ทำไม KTBSTMR REIT คือช่องทางลงทุนอสังหาฯ ที่ดี ในช่วงเวลานี้
ถ้าพูดถึงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเวลานี้
ต้องยอมรับว่า หลายคนเลือกที่จะมองข้ามไป
เพราะกลัวขาดทุน กลัวความเสี่ยง และกลัวว่าลงทุนแล้วจะไม่เติบโต
รู้หรือไม่ว่า.. ความกลัวเหล่านี้จะหายไป
หากเราเลือกลงทุนในกอง REIT ที่ดี
มีการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง
และยังมีแผนการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินกอง REIT
จาก 3,015 ล้านบาท ไปสู่ 20,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า
แล้วช่วงนี้ยังถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะลงทุนกอง REIT เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอีกด้วย
กอง REIT ที่ว่านี้ คืออะไร ?
แล้วเราจะลงทุนในกอง REIT นี้ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
อย่างที่ทราบกันว่า..
การรักษาเงินต้น การกระจายความเสี่ยง และการสร้างการเติบโต
คือ หลักการพื้นฐานในโลกการลงทุน
แม้จะฟังดูง่าย แต่กลับยากเมื่อลงมือปฏิบัติจริง
หลายคนจึงเลือกลงทุนทรัพย์สินที่ตนเองสนใจ
ในรูปแบบที่จะมีผู้เชี่ยวชาญในทรัพย์สินนั้น ๆ คอยดูแลบริหารการลงทุนให้
อย่างเช่นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ผ่านรูปแบบของกอง REIT
REIT ย่อมาจาก Real Estate Investment Trust
หรือก็คือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่าง ๆ
เช่น สิทธิการเช่าศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โกดังคลังสินค้า
หนึ่งในกอง REIT ที่น่าสนใจในขณะนี้..
ก็คือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เคทีบีเอสที มิกซ์
หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า KTBSTMR REIT
แล้ว KTBSTMR REIT น่าสนใจอย่างไร ?
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เคทีบีเอสที มิกซ์
หรือ KTBSTMR REIT เป็นกอง REIT อิสระกองแรกในประเทศไทย
ที่มีการลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี ใน 3 ประเภทอสังหาริมทรัพย์
แถมยังมีการจดจำนองหลักประกันซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง นั่นคือ
1. ประเภทคลังสินค้า/โรงงาน 64.53% ของสินทรัพย์รวม
มีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 121,619.67 ตารางเมตร อัตราการเช่าเฉลี่ยของทั้ง 3 โครงการอยู่ที่ 85%
ประกอบด้วย
-อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 1 โครงการ คือ Rich Asset
ที่มีอัตราการเช่า 90% คือมีผู้เช่าแล้ว 38 จากทั้งหมด 41 คลังสินค้า/โรงงาน
พร้อมรองรับผู้เช่า SME ขนาดเล็ก-กลาง ที่ต้องการเก็บสินค้า
และผู้ผลิตขนาดเล็ก ตอบรับเทรนด์ธุรกิจ E-commerce ในอนาคต
-อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ 1 โครงการ
คือ เอสที บางบ่อ ที่มีอัตราการเช่า 63% คือมีผู้เช่าแล้ว 6 จากทั้งหมด 9 คลังสินค้า/โรงงาน
พร้อมรองรับกลุ่มผู้เช่าขนาดกลาง กลุ่มผู้ผลิต และส่งออกอะไหล่ขนาดกลาง ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 มีผู้เช่าหมดสัญญา จากนั้นมีผู้เช่าเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้โครงการ ST Bang Bo มีอัตราการเช่า ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ขึ้นมาอยู่ที่ 80%
-อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 โครงการ
คือ เอสที บางปะอิน ที่มีอัตราการเช่า 100% จากผู้เช่ารายใหญ่รายเดียว
คือ LF Logistics ตัวแทนขนส่งสินค้าตามจุดสาขาทั่วประเทศ
ให้กับธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น ธุรกิจอาหาร เสื้อผ้า เครื่องดื่ม ให้กับบริษัทชั้นนำ
และมีการจดทะเบียนสิทธิการเช่าถึงธันวาคม 2573 (สัญญาเช่าเหลืออีกประมาณ 10 ปี)
ที่น่าสนใจคือ ทั้ง 3 โครงการ ล้วนเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เหมาะแก่การเป็นศูนย์การกระจายสินค้าที่ดี
นอกจากนี้ ยังตั้งอยู่บนทำเลที่จะมีเส้นทางสัญจรใหม่ ๆ เกิดขึ้น อาทิ
-ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองถนนมอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ได้เปิดให้ประชาชนทดลองใช้เดินทาง
-ถนนวงแหวนรอบนอก ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ
