สรุปเรื่อง จักรวรรดิอังกฤษ เครือจักรภพ ฉบับสมบูรณ์ /โดย ลงทุนแมน
ภาษาอังกฤษก้าวขึ้นมาเป็นภาษาสากลของโลก
ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาที่มีคนใช้เป็นภาษาแม่มากที่สุด
โดยหนึ่งในเบื้องหลังที่สำคัญที่สุด ก็คือ “จักรวรรดิอังกฤษ”
จากประเทศเกาะเล็ก ๆ สุดขอบทวีปยุโรป เติบโตขึ้นจนสามารถครอบครองดินแดน
และสร้างอาณานิคมไว้ทั่วทุกมุมโลก จนได้ฉายาว่า จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
ในยุครุ่งเรืองที่สุด จักรวรรดิอังกฤษครอบครองพื้นที่มหาศาลถึง 1 ใน 4 ของโลก
ซึ่งนับเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ..
แล้วถ้าอำนาจของจักรวรรดิอังกฤษยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้จะใหญ่ขนาดไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่น มาฟังความเป็นมาของจักรวรรดิแห่งนี้กันสักนิด..
ดินแดนอังกฤษตั้งอยู่ในหมู่เกาะที่อยู่ริมสุดด้านตะวันตกของทวีปยุโรป
โดยมีช่องแคบกั้นระหว่างหมู่เกาะแห่งนี้กับผืนแผ่นดินใหญ่
การเป็นเกาะโดดเดี่ยวที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับใคร ถึงแม้จะมีข้อเสียในเรื่องการเดินทางค้าขาย
แต่กลับมีข้อดีอย่างมาก เพราะในระหว่างที่ดินแดนอื่น ๆ ในยุโรปที่มีพรมแดนติดต่อกัน
เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นสงครามนับครั้งไม่ถ้วน
ความเป็นเกาะ ที่เป็นเหมือนป้อมปราการตามธรรมชาติ ทำให้อังกฤษมีความได้เปรียบในการตั้งรับเมื่อมีศึกสงคราม และเมื่อมีความสูญเสียน้อย ก็มีทรัพยากรที่จะพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ “การเดินเรือ”
ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่กลางทะเลเหนือ และมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีลมแรง ทำให้ชาวอังกฤษค่อย ๆ พัฒนาองค์ความรู้ด้านการเดินเรือ ทั้งเพื่อการประมง การติดต่อค้าขายกับประเทศต่าง ๆ และเพื่อการป้องกันประเทศ
สิ่งเหล่านี้กลายมาเป็นรากฐานสำคัญ ที่ทำให้อังกฤษสามารถพัฒนากองเรือรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจทางกองทัพเรือของยุโรป
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 สเปนกับโปรตุเกสได้นำหน้าอังกฤษในเรื่องของการสำรวจดินแดนนอกทวีปยุโรป เป็นช่วงที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือรับจ้างของจักรวรรดิสเปน
ได้เดินทางมาถึงทวีปใหม่ แต่คิดว่าดินแดนตรงนี้คือทวีปเอเชีย
พอเรื่องเป็นแบบนี้จึงทำให้พระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ ได้แต่งตั้ง จอห์น แคบอต
นักสำรวจชาวอิตาลี ให้เดินทางออกสำรวจเส้นทางไปยังเอเชียเช่นเดียวกันกับสเปน
โดยเดินเรือไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก
จอห์น แคบอต ได้เดินทางถึงทวีปใหม่ ซึ่งก็คือแคนาดาในปัจจุบัน
แต่เขาเข้าใจผิดว่าดินแดนแคนาดานี้คือทวีปเอเชียเช่นเดียวกันกับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
แต่พออเมริโก เวสปุชชี นักสำรวจชาวอิตาลี ได้เดินทางตามเส้นทางเดินเรือของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มายังทวีปเอเชียอีกครั้ง เขาก็ได้พบกับความจริงว่า แผ่นดินตรงนี้ไม่ใช่ทวีปเอเชียแต่อย่างใด แต่เป็นดินแดนแห่งใหม่ จึงทำให้เขาตั้งชื่อทวีปนี้ว่า “อเมริกา” ตามชื่อของเขา..
