เศรษฐีรวยสุดในเอเชีย มีน้องชาย เป็นบุคคลล้มละลาย ได้อย่างไร ? /โดย ลงทุนแมน
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Mukesh Ambani เจ้าของ Reliance Industries กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่สุดในอินเดียและเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชีย มีน้องชายชื่อ Anil Ambani
สำหรับน้องชายของมหาเศรษฐีคนนี้ ก็เป็นเจ้าของธุรกิจที่แยกตัวออกมาจาก Reliance Industries ของพี่ชาย มีชื่อบริษัทว่า Reliance ADA Group
ในปี 2008 Mukesh Ambani มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก
ในขณะที่ Anil Ambani ตามมาติด ๆ ด้วยทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท และรวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
โดยในปีนั้น เศรษฐี 4 อันดับแรกของโลก ได้แก่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (อเมริกัน), คาร์ลอส สลิม (เม็กซิโก),
บิลล์ เกตส์ (อเมริกัน) และลักษมี นิวาส มิตตัล (อินเดีย)
หลังจากผ่านไป 13 ปี Mukesh Ambani มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านบาท
กลายมาเป็นมหาเศรษฐีรวยสุดในอินเดียและเอเชีย และรวยเป็นอันดับ 10 ของโลก
แต่ในปี 2019 Ambani คนน้องกลับมีทรัพย์สิน เพียง 5.6 หมื่นล้านบาท
จนล่าสุด มีหลายคนกล่าวว่าความมั่งคั่งตอนนี้ของ Ambani คนน้อง ลดลงจนเกือบเป็นศูนย์
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องชาย ของคนที่รวยสุดในเอเชีย ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในปี 1948 หรือเมื่อ 73 ปีก่อน ชายชาวอินเดียวัย 16 ปี
ที่ชื่อ Dhirubhai Ambani ได้ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดไปทำงานที่ประเทศเยเมน
ผ่านไป 10 ปี Dhirubhai กลับมาที่อินเดียพร้อมกับเงินเก็บ เพื่อมาเริ่มสร้างธุรกิจเอง
Dhirubhai เริ่มจากการนำเข้าเส้นใยสังเคราะห์และส่งออกเครื่องเทศ ก่อนจะเริ่มทำธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จน Dhirubhai ได้ขยายกิจการไปในอุตสาหกรรมอื่น และเปลี่ยนมาใช้ชื่อบริษัทว่า “Reliance Industries” ในปี 1973
Reliance Industries สามารถ IPO ได้ในปี 1977 ซึ่งหุ้นของบริษัทก็มีชาวอินเดียสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดเคยจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่สเตเดียม
ตั้งแต่ที่กิจการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว Dhirubhai ก็เริ่มให้ลูกชายทั้ง 2 คนของเขา เข้ามาช่วยบริหารงานที่บริษัท
Mukesh Ambani ลูกชายคนโต เป็นประธาน
Anil Ambani ลูกชายคนรอง เป็นกรรมการผู้จัดการ
แต่แล้วในปี 2002 Dhirubhai ได้เสียชีวิตลงและได้ทิ้งกิจการ Reliance Industries ไว้กับลูกชายทั้ง 2 คน
Dhirubhai ที่จากโลกนี้ไปไม่ได้ทำพินัยกรรมและข้อตกลงแบ่งกิจการให้กับลูกแต่ละคนไว้ ซึ่งเขาก็คงไม่คิดว่า จะเกิดปัญหาตามมา
โดยปัญหาที่ว่านั้นเริ่มเกิดขึ้นเพราะลูกชายทั้ง 2 คน ที่เริ่มเข้าทำงานและมีบทบาทในบริษัทมาพร้อม ๆ กัน
กลับตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นเจ้าของและใครจะดูแลและรับผิดชอบบริษัทไหนบ้าง
สุดท้ายแล้ว ในช่วงปี 2004 ถึง 2005 ผู้เป็นแม่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
โดยการจ้างบุคคลที่ 3 ให้เข้ามาจัดการเรื่องการแยกบริษัทออกจากกันไปเลย
Mukesh Ambani คนพี่ได้ธุรกิจหลักคือปิโตรเลียม ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการขยายกิจการในส่วนนี้มาตั้งแต่แรก และยังได้ธุรกิจอื่น ๆ อย่างเช่นปิโตรเคมี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจยุคเก่า โดยกลุ่มบริษัทของ Mukesh ใช้ชื่อว่า Reliance Industries