ทั้งหมดนี้ หากมีการเปิดใช้เต็มรูปแบบ ย่อมส่งเสริมให้การคมนาคมของโครงการคลังสินค้า/โรงงานทั้งหมดของ KTBSTMR REIT สะดวกสบายมากขึ้นได้
2. ประเภทอาคารสำนักงาน 13.85% ของสินทรัพย์รวม
คือ อาคาร Summer Hub อยู่ติดกับ BTS สถานีพระโขนง
รองรับกลุ่มธุรกิจไทยและต่างชาติ ขนาดเล็ก-กลาง
ด้วยพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 5,147 ตารางเมตร
และมีอัตราการเช่า 93.3% โดยมีจำนวนผู้เช่า 15 ยูนิตจากทั้งหมด 17 ยูนิต
ที่น่าสนใจคือ ย่านพระโขนง ถือว่าเป็น New CBD ที่ค่อย ๆ ได้รับการพัฒนา
และ Summer Hub ยังเป็นโครงการที่มีคู่แข่งในอนาคตต่ำ
เพราะเป็นอาคารสำนักงานใหม่แห่งเดียว (อายุเพียง 2 ปี) ที่อยู่ติดกับ BTS สถานีพระโขนง
3. ประเภทอาคารศูนย์การค้า 21.62% ของสินทรัพย์รวม
คือ อาคาร Summer Hill อยู่ติดกับ BTS สถานีพระโขนง
แวดล้อมไปด้วยคอนโดมิเนียม 14 โครงการ ในระยะ 1 กิโลเมตร
พร้อมรองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่มีศักยภาพการจับจ่ายระดับกลาง-บน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ด้วยพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 5,138 ตารางเมตร
และมีอัตราการเช่า 93.9% โดยมีจำนวนผู้เช่า 16 ยูนิตจากทั้งหมด 18 ยูนิต
โดยขณะนี้ Summer Hill มีผู้เช่ารายใหญ่ทั้งหมด 3 แบรนด์ ประกอบด้วย
-Regus ในนามสเปซเซส ซัมเมอร์ ฮิลล์ ให้บริการพื้นที่ทำงานแบบ Co-working Space
พื้นที่เช่า 37.35% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด
-Fitness24Seven ฟิตเนสเปิด 24 ชั่วโมง พื้นที่เช่า 18.44% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด
-Tops Daily พื้นที่เช่า 5.06% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด
ที่น่าสนใจคือ โครงการ Summer Hill มียูนิตไม่มาก
ทำให้หาผู้เช่าเต็มพื้นที่ได้ไม่ยาก จึงมีโอกาสรับรายได้จากการเช่าแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยนั่นเอง
จะเห็นได้ว่า KTBSTMR REIT มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี
ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งได้
ทั้งในแง่ของประเภทอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มผู้เช่า และทำเลที่ตั้ง
จึงช่วยให้มีโอกาส “จ่ายเงินปันผล” อย่างสม่ำเสมอได้
ที่น่าสนใจคือ KTBSTMR REIT ยังมีการรับประกันรายได้ปีแรก จากเจ้าของทรัพย์สินที่มีความน่าเชื่อถือ
นั่นคือ
-บริษัท เอสที พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ โลจิสติกส์ จำกัด (STPL) ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และให้บริการเกี่ยวกับงานโลจิสติกส์ เป็นบริษัทในกลุ่ม STPI และ STEC
-กลุ่มบริษัท ริช แอสเซ็ท ผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลสินทรัพย์ประเภทโรงงานและคลังสินค้าในพื้นที่บางพลี มากว่า 20 ปี และได้พัฒนาโครงการมาแล้วกว่า 200,000 ตารางเมตร รวม 81 แห่ง
และยังเป็นผู้บริหารทรัพย์สินในส่วนของตนให้กับกองทรัสต์อีกด้วย
จึงมั่นใจได้ว่า การบริหารจัดการทรัพย์สินจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จุดนี้เองที่ทำให้ KTBSTMR REIT คาดว่าจะสามารถจ่ายอัตราผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้ 7.02% ในปีแรก
ขณะที่ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนตลาด อยู่ที่ 5.47%
นอกจาก “การกระจายความเสี่ยงที่ดี” และ “การรับประกันรายได้ปีแรก”
จะทำให้ KTBSTMR REIT มีอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจแล้ว
รู้หรือไม่ว่า KTBSTMR REIT ยังเรียกจดจำนองหลักประกันทรัพย์สิน
ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงกว่ามูลค่าสิทธิการเช่า 30 ปี อีกด้วย
พูดง่าย ๆ ว่า หากทรัพย์สินข้างต้น ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับกอง REIT ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างอายุสัญญาเช่า และส่งผลให้ REIT ไม่สามารถจัดหาประโยชน์บนทรัพย์สินที่เช่าได้ครบ 30 ปี
เจ้าของทรัพย์สินจะต้องคืนเงินค่าเช่าตามมูลค่าสิทธิการเช่าคงเหลือ ณ ขณะนั้น
ซึ่งจะคำนวณตามวิธีเส้นตรง ให้แก่กอง REIT
หากไม่ชำระ กอง REIT สามารถบังคับหลักประกัน และบังคับขายสินทรัพย์
ซึ่งมูลค่าของหลักประกันจะครอบคลุมมูลค่าสิทธิการเช่า (คงเหลือ) ตลอดอายุการลงทุน
จึงสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ว่า..