หลังจากนั้น ชาติมหาอำนาจจากตะวันตกต่างก็ยกกองเรือมายังทวีปอเมริกา
และเริ่มที่จะตั้งอาณานิคมของตัวเองในทวีปใหม่แห่งนี้
จักรวรรดิอังกฤษภายใต้การปกครองของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ก็ได้ตั้งอาณานิคมของตน
ในฝั่งตะวันออกของทวีปอเมริกาตอนเหนือ ตั้งแต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17
ด้วยความที่ดินแดนใหม่ในทวีปอเมริกา มีหลายประเทศในยุโรปพยายามจะเข้าไปยึดครอง
จึงทำให้เกิดการสู้รบกันบ่อยครั้งเพื่อที่จะแย่งชิงดินแดนและทรัพยากรธรรมชาติ
แต่เหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด กลับกลายเป็นการสู้รบระหว่างประชาชนในอาณานิคม กับเจ้าอาณานิคมเอง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 18 ระหว่างจักรวรรดิอังกฤษ กับดินแดนในอาณานิคมบริติชอเมริกาที่ต้องการประกาศเอกราช
ผลของสงครามทำให้จักรวรรดิอังกฤษเป็นฝ่ายแพ้ และทำให้บริติชอเมริกาได้รับเอกราชในปี 1776 เกิดเป็นประเทศใหม่ที่ชื่อว่า “สหรัฐอเมริกา”
ถ้าเราคิดว่าจักรวรรดิอังกฤษต้องอ่อนแอลงเพราะสูญเสียดินแดนในอเมริกา เรื่องราวทั้งหมดจะไม่ใช่แบบนั้น
จากการที่ต้องสูญเสียบริติชอเมริกา จุดนี้เองได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการล่าอาณานิคมในดินแดนอื่นของจักรวรรดิอังกฤษอย่างเต็มตัว
ด้วยความที่จักรวรรดิอังกฤษมีกองเรือที่สามารถเดินทางรอบโลกได้แล้ว จึงทำให้พวกเขาออกเดินทางเพื่อล่าอาณานิคมแห่งใหม่เรื่อยมา
ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย, แอฟริกา, อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จนถึงในช่วงปี 1920 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรวรรดิอังกฤษมีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด
มากถึงขนาดที่ในสมัยนั้นจักรวรรดิอังกฤษสามารถครอบครองพื้นที่ได้มากกว่า 30 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งคิดเป็นพื้นที่เกือบ 1 ใน 4 ของพื้นที่ทั่วโลก
มากกว่าพื้นที่ของสหภาพโซเวียตที่เพิ่งก่อตั้งในปี 1917 ที่มีพื้นที่ประมาณ 22 ล้านตารางกิโลเมตร จึงทำให้จักรวรรดิอังกฤษในช่วงนั้นมีพื้นที่ในการปกครองมากที่สุดในโลก..
ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงปี 1920 ดินแดนที่อยู่ภายใต้จักรวรรดิอังกฤษทั้งหมดรวมกันแล้ว
จะมีจำนวนประชากรมากถึง 440 ล้านคน ซึ่งมากกว่าสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น
ที่มีประชากร 110 ล้านคน ถึง 4 เท่า
อังกฤษในฐานะประเทศเจ้าอาณานิคมจะเข้าไปวางรากฐานให้ประเทศอาณานิคมมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการเมือง, การศึกษา, โครงสร้างพื้นฐาน, ศาสนา และเศรษฐกิจ
จึงทำให้ประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษบางส่วนสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาต่อยอด จนพัฒนาเศรษฐกิจของตัวเองจนเจริญก้าวหน้าได้ เช่น ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, แคนาดา หรือสิงคโปร์
เรื่องราวก็ดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่งการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
ที่แต่ละประเทศต่างได้รับความเสียหายมากมายในช่วงสงคราม
ด้วยความที่อังกฤษเป็นคู่ขัดแย้งหลักในมหาสงครามทั้ง 2 ครั้ง
จึงทำให้ประเทศในอาณานิคมต้องมีความเกี่ยวข้องกับสงครามในที่สุด
โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งประเทศในอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษในภูมิภาคเอเชีย ได้ถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นอาณานิคมช่องแคบ, บริติชมาลายา, ฮ่องกง หรือพม่า ส่งผลให้จักรวรรดิอังกฤษเริ่มเสียอำนาจในการปกครองประเทศอาณานิคมดังกล่าว
ถึงแม้ว่าผลสรุปจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 จักรวรรดิอังกฤษจะเป็นผู้ชนะสงคราม
แต่มหาสงครามทั้ง 2 ครั้ง ก็ทำให้จักรวรรดิอังกฤษได้รับความเสียหายมากมายนับไม่ถ้วน
จุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เอง ที่ทำให้ศูนย์กลางของชาติมหาอำนาจได้ถูกเปลี่ยนมือจากจักรวรรดิอังกฤษไปสู่สหรัฐอเมริกา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ได้มีการเคลื่อนไหวของประชาชนในชาติอาณานิคมมากมายทั่วโลกเพื่อที่จะเรียกร้องเอกราชจากประเทศเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, สเปน, โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้จักรวรรดิอังกฤษเริ่มกระบวนการการปลดปล่อยอาณานิคมและได้ก่อตั้ง The Commonwealth of Nations หรือ เครือจักรภพแห่งประชาชาติ โดยไม่ได้บังคับอดีตประเทศในอาณานิคมว่าต้องเข้าเป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติแต่อย่างใด
ประเทศที่เป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติจะไม่มีข้อผูกพันใด ๆ กับสหราชอาณาจักร
โดยจุดมุ่งหมายของการก่อตั้งเครือจักรภพแห่งประชาชาตินี้คือ การให้ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ, หลักประชาธิปไตย, สิทธิมนุษยชน, การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ, ความเท่าเทียมทางเพศ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกเครือจักรภพแห่งประชาชาติอยู่ 54 ประเทศทั่วโลกในทุกทวีป
เช่น มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินเดีย, ปากีสถาน, แอฟริกาใต้ และอีก 49 ประเทศทั่วโลก
และในประเทศสมาชิก 54 ประเทศนี้ มี 16 ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกันกับสหราชอาณาจักร ซึ่งก็คือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์, ปาปัวนิวกินี, จาเมกา และอีก 10 ประเทศ ซึ่งไม่รวมสหราชอาณาจักร
คำถามที่น่าสนใจก็คือ
สมมติถ้าเครือจักรภพแห่งประชาชาติเป็นประเทศเดียวกัน ซึ่งทุกรัฐและทุกดินแดนจะถูกปกครองโดยอังกฤษ ประเทศนี้มันจะใหญ่แค่ไหน ?
คำตอบก็คือ ประเทศ เครือจักรภพแห่งประชาชาติ จะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
โดยจะมีพื้นที่รวมกันกว่า 29 ล้านตารางกิโลเมตร
มากกว่ารัสเซียที่มีพื้นที่ 17 ล้านตารางกิโลเมตร เกือบ 2 เท่า
ขนาดพื้นที่ของเครือจักรภพแห่งประชาชาติน้อยกว่าในช่วงที่เป็นจักรวรรดิอังกฤษ
ก็เพราะว่ามีบางประเทศที่เคยเป็นดินแดนในอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ แต่พอได้เอกราชแล้วก็ไม่ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติ เช่น เมียนมาและอียิปต์
นอกเหนือจากขนาดพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล มีดินแดนตั้งอยู่ในทุกทวีปแล้ว
ประเทศนี้จะมีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม
ด้วยประชากรกว่า 2,400 ล้านคน จะทำให้มีประชากรมากที่สุดในโลก มากกว่าประเทศจีนที่มีประชากร 1,400 ล้านคน และยังมีวัยแรงงานที่พร้อมจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศอย่างมหาศาล
นอกเหนือจากแรงงานแล้ว ประเทศแห่งนี้จะกลายเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรน้ำมันที่มีในแคนาดา ไนจีเรีย และมาเลเซีย
ที่จะทำให้ประเทศนี้มีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากกว่า 200 ล้านบาร์เรล
ซึ่งจะทำให้ประเทศนี้มีน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเวเนซุเอลาและซาอุดีอาระเบีย
แต่ถ้าใครคิดว่าประเทศนี้จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก คำตอบจะไม่เป็นอย่างนั้น
เพราะเครือจักรภพแห่งประชาชาติจะมีขนาด GDP โดยประมาณอยู่ที่ 351 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาที่ 668 ล้านล้านบาท และจีนที่ 447 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่การสมมติเท่านั้น
เนื่องจากยุคล่าอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษได้สิ้นสุดลงแล้ว
ถ้าจะให้ถือว่าเป็นอย่างทางการจริง ๆ
ก็สิ้นสุดนับตั้งแต่อังกฤษได้คืนเกาะฮ่องกงให้แก่จีนในปี 1997
การสิ้นสุดลงของจักรวรรดิอังกฤษ ส่งผลให้ประเทศในอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ มีความเป็นประเทศเท่าเทียมกัน กับเจ้าอาณานิคมอย่างสหราชอาณาจักรทุกประการ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.historic-uk.com/HistoryUK/HistoryofBritain/Timeline-Of-The-British-Empire/
-https://praenapa.wordpress.com
-https://www.worldometers.info/world-population/population-by-country/
-https://www.bbc.com/thai/international-43796090
-https://thecommonwealth.org/about-us/charter
-https://www.eia.gov/international/data/world/petroleum-and-other-liquids/
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過1萬的網紅PYONG : Traveller X Doctor,也在其Youtube影片中提到,BETONG ใต้สุด เท่ที่สุด สวัสดีครับ ผมเปียง PYONG : Traveller X Doctor วันนี้ผมได้รับโจทย์ที่ยิ่งใหญ่และท้าทายมากๆ จาก amazing ไทยเท่ การท่องเที่ยวแห่...
「มาเลเซีย ศาสนา」的推薦目錄:
- 關於มาเลเซีย ศาสนา 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於มาเลเซีย ศาสนา 在 Pyong Traveller X Doctor Facebook 的最佳解答
- 關於มาเลเซีย ศาสนา 在 Pyong Traveller X Doctor Facebook 的精選貼文
- 關於มาเลเซีย ศาสนา 在 PYONG : Traveller X Doctor Youtube 的最讚貼文
- 關於มาเลเซีย ศาสนา 在 ประวัติศาสตร์ : กำเนิดอิสลามในมาเลเซีย by CHERRYMAN - YouTube 的評價
- 關於มาเลเซีย ศาสนา 在 กรมการศาสนา - คณะผู้แทนศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ไทย ... 的評價
มาเลเซีย ศาสนา 在 Pyong Traveller X Doctor Facebook 的最佳解答
BETONG ใต้สุด เท่ที่สุด
สวัสดีครับ ผมเปียง PYONG : Traveller X Doctor วันนี้ผมได้รับโจทย์ที่ยิ่งใหญ่และท้าทายมากๆ จาก amazing ไทยเท่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
‘จงไปโปรโมทเบตง’
ถือเป็นโจทย์หินที่สุดของผมในปีนี้ ผมไม่เคยไปที่นี่ซักครั้ง และไม่ได้คิดที่จะไป ไม่ได้มีรีวิวที่ยอดแชร์เยอะๆ เปรี้ยงๆ ให้เห็นก่อนนี้ ไม่มีเครื่องบินไปถึงทำให้ต้องเดินทางนานหลายชั่วโมง ไหนจะเรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก แล้วทำไมต้องไปเบตง?