Anil Ambani คนน้องได้ธุรกิจหลักคือ Reliance Communications ธุรกิจโทรคมนาคมที่เพิ่งเริ่มกิจการได้ไม่นาน แต่ก็กลายเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอินเดีย ซึ่งแม้ว่า Mukesh จะมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่ต้น แต่ Anil ก็อยากได้ธุรกิจนี้เช่นกัน
นอกจากธุรกิจเทเลคอมแล้ว กิจการอื่นที่ Anil Ambani ได้รับไปดูแลอีกก็อย่างเช่น ธุรกิจพลังงาน และบริการทางการเงิน ซึ่งส่วนมากจะเป็นธุรกิจยุคใหม่ โดยกลุ่มธุรกิจของ Anil Ambani ใช้ชื่อว่า “Reliance ADA Group”
หลังจากจบเรื่องการแบ่งธุรกิจแล้ว แต่ละคนก็เริ่มต่อยอดธุรกิจตามเส้นทางของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น
Mukesh Ambani เริ่มทำธุรกิจค้าปลีกในปี 2006 จน Reliance Retail กลายมาเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่สุดในอินเดีย
ในขณะที่ Anil Ambani ก็ได้ต่อยอดทำธุรกิจบันเทิง อย่างเช่นในปี 2005 ได้ซื้อบริษัท Adlabs Films ที่เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ซึ่งกลายมาเป็นโรงภาพยนตร์ที่มีสาขามากสุดในอินเดียในอีก 3 ปีถัดมา
ในปี 2008 Reliance Entertainment ของ Anil Ambani ก็ได้เซ็นสัญญากับบริษัทผลิตภาพยนตร์ DreamWorks ของผู้กำกับ Steven Spielberg ซึ่งได้ร่วมผลิตภาพยนตร์ที่ได้รางวัลมากมาย อย่างเช่น The Help และ Lincoln
และปีเดียวกันนี้ Anil Ambani ก็ได้นำบริษัทพลังงานอย่าง Reliance Power จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าการระดมทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น
ผ่านไป 6 ปีหลังจากการเสียชีวิตของ Dhirubhai
ดูเหมือนว่าลูกชายของเขาทั้งคู่ก็ต่อยอดกิจการไปได้อย่างสวยงาม
จนทำให้ในปี 2008 Mukesh มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก และ Anil มีทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
แต่หลังจากนั้น เส้นทางความมั่งคั่งของพี่น้องคู่นี้ กลับเริ่มมีทิศทางที่สวนทางกัน
คนพี่รวยขึ้น ส่วนคนน้องความมั่งคั่งหายไปเกือบหมด
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?
เรื่องทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากเงินที่บริษัท Reliance Power ของ Anil Ambani ได้มาจากการ IPO มีแผนจะใช้สร้างโรงไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่จะผลิตจากก๊าซ
โดยก๊าซที่ Reliance Power ใช้ ก็มาจากบริษัทก๊าซธรรมชาติในเครือ Reliance Industries ของ Mukesh นั่นเอง
ซึ่งในตอนที่แยกบริษัทกัน สองพี่น้องก็ได้เซ็นสัญญาว่าบริษัทก๊าซของ Mukesh Ambani จะขายก๊าซให้โรงไฟฟ้าของน้องชายที่ราคาหนึ่ง
แต่ในวันที่โรงไฟฟ้าสร้างใกล้จะเสร็จและถึงเวลาที่พี่ชายจะขายก๊าซให้กับน้อง ราคาก๊าซในตลาดโลกกลับเพิ่มสูงขึ้นไปเกือบเท่าตัว
Anil Ambani จึงต้องการซื้อก๊าซในราคาที่ตกลงกัน เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น
แต่ทาง Mukesh Ambani ไม่สามารถขายก๊าซตามราคาที่ตกลงกันไว้ได้เพราะบริษัทของเขาจะขาดทุน
แต่แทนที่จะเจรจาตกลงกัน Anil Ambani กลับเลือกที่จะยื่นฟ้องบริษัทพี่ชายในปี 2010 เพื่อให้ซื้อก๊าซได้ในราคาเดิมที่เคยตกลงกัน
แต่ศาลก็ได้มีคำสั่งให้ Anil Ambani ซื้อก๊าซในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดโลก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายราคาก๊าซของประเทศ
สุดท้ายแล้ว Anil Ambani ที่ต้องแบกรับต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จึงไม่สามารถจัดหาก๊าซเพื่อไปใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าที่สร้างรอไว้แล้วได้