การลงทุน KTBSTMR REIT ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์เลวร้ายใดก็ตาม
นักลงทุนจะได้รับ “เงินค่าเช่าตามมูลค่าสิทธิการเช่าคงเหลือ” อย่างแน่นอน
แล้วการเติบโตของ KTBSTMR REIT ในอนาคตเป็นอย่างไร ?
สำหรับทรัพย์สินประเภทคลังสินค้าและโรงงาน
ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ปกติแล้วจะมีการปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ย 5-10% ต่อรอบสัญญาทุก ๆ 3 ปี
ทำให้ผลตอบแทนของกอง REIT มีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต
ขณะเดียวกัน ทรัพย์สินประเภทอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า
ที่ตั้งอยู่ติดกับ BTS สถานีพระโขนง ก็ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
จากการขยายตัวของความเจริญจากสุขุมวิท
และแปลงที่ดินที่มีจำกัด ยากจะขึ้นโครงการใหม่ ๆ
ประกอบกับราคาค่าเช่าที่ต่ำกว่าราคาตลาด ทำให้มีโอกาสที่ค่าเช่าในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้นได้
ที่น่าสนใจคือ KTBSTMR REIT ยังมีอิสระในการเลือกลงทุนทรัพย์สินใหม่ ๆ
เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตได้ ไม่จำกัดว่าต้องเลือกทรัพย์สินจากเจ้าของเจ้าใดเจ้าหนึ่ง
ซึ่งภายใน 5 ปีนับจากนี้..
KTBSTMR REIT มีแผนจะสร้างการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินกอง REIT
จาก 3,015 ล้านบาท ไปสู่ 20,000 ล้านบาท
โดยมีการศึกษาโครงการต่าง ๆ มากกว่า 40 โครงการ
เพื่อคัดสรรทรัพย์สินที่เหมาะสมที่สุด มาอยู่ในกอง REIT อีกด้วย
มาถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า..
ภายใต้ช่วงเวลาวิกฤติ ก็สามารถเป็นโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ดีได้
หากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น.. ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
เช่นเดียวกัน KTBSTMR REIT ที่ถูกออกแบบเพื่อรองรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
ที่สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ครบทั้ง 3 ประการ นั่นคือ
-มีหลักประกันเป็นการจดจำนอง
-ลดความเสี่ยง สร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ ด้วยการกระจายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ
-เป็นการลงทุนที่มีการเติบโตในอนาคต
KTBSTMR REIT จึงกลายเป็นหนึ่งโอกาสลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ดี ภายใต้วิกฤติโควิด 19 นี้ นั่นเอง..
สำหรับใครที่สนใจลงทุนในกอง KTBSTMR REIT
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ktbstmr.com หรือ www.ktbstreit.co.th
โดยจะเปิดให้จองซื้อในวันที่ 19-29 ตุลาคม 2564 นี้ สามารถติดต่อจองซื้อได้ที่ 02-351-1800 กด 5 หรือสามารถลงทะเบียนจองซื้อ KTBSTMR ได้ที่ http://bit.ly/3bSk1oy
ที่สำคัญ เปิดพอร์ตกับบริษัทหลักทรัพย์ใดก็สามารถจองซื้อได้ แต่หากยังไม่มีพอร์ตสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ ยืนยันตัวตนด้วย NDID กับ KTBST SEC ได้เลย
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน
ที่มา: หนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยทรัสต์ เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เคทีบีเอสที มิกซ์ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2564
同時也有4部Youtube影片,追蹤數超過20萬的網紅คิดเรื่องอยู่ ThinkofLiving,也在其Youtube影片中提到,รีวิวคอนโด Sindhorn Residence กด Subcribe ช่อง ThinkofLiving ได้ที่นี่ครับ: http://www.youtube.com/subscription_center?add_user=thinkofliving รายการ ...