หลังจากได้รับโจทย์นี้ทำให้ผมต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อศึกษาว่าที่นี่มันมีอะไร อะไรที่มันน่าสนใจ และเอามารีวิวให้ทุกคนรู้จักกับที่นี่มากขึ้นได้ ยิ่งค้นยิ่งเจอ ชักสนุกเสียแล้วสิ ผมเดินทางไปเบตงเพื่อเก็บภาพความประทับใจต่างๆ มาให้ทุกคนได้ชมกัน วันนี้ผมมีอะไรมาเล่าให้คุณฟังเยอะแยะเลยครับ
เบตงเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดยะลาที่ถือว่าเป็น “ใต้สุดแดนสยาม” ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย กว่า 90% ของพื้นที่เป็นที่สูง แม้สภาพอากาศมีความเป็น bipolar เดี๋ยวแดด เดี๋ยวฝน ตามสไตล์ภาคใต้ แต่เพราะการห้อมล้อมด้วยเทือกสันกาลาคีรี ทำให้ที่นี่ทัศนียภาพเมืองที่มีวิวภูเขา มีหมอกคล้ายภาคเหนือ และด้วยเทือกเขาที่กั้นไว้ ทำให้ที่นี่มีความ isolate แยกออกมาจากบริเวณอื่นๆ โดยรอบ กลายเป็นเมืองสงบในหุบเขาอะไรแบบนั้นแหละครับ
ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นการรวมตัวของเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ไทย/จีน/มาเลเซีย พุทธ/อิสลาม/คริสต์ และยังมีชุมชนของชาวซาไกอยู่ที่นี่ด้วย เบตงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ชาวมาเลเซียแวะเวียน ขับข้ามประเทศมาแบบไม่ขาดสาย เรียกได้ว่า ท้องถนนในเมือง มีป้ายทะเบียนเป็นรถมาเลซัก 1 ใน 3 ก็ว่าได้ ที่นี่จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก เป็นเมืองเล็กๆ แต่คึกคักอยู่ระดับนึง
ในครั้งนี้มาในรูปแบบของอัลบั้มภาพ หวังว่าทุกคนจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแบบเบตงที่มีความเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับผมนะครับ
เริ่มตื่นเต้นไปกับผมหรือยังครับ? พร้อมหรือยังครับสำหรับการเดินทางครั้งนี้? ไปกันดีกว่าครับ
เปียง
#MoreInspired #Amazingไทยเท่
#ภาคใต้ #SouthofThailand
#PYONGDOCTOR
มาเลเซีย ศาสนา 在 Pyong Traveller X Doctor Facebook 的精選貼文
BETONG ใต้สุด เท่ที่สุด
สวัสดีครับ ผมเปียง PYONG : Traveller X Doctor วันนี้ผมได้รับโจทย์ที่ยิ่งใหญ่และท้าทายมากๆ จาก amazing ไทยเท่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
‘จงไปโปรโมทเบตง’
ถือเป็นโจทย์หินที่สุดของผมในปีนี้ ผมไม่เคยไปที่นี่ซักครั้ง และไม่ได้คิดที่จะไป ไม่ได้มีรีวิวที่ยอดแชร์เยอะๆ เปรี้ยงๆ ให้เห็นก่อนนี้ ไม่มีเครื่องบินไปถึงทำให้ต้องเดินทางนานหลายชั่วโมง ไหนจะเรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก แล้วทำไมต้องไปเบตง?
หลังจากได้รับโจทย์นี้ทำให้ผมต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อศึกษาว่าที่นี่มันมีอะไร อะไรที่มันน่าสนใจ และเอามารีวิวให้ทุกคนรู้จักกับที่นี่มากขึ้นได้ ยิ่งค้นยิ่งเจอ ชักสนุกเสียแล้วสิ ผมเดินทางไปเบตงเพื่อเก็บภาพความประทับใจต่างๆ มาให้ทุกคนได้ชมกัน วันนี้ผมมีอะไรมาเล่าให้คุณฟังเยอะแยะเลยครับ
เบตงเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดยะลาที่ถือว่าเป็น “ใต้สุดแดนสยาม” ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย กว่า 90% ของพื้นที่เป็นที่สูง แม้สภาพอากาศมีความเป็น bipolar เดี๋ยวแดด เดี๋ยวฝน ตามสไตล์ภาคใต้ แต่เพราะการห้อมล้อมด้วยเทือกสันกาลาคีรี ทำให้ที่นี่ทัศนียภาพเมืองที่มีวิวภูเขา มีหมอกคล้ายภาคเหนือ และด้วยเทือกเขาที่กั้นไว้ ทำให้ที่นี่มีความ isolate แยกออกมาจากบริเวณอื่นๆ โดยรอบ กลายเป็นเมืองสงบในหุบเขาอะไรแบบนั้นแหละครับ
ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นการรวมตัวของเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ไทย/จีน/มาเลเซีย พุทธ/อิสลาม/คริสต์ และยังมีชุมชนของชาวซาไกอยู่ที่นี่ด้วย เบตงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ชาวมาเลเซียแวะเวียน ขับข้ามประเทศมาแบบไม่ขาดสาย เรียกได้ว่า ท้องถนนในเมือง มีป้ายทะเบียนเป็นรถมาเลซัก 1 ใน 3 ก็ว่าได้ ที่นี่จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก เป็นเมืองเล็กๆ แต่คึกคักอยู่ระดับนึง เริ่มตื่นเต้นไปกับผมหรือยังครับ? หลังจากทราบคร่าวๆแล้ว เราไปเที่ยวเบตงกันดีกว่าครับ
เริ่มต้นที่ที่เที่ยวตามธรรมชาติกันก่อนครับ ‘ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง’ ผมขอยกให้เป็นที่สุด ที่นี่เป็นทะเลหมอก unseen ที่ไม่จะคิดว่ามันอยู่ในภาคใต้ เหนือน้ำทะเลถึง 2000 ฟุต ด้วยทัศนีย์ภาพในเขตภูเขาไมโครเวฟ ทำให้ทะเลหมอกยามเช้าของที่นี่น่าประทับใจมากๆ สวยงามระดับท็อปครับ โดยเฉพาะบนจุดชมวิวด้านบน ‘ยอดเขาฆูนุงซีลีปัต’ ทำให้เราอยู่สึกราวกับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้า หมอกเป็นควันสวยๆ ลอยผ่านหน้าราวกับดู timelapse video ผมประทับใจที่นี่มากๆครับ
ต่อกันด้วยสถานที่ธรรมชาติที่ผม pick up ขึ้นมาอีกที่คือ บาลา-ฮาลา ป่าดงดิบและแหล่งน้ำที่เชื่อมกับเขื่อนบางลาง ที่นี่ถือเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีความสมบูรณ์เชิงระบบนิเวศน์สูงระดับต้นๆ ของประเทศไทย มีการรุกล้ำน้อย และเป็นที่อยู่ของสัตว์หายากหลายชนิด เช่น นกเงือกหัวแรด กระซู่ ฯลฯ รวมถึงพันธุ์ไม้หายาก และเฟิร์นโบราณ ที่นี่จึงถือว่าเป็น ‘แอมะซอนแห่งอาเซียน’ destination ในฝัน ของคนที่รัก trekking เชิงอนุรักษ์เลยล่ะครับ สำหรับผมไม่ได้มาสายนี้ แต่การนั่งเรือชมบรรยากาศ สูดอากาศสะอาด สัมผัสแสงแดดอ่อนๆ และดื่มด่ำกับเกาะแก่งโดยรอบ ก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นไม่น้อยอยู่เหมือนกันนะ
ก่อนเข้าตัวเมืองยังมีอีกแห่งที่จะไม่ไปเยือนไม่ได้ ที่นี่คือ ‘ต้นสมพง’ ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ความใหญ่ของมันระดับ 40 โอบเลยนะครับ อายุหลายร้อยปีซ่อนอยู่ในป่า ลองไปเจอแล้วคุณจะต้องประทับใจ
กลับมาที่ตัวเมืองกันบ้างครับ ตัวเมืองเบตงเป็นเมืองเล็กๆ ผู้คนอัธยาศัยน่ารัก บรรยากาศเป็นตึกพาณิชย์จีนเก่าๆ ที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ renovate โดยการใส่สีสันหลากหลายลงไป มี street art ตามจุดต่างๆ ถือเป็น gimmick ที่น่ารักอีกอย่าง และรูปไก่ที่เห็นกันทั่วๆ เต็มเมืองเลย ก็คือ เจ้าไก่พันธ์เบตง พันธ์ุเฉพาะของที่นี่ เป็นลูกครึ่งไทยจีนไทย เกิดมาจากชาวจีนที่นำไก่มาข้ามมหาสมุทรมานั่นเอง สำหรับศูนย์กลางเมืองเป็นหอนาฬิกาที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมือง ในเวลาประมาณ 1 ทุ่ม จะมีนกนางแอ่นนับหมื่นตัวมาเกาะตามสายไฟต่างๆ เป็นอีกภาพที่น่าประทับใจ ในบริเวณเดียวกันนั้นจะมี ‘ตู้ไปรษณีย์ที่สูงใหญ่ที่สุดในโลก’ ตั้งตระหง่านคู่เมืองเบตงอยู่นานเกือบศตวรรษ และยังมีอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ซึ่งเป็นอุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย บรรยากาศแสนโรแมนติก ประดับด้วยไฟสวยงามในยามค่ำคืน เหมือนท้องมังกรตลอดความยาวอุโมงค์ ที่เบตงเป็นจุดศูนย์รวมของที่เป็นที่สุดหลายอย่างเหลือเกินครับ