Reliance Power จึงกลายเป็นบริษัทที่มีหนี้มหาศาล จนต้องขายทรัพย์สินและกิจการบางส่วนออกไป เพื่อเอามาใช้หนี้ ซึ่งรวมถึงกิจการโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ที่ซื้อมาเมื่อปี 2008 ด้วย
แต่ความผิดพลาดทางธุรกิจของ Anil Ambani ยังไม่ได้จบลงแค่นี้ เพราะเรื่องราวที่ร้ายแรงกว่านั้น เกิดขึ้นกับธุรกิจโทรคมนาคมอย่าง Reliance Communications (RCom)
ในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่ RCom เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ RCom เลือกใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่เรียกว่า CDMA ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่างเช่น Airtel เลือกใช้เทคโนโลยีที่ชื่อ GSM
แม้เทคโนโลยีทั้ง 2 แบบจะใช้ได้ดีกับ 2G และ 3G เหมือนกัน แต่ปัญหาก็คือ CDMA ที่ RCom เลือกใช้ ไม่สามารถรองรับ 4G และ 5G ได้แบบ GSM ที่เหล่าคู่แข่งเลือกใช้
นั่นจึงทำให้ช่วงเวลาที่ทั่วโลกเปลี่ยนผ่านจาก 3G มาเป็น 4G อย่างรวดเร็ว RCom เลยตามคนอื่นไม่ทัน จน RCom กลายเป็นบริษัทที่เริ่มมีหนี้มากขึ้น
และจุดพลิกผันครั้งใหญ่ของ RCom รวมไปถึงทั้งอุตสาหกรรมเทเลคอมของอินเดีย ก็เกิดขึ้นในปี 2016
เมื่อ Mukesh Ambani ได้ก่อตั้งบริษัทย่อยของ Reliance Industries ในชื่อ “Jio” ซึ่งเป็นบริษัท
ที่เน้นบริการด้านเทคโนโลยี รวมถึงการให้บริการโทรคมนาคมแบบเดียวกับ RCom ด้วย
ด้วยชื่อเสียงของ Reliance Industries ก็ทำให้ Jio มีจำนวนผู้ใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กำไรของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอย่าง Airtel ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้อีก 2 บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดรองลงมาอย่าง Vodafone และ Idea ต้องควบรวมกิจการกัน
ในเวลาต่อมาบริษัท Jio ของ Mukesh Ambani ก็กลายมาเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่สุดในอินเดีย ส่วน RCom ของ Anil ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ก็หายไปจากการแข่งขันในตลาดเทเลคอม จนทำให้บริษัทขาดทุนและกลายเป็นหนี้มหาศาล
RCom ต้องยอมขายสินทรัพย์ของกิจการบางส่วนให้กับ Jio เพื่อลดหนี้
แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ของ RCom ดีขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 RCom ได้ทำข้อตกลงกับ Ericsson โดยจ้างให้ Ericsson มาเป็นผู้บริหารเครือข่ายในบริเวณทางเหนือและตะวันตกของอินเดีย แต่ผลจากการขาดทุนต่อเนื่องก็ทำให้ RCom ไม่มีเงินจ่ายให้ Ericsson ตั้งแต่ปี 2016
RCom ติดหนี้ Ericsson 2.46 พันล้านบาท ซึ่ง RCom ก็ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามกำหนด และขอเลื่อนเวลาการจ่ายหนี้ออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว RCom จ่ายหนี้ได้เพียง 528 ล้านบาท นำไปสู่การถูกฟ้องร้องในเวลาต่อมา
ศาลสูงสุดจึงมีคำตัดสินว่า ถ้าภายใน 1 เดือน RCom ยังจ่ายหนี้ให้ Ericsson ไม่ได้ Anil จะต้องถูกจำคุก 3 เดือน
สุดท้ายแล้วพี่ชายของ Anil Ambani อย่าง Mukesh ก็เข้ามาช่วย
โดยการจ่ายหนี้ที่เหลือ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทให้
ในขณะที่ บริษัท RCom ก็ต้องยื่นล้มละลาย
แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น เพราะ RCom ยังมีหนี้ก้อนใหญ่อีกก้อน ที่กู้ยืมมาจาก 3 ธนาคารขนาดใหญ่ของจีน ทั้ง ICBC, China Development Bank และ EXIM Bank of China เป็นมูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท
ทั้ง 3 ธนาคารจึงยื่นฟ้อง RCom และ Anil Ambani..
ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่ง Anil ได้พูดระหว่างพิจารณาคดีออนไลน์กับศาลของประเทศอังกฤษว่า เขาไม่มีเงินใช้หนี้ เพราะความมั่งคั่งของเขาตอนนี้ใกล้จะเป็นศูนย์แล้ว.. ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเขาจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้
จากความขัดแย้งเพื่อแย่งกิจการกันเองในครอบครัว บวกกับการบริหารธุรกิจที่ผิดพลาด การทุ่มเงินลงทุนขนาดใหญ่แต่ได้ผลลัพธ์แย่กว่าที่คาด ทำให้บริษัทก่อหนี้ก้อนโต
ทั้งหมดนี้ก็ได้ส่งผลไปยังทรัพย์สินของผู้ที่เคยรวยติดอันดับ 6 ของโลกอย่าง Anil Ambani ได้หายไปเกือบหมด ในขณะที่พี่ชายที่เติบโตมาพร้อมกัน กลับเดินสวนทางกัน เพราะประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย นั่นเอง
ถ้าใครเชื่อว่าชีวิตของเราถูกกำหนดมาแล้วตั้งแต่เกิด
เกิดมาในครอบครัวที่รวย ก็ย่อมมีแรงส่งให้พวกเขารวยขึ้น
ซึ่งมันก็เป็นจริงในหลายกรณี
แต่ในบางกรณี มันก็อาจเป็นตรงกันข้าม
ซึ่งอย่างน้อย มันก็เกิดขึ้นแล้วกับ Anil Ambani น้องชายของ มหาเศรษฐี ที่รวยสุดในเอเชีย นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.in/thelife/personalities/news/anil-ambanis-journey-from-42-billion-net-worth-to-claiming-poverty/articleshow/74028627.cms
-https://www.scmp.com/magazines/style/celebrity/article/3093874/mukesh-vs-anil-why-did-one-ambani-brother-go-bankrupt
-https://economictimes.indiatimes.com/industry/telecom/telecom-news/from-glory-to-dust-an-ambani-brands-journey-to-bankruptcy/articleshow/67837769.cms?from=mdr
-https://www.businesstoday.in/latest/economy-politics/story/anil-ambani-road-to-bankruptcy-how-the-brother-of-indias-richest-man-lost-his-way-271119-2020-08-25
-https://www.moneycontrol.com/news/business/a-timeline-of-reliance-communications-versus-ericsson-case-3661261.html
-https://youtu.be/dBH0E20kc30
-https://www.forbes.com/forbes/2008/0324/080.html?sh=3e185f910f2e
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Industries
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Group
同時也有14部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Youtube影片中提到,รู้หรือไม่ว่ามูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ทั้งหมด ณ ขณะนี้อยู่ที่ 70 ล้านล้านบาท หรือใหญ่เป็น 3 เท่าของมูลค่าบริษัททั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ...