บริษัทcbd 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ข่าวประชาสัมพันธ์..
“แอสเซทไวส์” โชว์ความสำเร็จสุดแกร่ง ทุบสถิติกำไร Q1 พุ่ง 361.85%
ASW เผยไม้เด็ดกลยุทธ์ “Best Choice” กวาดรายได้กว่า 1,173 ล้านบาทไตรมาสแรก ผลักดันเติบโตอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าสู้ศึกโควิดปี 64 เต็มกำลัง
แอสเซทไวส์ (AssetWise) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ เปิดผลประกอบการไตรมาสแรกแห่งปี 2564 สุดท็อปฟอร์ม หลังกวาดรายได้กว่า 1,173 ล้านบาท ทุบสถิติกำไรโต 361.85% สวนกระแสโควิด ตอกย้ำความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ “Best Choice” สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ดันยอดขายพุ่งแรงขึ้นแท่นผู้นำ “แคมปัสคอนโด” เตรียมทุ่ม 9,700 ล้านบาท ตั้งเป้าพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่องภายในปีนี้
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ ASW ในไตรมาส 1/2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564) ทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 582 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตสูงถึง 98.5% (YoY) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 591 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250 ล้านบาท หรือ 361.85% (YoY) เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท ขณะที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ถึง 48.5% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ถึง 25.7%
นับเป็นการเติบโตแบบสวนกระแสในยุคโควิด ตอกย้ำความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ “Best Choice” สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นรักษาอัตรากำไรที่โดดเด่น ทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับตัวลดลงหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
“แม้ในไตรมาสแรกของปี 2564 ต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ผันผวนและความไม่แน่นอนในตลาดจากสถานการณ์โควิด 19 แต่เราก็ยังรักษาผลประกอบการเอาไว้ได้ในระดับดีเยี่ยม ทั้งยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดยังตรงตามเป้า และยอดขายในแต่ละโครงการที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เรามุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพโครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ให้มีคุณภาพอยู่เสมอ จนสามารถครองใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง” นายกรมเชษฐ์กล่าว
ความสำเร็จแบบก้าวกระโดดของ “แอสเซทไวส์” นับเป็นการตอกย้ำทิศทางการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้มีคุณภาพคับแก้ว ที่พร้อมรุกตอบโจทย์ตลาดคนรุ่นใหม่อย่างเต็มกำลัง ด้วยการเดินเกมอันแยบยลภายใต้กลยุทธ์ “Best Choice” หรือการพัฒนาโครงการฯ สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและพฤติกรรมผู้บริโภค และให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในทำเลนั้น ๆ
โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายในตลาด Blue Ocean ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอ “ความครบวงจร” ตั้งแต่ทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่า เพิ่มฟังก์ชันเอาใจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อาทิ ห้องดูหนัง ห้องเล่นเกม ห้องร้องเพลง และ Co-Working Space ด้วยเอกลักษณ์การดีไซน์ที่แตกต่าง รวมถึงการออกแบบตกแต่งห้องให้ครบครันพร้อมอยู่ในราคาที่คุ้มค่า ซึ่งทั้งหมดมาจากความตั้งใจในการศึกษาเชิงลึกถึงพฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยในย่านต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจความต้องการที่แท้จริง
หนึ่งในเรือธงที่ประสบความสำเร็จของแอสเซทไวส์ คือ กลุ่มแคมปัสคอนโด (Campus Condo) ภายใต้แบรนด์เคฟ (KAVE) คอนโดมิเนียมใกล้สถานศึกษา