ร้าน ‘ต้าเหยิน’ เป็นร้านอาหารจีนชื่อดังของเมืองเบตง เมนู signature คือ ‘ไก่สับเบตง’ ไก่ตุ๋นชื่อดังที่ดังมาไกลถึงกรุงเทพฯเลยที่เดียวครับ ทำมาจากไก่พันธุ์เบตงตามชื่อ กลิ่นซีอิ้วอ่อนๆ สไตล์อาหารจีนกับเนื้อแน่นๆ ของไก่ในเมนูนี้ ต้องเรียนตามตรงว่าเลียนแบบกันไม่ได้จริงๆ เมนูต่อมาคือ ‘เคาหยก’ หมูสามชั้นอบกับเผือก เนื้อนุ่มละลายในปาก เข้ากันอย่างดีกลิ่นหอมของซอสรสหวานๆเค็มๆ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆ จานเด็ด ได้แก่ หมูทอดเต้าหู้ยี้ ลูกชิ้นแคะ หมี่เหลืองผัด ปลาจีนนึ่งบ้วย และ ผัดผักน้ำ ซึ่งล้วนแต่อร่อยถูกปากทั้งนั้น ขอให้ลองไปชิมดูนะครับ หลังจากทานอาหารเสร็จ ยังมีโรตีเจ้าดังอีกเจ้าที่คนต่อแถวยาวมากๆ ชื่อ ‘โรตีหอนาฬิกา’ แป้งทำเอง เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน กรอบนุ่ม อร่อยมากเลยแหละ อันนี้ผมคอนเฟิร์ม
หากพูดถึงของฝากเกรดพรีเมียมต้องนึกถึง ‘ผ้าทอพื้นบ้านปะลางิง’ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าที่ใช้ในการแต่งกายอเนกประสงค์ ซึ่งหายไปจากชุมชนนานเกือบศตวรรษ อ.ปิยะ ผู้ก่อตั้งกลุ่มศรียะลาบาติกได้ฟื้นฟูงานชิ้นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นงานฝีมือที่ขึ้นชื่อของชาวยะลา สร้างงานสร้างอาชีพให้ชุมชน ผ้าพิมพ์เทียนจากบล็อกไม้ ลงสีตามลวดลายที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ ถือเป็นงาน craft ที่น่าสนใจมากๆครับ
เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินสำหรับผมที่นี่ แม้เพียงแค่ไม่กี่วันในเบตง แต่ผมคิดว่าผมได้เรียนรู้หลายๆ สิ่งจากเมืองเล็กๆ แห่งนี้ คิดว่ายังมีอีกหลายอย่างทื่กำลังรอเราออกไปค้นหาที่นั่น ยังเหลืออีกหลายที่ที่ผมไม่ได้ไป ถ้าใครมีโอกาสฝากเที่ยวที่เหลือ และถ่ายรูปมาฝากด้วยนะครับ เบตงมีอะไรน่าสนใจกว่าที่ผมคิด คุณก็เช่นกัน ลองใส่เบตงให้เป็น destination ถัดไปของคุณสิครับ
อย่ารอช้า ไปชมวิดีโอของผมกันดีกว่า คุณจะต้องหลงรักเมืองเล็กๆ แห่งนี้เหมือนผม �...แล้วเราไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ
เปียง
#MoreInspired #Amazingไทยเท่
#ภาคใต้ #SouthofThailand
#PYONGDOCTOR
Many thanks for my team :
Pobmek Junlakarin, Benja Apan, Sirasith Suchartlikitwongse
มาเลเซีย ศาสนา 在 PYONG : Traveller X Doctor Youtube 的最讚貼文
BETONG ใต้สุด เท่ที่สุด
สวัสดีครับ ผมเปียง PYONG : Traveller X Doctor วันนี้ผมได้รับโจทย์ที่ยิ่งใหญ่และท้าทายมากๆ จาก amazing ไทยเท่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
‘จงไปโปรโมทเบตง’
ถือเป็นโจทย์หินที่สุดของผมในปีนี้ ผมไม่เคยไปที่นี่ซักครั้ง และไม่ได้คิดที่จะไป ไม่ได้มีรีวิวที่ยอดแชร์เยอะๆ เปรี้ยงๆ ให้เห็นก่อนนี้ ไม่มีเครื่องบินไปถึงทำให้ต้องเดินทางนานหลายชั่วโมง ไหนจะเรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก แล้วทำไมต้องไปเบตง?
