555
ดนตรีคลาสสิก คือ 在 ประเภทของเพลงคลาสสิก... - สมาคมดนตรีสากล เเห่งประเทศไทย 的推薦與評價
ประเภทของเพลงคลาสสิก ซิมโฟนี่ (Symphony) "ซิมโฟนี่" คือ บทเพลงบรรเลงโดยวงดุริยางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีเครื่องดนตรีครบทั้งสี่ประเภท คือ เครื่องสาย... ... <看更多>
ดนตรีคลาสสิก คือ 在 EP 1 ความหมายของดนตรีคลาสสิก #GenZandClassicalMusic No ... 的推薦與評價
พิชญาภา เหลืองทวีกิจ นักไวโอลินมืออาชีพ ที่จะมาหาคำตอบว่า ดนตรีคลาสิกคือ อะไร และ แบบไหนถึงเรียกว่าดนตรีคลาสสิก ติดตาม Thaipbs Podcast ได้ทาง Facebook: ... ... <看更多>