โดยในไตรมาส 1/64 บริษัทฯ มียอดโอนรับรู้รายได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก โครงการเคฟ ทาวน์ สเปซ (KAVE TOWN SPACE) และ โครงการเคฟ ทาวน์ ชิฟท์ (KAVE TOWN SHIFT) ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต สองโครงการคุณภาพที่มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 4,100 ล้านบาท รวมถึง “โครงการเคฟ ศาลายา (KAVE SALAYA)” ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มูลค่าโครงการ 1,150 ล้านบาท ซึ่งเปิดขายเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 60% ของห้องที่เปิดขาย นอกจากนี้ ยังมี โครงการเคฟ ทียู (KAVE TU) ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งนับเป็นยอดขายรอโอน (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้ภายในปีนี้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน “คอนโดรีสอร์ทกลางเมือง” คอนเซปต์สำหรับวัยทำงานซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ “แอสเซทไวส์” ให้ความสำคัญ ภายใต้แบรนด์แอทโมซ (ATMOZ) และแบรนด์โมดิซ (MODIZ) ที่สอดคล้องกับความต้องการและวิถีชีวิตของวัยทำงาน บนทำเลศักยภาพ New CBD ก็ผลักดันให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดย โครงการโมดิซ สุขุมวิท 50 (MODIZ SUKHUMVIT 50) คอนโดมิเนียม High-Rise ใจกลางย่านสุขุมวิท ที่รอรับรู้รายได้ปลายปีนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึง Real Demand ต่อโครงการอสังหาฯ ของแอสเซทไวส์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเป็นคอนโด Best Choice ตัวจริงในทำเลนั้น
ก้าวต่อไปในการสร้างรายได้และโอกาสครึ่งปีหลัง 2564 ของ “แอสเซทไวส์” ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่ ๆ มูลค่ากว่า 9,700 ล้านบาท ทั้งแนวราบและแนวสูง ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป อาทิ โครงการคอนโดมิเนียมแอทโมซ บางนา (ATMOZ BANGNA) และ เคฟ เอวา (KAVE AVA) มั่นใจรายได้รวมปี 2564 โตกว่า 20% จากปีก่อนตามเป้า ทั้งยังเน้นการรักษายอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ - ปี 2566 จากโครงการสร้างเสร็จรอขายจำนวน 1,105 ยูนิต มูลค่า 3,133 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้มีการสรรหาผู้ร่วมทุนเพื่อขยายการเติบโตสำหรับโครงการในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันแอทเซสไวส์มีการลงนามในสัญญาร่วมทุน (Joint Venture) กับ บริษัท ไอดีล เรียล จำกัด จัดตั้ง และ บริษัท ไพร์ซ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการเคฟ ศาลายา ร่วมกัน โดยการร่วมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะถือหุ้นในสัดส่วน 51 : 49 ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพ และสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง
“การดำเนินการเหล่านี้เป็นไปตามทิศทางกลยุทธ์ของ “แอทเซสไวส์” ที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจแบบผสมผสาน รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างชุมชนที่อยู่อาศัยที่น่าอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน สอดคล้องวิสัยทัศน์ “We Build Happiness” หรือ ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” ของเรานั่นเอง” นายกรมเชษฐ์กล่าวปิดท้าย
บริษัทcbd 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ข่าวประชาสัมพันธ์..
“แอสเซทไวส์” ก้าวสู่ปีที่ 17 ทะยานสู่ความสำเร็จ
เคาะขายไอพีโอหุ้นละ 9.82 บาท เตรียมเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 19-21 เม.ย.นี้ ได้ฤกษ์ดีเข้า SET วันที่ 28 เม.ย.นี้
บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (AssetWise) หรือ “ASW” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ เพื่อจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตที่ดี ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” (We Build Happiness) นับเป็นผู้พัฒนาโครงการที่น่าจับตาอย่างมากในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมานี้
โดยที่ในช่วงไตรมาส 1/2564 แม้ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่ แต่ ASW ยังคงเดินหน้าการเปิดขายโครงการอย่างต่อเนื่อง บนทำเลศักยภาพที่รองรับการขยายของเมืองและระบบคมนาคมเส้นทางใหม่ บวกรวมกับความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์นักพัฒนารุ่นใหม่ ที่พร้อมมุ่งสู่แผนสร้างศักยภาพของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่ง สอดรับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งเทคโนโลยีที่รุดหน้าอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ผันแปร
· วิสัยทัศน์นักพัฒนารุ่นใหม่ สู่ความแข็งแกร่งของ ASW
คุณกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ทิศทางของ ASW ในปี 2564 ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่คุณภาพคับแก้วทั้งแนวสูงและแนวราบ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์แห่งยุคได้หลากหลาย พร้อมตั้งเป้าขยายตัวรุกตลาดคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง และยังมีแผนระดมทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพและเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในอนาคต
· ลุยตลาดอสังหาฯ คนรุ่นใหม่ ตอบทุกโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง
กว่า 16 ปีที่ ASW เติบโตในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่เข้าใจตลาดเป็นอย่างดี มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยรอบด้าน ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ผ่านแบรนด์คอนโดมิเนียมหลัก 3 แบรนด์สำคัญ ได้แก่ MODIZ (โมดิซ), ATMOZ (แอทโมซ) และ KAVE (เคฟ)
โดยในปี 2564 ASW ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ และก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง รวมถึงการพัฒนาโครงการบนทำเลที่เจาะกลุ่มตลาดบลูโอเชี่ยน เนื่องจากมีกำลังซื้อที่มีสัญญาณดีต่อเนื่อง เน้นทำเลใกล้มหาวิทยาลัย และเพิ่มฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการอยู่อาศัยที่โดนใจไลฟ์สไตล์หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ อาทิ ห้องดูหนัง, ห้องเล่นเกม, ห้องร้องเพลง, Co-Working Space ที่กว้างขวาง
โดยแบรนด์คอนโดที่โดดเด่นในกลุ่มนี้คือ KAVE (เคฟ) แบรนด์คอนโดมิเนียมใกล้สถานศึกษา (Campus Condo) ที่มีการออกแบบดีไซน์พื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อให้รองรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเด็กรุ่นใหม่
นอกจากนั้น ยังมีแบรนด์ที่เน้นตอบโจทย์วัยทำงานที่ทุกตารางนิ้วเนรมิตขึ้นมาภายใต้คอนเซปต์ “คอนโดรีสอร์ทกลางเมือง” เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะโลดแล่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในแต่ละวัน และสามารถคลิกสู่ “โหมดพักผ่อน” (Rest Mode) ได้ทันที ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น เงียบ สงบ และส่วนกลางขนาดใหญ่ บนทำเลศักยภาพ NEW CBD ที่มีความคล่องตัวในการเดินทางสูง สามารถเข้า-ออกได้หลากหลายเส้นทาง อาทิ โครงการแอทโมซ รัชดา – ห้วยขวาง (Atmoz Ratchada – Huaikwang) ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มเริ่มสร้างครอบครัวและกลุ่มคนเริ่มทำงานเป็นอย่างดี
· เพิ่มฟังก์ชัน “สุขภาพ” เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนยุคใหม่
หนึ่งในแนวคิดของ ASW คือ “การมีสุขภาพที่ดี คือจุดเริ่มต้นสำคัญของการอยู่อาศัยที่มีความสุข” สอดรับกับปัจจุบันที่ผู้คนต้องเผชิญกับปัญหามลพิษและสถานการณ์โรคระบาด “สุขภาพ” จึงเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรก ๆ ที่ ASW ให้ความใส่ใจในรายละเอียดการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ภายใต้คอนเซปต์ "Health Solution" ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุที่ไม่ทำร้ายสุขภาพ ไปจนถึงมอบสิทธิประโยชน์ที่ช่วยสนับสนุนการมีสุขภาพดี ผ่าน 4 หัวใจหลัก ได้แก่
“VIRTUAL HEALTH” การจัดพื้นที่ในโครงการพร้อมเตรียมอุปกรณ์สำหรับการตรวจสุขภาพในเบื้องต้น หรือ Health Station สำหรับลูกบ้านเพื่อติดต่อและรับคำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพ จากแพทย์จากโรงพยาบาลชั้นนำผ่านระบบออนไลน์
"HEALTHY PRIVILEGE" สิทธิพิเศษและบริการด้านสุขภาพที่หลากหลาย คัดสรรมาเพื่อลูกบ้าน ASW Club เช่น ส่วนลดค่ารักษาพยาบาล เรียกรถพยาบาลฟรี ส่วนลดบริการสปา ฯลฯ
"HEALTHY ACTIVITY" กิจกรรมด้านสุขภาพทั้งกายและใจในหลากหลายมิติ ทั้งด้านการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน รวมถึงการอบรม CPR เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีและเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในโครงการ
"HEALTHY LIVING" สาระน่ารู้ด้านสุขภาพที่สรรหามาเพื่อสมาชิก ASW Club
· มั่นใจก้าวต่อไปของแบรนด์ เติบโตอย่างยั่งยืน
กลุ่มบริษัท ASW มีบริษัทย่อยทั้งหมด 15 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งโครงการอาคารชุดที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม และโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ จำนวน 12 บริษัท และบริษัทย่อยอีก 3 บริษัท ที่ประกอบธุรกิจอื่น ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า และธุรกิจรับฝากขายฝากเช่า