หลังจากได้รับโจทย์นี้ทำให้ผมต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อศึกษาว่าที่นี่มันมีอะไร อะไรที่มันน่าสนใจ และเอามารีวิวให้ทุกคนรู้จักกับที่นี่มากขึ้นได้ ยิ่งค้นยิ่งเจอ ชักสนุกเสียแล้วสิ ผมเดินทางไปเบตงเพื่อเก็บภาพความประทับใจต่างๆ มาให้ทุกคนได้ชมกัน วันนี้ผมมีอะไรมาเล่าให้คุณฟังเยอะแยะเลยครับ
เบตงเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดยะลาที่ถือว่าเป็น “ใต้สุดแดนสยาม” ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย กว่า 90% ของพื้นที่เป็นที่สูง แม้สภาพอากาศมีความเป็น bipolar เดี๋ยวแดด เดี๋ยวฝน ตามสไตล์ภาคใต้ แต่เพราะการห้อมล้อมด้วยเทือกสันกาลาคีรี ทำให้ที่นี่ทัศนียภาพเมืองที่มีวิวภูเขา มีหมอกคล้ายภาคเหนือ และด้วยเทือกเขาที่กั้นไว้ ทำให้ที่นี่มีความ isolate แยกออกมาจากบริเวณอื่นๆ โดยรอบ กลายเป็นเมืองสงบในหุบเขาอะไรแบบนั้นแหละครับ
ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นการรวมตัวของเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ไทย/จีน/มาเลเซีย พุทธ/อิสลาม/คริสต์ และยังมีชุมชนของชาวซาไกอยู่ที่นี่ด้วย เบตงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ชาวมาเลเซียแวะเวียน ขับข้ามประเทศมาแบบไม่ขาดสาย เรียกได้ว่า ท้องถนนในเมือง มีป้ายทะเบียนเป็นรถมาเลซัก 1 ใน 3 ก็ว่าได้ ที่นี่จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก เป็นเมืองเล็กๆ แต่คึกคักอยู่ระดับนึง
ในครั้งนี้มาในรูปแบบของอัลบั้มภาพ หวังว่าทุกคนจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแบบเบตงที่มีความเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับผมนะครับ
เริ่มตื่นเต้นไปกับผมหรือยังครับ? พร้อมหรือยังครับสำหรับการเดินทางครั้งนี้? ไปกันดีกว่าครับ
เปียง
#MoreInspired #Amazingไทยเท่
#ภาคใต้ #SouthofThailand
#PYONGDOCTOR
Full Review
www.facebook.com/pyongdoctor/posts/2021935934536370
Many thanks for my team :
Pobmek Junlakarin, Benja Apan, Sirasith Suchartlikitwongse
มาเลเซีย ศาสนา 在 กรมการศาสนา - คณะผู้แทนศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ไทย ... 的推薦與評價
ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศมาเลเซีย คณะผู้แทนศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ไทย ได้เดินทางถึงวัดวิสุทธิประดิษฐาราม บ้านปลายระไม อำเภอเปิ้นดัง รัฐเคดาห์ ... ... <看更多>
มาเลเซีย ศาสนา 在 ประวัติศาสตร์ : กำเนิดอิสลามในมาเลเซีย by CHERRYMAN - YouTube 的推薦與評價
ศาสนา อิสลามเป็น ศาสนา ประจำชาติ มาเลเซีย เข้าสู่ดินแดนแถบนี้ราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยพ่อค้าชาวมุสลิมจากอินเดีย เปอร์เซีย และ อาระเบียตอนใต้ ... ... <看更多>