ความภาคภูมิใจที่ผ่านมาของ ASW คือการได้รับรางวัล Top 10 Developers จากเวทีใหญ่ระดับเอเชีย BCI ASIA AWARDS 2019 ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพและโดดเด่น จาก 3 โครงการเด่น ได้แก่ โครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 71, โครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 15, โครงการโมดิซ สุขุมวิท 50 โดยทั้ง 3 โครงการเป็นโครงการที่สะท้อนคุณภาพและการใส่ใจในรายละเอียด และยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งหมดจึงเป็นคุณภาพของการอยู่อาศัยที่ ASW จัดเตรียมไว้ให้ผู้ซื้อ ตอกย้ำแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ของคนรุ่นใหม่เพื่อคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีสังคมที่ดีในทุก ๆ วัน
และล่าสุด บมจ. แอสเซทไวส์ (ASW) เคาะขายไอพีโอหุ้นละ 9.82 บาท เตรียมเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 19-21 เม.ย. นี้ ได้ฤกษ์ดีเข้า SET วันที่ 28 เม.ย.นี้ ที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำอันเดอร์ไรท์ฯ มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับคึกคัก ชูจุดเด่นเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯครบเครื่อง แบ็กล็อกรอโอนกว่า 7.8 พันล้านบาท ความสามารถการทำกำไรสูง Gross Profit Margin สูงกว่า 40% บิ๊กบอส “กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์” ปักหมุดปี 64 เปิด 6 โปรเจคใหม่ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท หนุนผลงานเติบโตโดดเด่น
นางยอดฤดี สันตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 206 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาหุ้นละ 9.82 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 8.54 เท่า (Post-IPO Dilution) ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 19 – 21 เมษายน นี้ และคาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 28 เมษายน 2564 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "ASW" เข้าเทรดในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
"การกำหนดราคาไอพีโอที่ 9.82 บาท/หุ้น คิดเป็น PE ที่ 8.5 เท่า คำนวณจากผลประกอบการปี 2563 เทียบกับ P/E ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ 11 เท่า คิดเป็นส่วนลดให้กับนักลงทุนประมาณ 23% ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่ง ASW เป็นหุ้นที่น่าลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากที่โรดโชว์ไปแล้ว นักลงทุนมีความเข้าใจธุรกิจและทราบถึงแนวโน้มการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก ทำให้ได้รับความสนใจอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนสถาบันซึ่งได้ bookbuild เกินยอดที่จัดสรรไปประมาณ 6 เท่า" นางยอดฤดีกล่าว
นางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) เป็นบริษัทที่มีความสามารถในการพัฒนาโครงการที่ตรงความต้องการลูกค้า มีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้ง มีแบรนด์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรสูง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับสูงกว่า 40% จากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมายาวนาน
"เชื่อมั่นว่า ASW จะเป็นหุ้นที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ลงทุน เนื่องจากมีการเติบโตต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปีที่แล้ว มีแบ็กล็อกรอโอนกว่า 7,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ไปจนถึงปี 2566”
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในการพัฒนาโครงการ ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ และการซื้อที่ดินเพื่อรองรับแผนการเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติมในอนาคต โดยในปีนี้ เตรียมเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่า 10,850 ล้านบาท
“หลังการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง ยกระดับชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับประเทศ เพิ่มโอกาสการเติบโตในอนาคต และมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในระยะยาวอย่างต่อเนื่องได้” นายกรมเชษฐ์ กล่าวในที่สุด
อนึ่ง ASW มีโครงการในมือทั้งหมด 33 โครงการ มูลค่า 30,420 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแล้วเสร็จ 25 โครงการมูลค่า 19,043 ล้านบาท, โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างและเปิดขาย 8 โครงการ มูลค่า 11,377 ล้านบาท และ 11 โครงการ มูลค่ารวม 21,202 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการในอนาคต ที่จะเปิดขายและพัฒนาในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า
สามารถดูรายละเอียดบริษัทเพิ่มเติมได้ที่
https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=298870
หรือดูรายละเอียดโครงการต่าง ๆ และติดตามข่าวสารของ AssetWise ได้ที่
เว็บไซต์ : www.assetwise.co.th
เฟซบุ๊ก : https://www.facebook.com/AssetWiseThailand
ไลน์ : @assetwise (https://lin.ee/7PPfGRN)
ยูทูบ : www.youtube.com/AssetwiseChannel
อินสตาแกรม : www.instagram.com/assetwisethailand
บริษัทcbd 在 คิดเรื่องอยู่ ThinkofLiving Youtube 的最佳貼文
รีวิวคอนโด Sindhorn Residence
กด Subcribe ช่อง ThinkofLiving ได้ที่นี่ครับ: http://www.youtube.com/subscription_center?add_user=thinkofliving
รายการ คิด.เรื่อง.อยู่ ตอนที่ 274 - สวัสดีครับวันนี้มีโอกาสพาคุณผู้ชมมาดูคอนโดมิเนียมที่อยู่ในทำเลใจกลางเมืองบนถนนหลังสวน นั่นก็คือโครงการ Sindhorn Residence (สินธร เรสซิเดนซ์) จากสยามสินธรครับ โครงการนี้เป็นคอนโดมิเนียม 2 อาคารสูง 35 ชั้น และ 10 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยต้นสนหรือซอยหลังสวน 2 บนที่ดินประมาณ 4 ไร่ ซึ่งที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นั่นทำให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ให้เช่าระยะยาว (leasehold) Sindhorn Residence ถูกออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวที่มากและเป็นหนึ่งในอาคารที่อยู่อาศัยที่ได้รับมาตรฐานอาคารเขียว LEED รายละเอียดของโครงการนี้จะเป็นอย่างไร เราเข้าไปทำความรู้จักกันครับ
- Official Website : http://www.sindhornresidence.com
แบ่งปันความรู้เรื่องบ้านและคอนโดโดย www.thinkofliving.com
- แนะนำติชมรายการ หรือ ติดต่อทีมงานได้ที่: thinkofliving@gmail.com
- ติดต่อโฆษณาได้ที่ ฝ่ายขาย บริษัท คิดเรื่องอยู่ จำกัด โทร 02-618-8877
[คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.274 - รีวิวคอนโด Sindhorn Residence]
บริษัทcbd 在 คิดเรื่องอยู่ ThinkofLiving Youtube 的最佳解答
รีวิวคอนโด Condolette Midst พระราม9
กด Subcribe ช่อง ThinkofLiving ได้ที่นี่ครับ: http://www.youtube.com/subscription_center?add_user=thinkofliving
รายการ คิด.เรื่อง.อยู่ ตอนที่ 164 - วันนี้ Mr.Oe และ Mr.Boom พาไปดูคอนโดย่าน New CBD ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จมาหมาดๆ กับโครงการ Condolette Midst พระราม 9 จากพฤกษาเรียลเอสเตทครับ โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ใกล้กับแยกพระราม 9 หรือที่หลายๆคนเรียกว่าแยกฟอร์จูน ที่ตั้งของโครงการอยู่ตรงข้ามกับ The Grand พระราม 9 ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, คอนโดมิเนียม และยังอยู่ไม่ไกลจาก MRT พระราม 9 ครับ โครงการนี้สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว Mr.Oe และ Mr.Boom จะพาคุณผู้ชมเข้าไปดูของจริงกันครับ
- อ่านรีวิวเจาะลึก : http://wp.me/p1YZB1-1878
- Official Website : http://condolette.pruksa.com
- อ่านบทความ New CBD : http://wp.me/p1YZB1-10Z8
แบ่งปันความรู้เรื่องบ้านและคอนโดโดย www.thinkofliving.com
- แนะนำติชมรายการ หรือ ติดต่อทีมงานได้ที่: thinkofliving@gmail.com
- ติดต่อโฆษณาได้ที่ ฝ่ายขาย บริษัท คิดเรื่องอยู่ จำกัด โทร 092-270-0465
[รายการ คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.164 - รีวิวคอนโด Condolette Midst พระราม9]
บริษัทcbd 在 คิดเรื่องอยู่ ThinkofLiving Youtube 的最佳解答
ดูรายการช่วงที่ 1 Talk Show ตอน ที่อยู่อาศัยย่าน CBD : http://youtu.be/APhuNJzcuqE
รายการ คิด.เรื่อง.อยู่ ตอนที่ 56 (ช่วงที่ 2/2) - รีวิวโครงการ Tree Condo ประสานมิตร คอนโดสูง 33 ชั้น ติดกับมศว.ประสานมิตร โดย Big Tree Asset
ออกอากาศเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2556
ติดตามชมรายการ "คิด.เรื่อง.อยู่" ได้ ทุกวันศุกร์ เวลา 11.00-11.30น. ทางช่อง Money Channel พร้อมดูแบบ Online หรือดูย้อนหลังได้ที่ www.moneychannel.co.th หรือ YouTube.com/ThinkofLiving
ข้อมูลเพิ่มเติมโครงการ Tree Condo ประสานมิตร : www.treecondo.com
- อ่านรีวิวเจาะลึก: http://thinkofliving.com/2013/11/28/tree-condo-prasarnmit-review/
- Official Website: www.treecondo.com
แบ่งปันความรู้เรื่องบ้านและคอนโดโดย www.thinkofliving.com
- แนะนำติชมรายการได้ที่: thinkofliving@gmail.com
- ติดต่อโฆษณาได้ที่ ฝ่ายขาย บริษัท คิดเรื่องอยู่ จำกัด โทร 092-270-2556
[รายการ คิด.เรื่อง.อยู่ Ep. 56 (2/2) - Tree Condo ประสานมิตร]