「ลงทุนแมน เจ้าของ」的推薦目錄:
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Youtube 的精選貼文
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Youtube 的精選貼文
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Youtube 的最讚貼文
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน 的評價
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน 的評價
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน - ลงทุนแมน คือ ใคร? / โดย เพจลงทุน ... 的評價
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน - เจ้าของบทประพันธ์อมตะ... 的評價
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 [ลงทุนแมน] ใครคือผู้ก่อตั้ง YouTube / โดย ลงทุนแมน หนึ่งใน ... 的評價
- 關於ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ทีน่า พิธีกร ลงทุนแมน ประวัติ的推薦,YOUTUBE和 網路上有這些 ... 的評價
ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
เจ้าของ Kerry เปลี่ยนมือไปเป็น บริษัทขนส่งจีน /โดย ลงทุนแมน
เมื่อวานนี้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัท ฟลอริช ฮาร์โมนี โฮลดิ้งส์ คอมพานี ลิมิเต็ด ได้มา Chain Principle หุ้นของ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) คิดเป็น 52.14%
โดยคาดว่า บริษัท ฟลอริช ฮาร์โมนี นี้เป็นบริษัทย่อยของ SF Holding ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วน จากประเทศจีน ที่ได้ประกาศซื้อหุ้น Kerry Logistics Network จากฮ่องกง ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ซึ่งดีลนี้ทำให้ SF Holding เข้าควบคุมกิจการ Kerry ได้
และทำให้ SF ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Kerry
แล้วเรื่องนี้ มีรายละเอียดเป็นอย่างไร ?
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จัก SF Holding และ Kerry Logistics Network กันคร่าว ๆ ก่อน
SF Holding เป็นบริษัทขนส่งรายใหญ่จากจีน ที่เน้นการส่งพัสดุด่วน (Courier)
ภายใต้ชื่อแบรนด์ SF Express โดยจะเน้นขนส่งสินค้า ที่ผู้คนซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Alibaba และ JD.com เป็นหลัก
นอกจากนี้ SF ยังได้เข้าซื้อกิจการ DHL ในจีน เมื่อปี 2019 ด้วยมูลค่ากว่า 27,800 ล้านบาท
โดยมูลค่าบริษัทของ SF Holding ในจีน มีมูลค่าราว 1,344,000 ล้านบาท
คงพอจินตนาการกันออกแล้วว่า SF Holding นั้น ใหญ่แค่ไหน เพราะใหญ่กว่า ปตท. บริษัทที่มีมูลค่ามากสุดในประเทศไทยเสียอีก
ทีนี้ มาดูกันที่ฝั่ง Kerry Logistics Network (KLN)
ซึ่งเดิมทีเป็นบริษัทลูก ภายใต้ The Kuok Group บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติมาเลเซีย ที่มีกิจการหลากหลายประเภทในเครือ เช่น ธุรกิจด้านการเกษตร, อสังหาริมทรัพย์, โรงแรม และธุรกิจโลจิสติกส์
และอย่างที่รู้กันดี Kerry เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจขนส่งสัญชาติฮ่องกง ซึ่งบริษัทมีทั้งการขนส่งภายในประเทศ, ธุรกิจขนส่งข้ามประเทศ, ขนส่งสินค้าทางอากาศ รวมไปถึงบริการให้เช่าคลังสินค้า และวางรูปแบบ Supply Chain ครบวงจรให้กับองค์กร
และ Kerry ได้เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้แบรนด์ Kerry Express และบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX
โดย Kerry Logistics Network จากฮ่องกง มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 195,700 ล้านบาท
ส่วน Kerry ประเทศไทย (KEX) มีมูลค่าบริษัท 70,900 ล้านบาท
สำหรับดีลล่าสุด ที่ SF Holding จากจีน ประกาศซื้อหุ้น Kerry Logistics Network ฮ่องกง ในสัดส่วน 51.8%
การที่ SF เข้าถือหุ้นมากขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนมือ ในด้านการบริหารจัดการ และการดำเนินธุรกิจ
และทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า การได้มา Chain Principle ซึ่งหมายถึง การที่บริษัทแม่เปลี่ยนเจ้าของ ส่งผลให้บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทลูกต้องเปลี่ยนเจ้าของตามไปด้วย
ซึ่งก็น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่า การดำเนินธุรกิจของ Kerry Express ในประเทศไทย จะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อบริษัทแม่เปลี่ยนมือ และไปอยู่ภายใต้การบริหารของ SF Holding บริษัทสัญชาติจีนแล้ว..
References
-https://th.kerryexpress.com/en/about
-https://tuemaster.com/blog/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-kerry-express/
-https://www.longtunman.com/15451
-https://www.settrade.com/simsImg/news/histri/202109/21099110.pdf
-https://finance.yahoo.com/quote/002352.SZ/
-https://finance.yahoo.com/quote/0636.HK/
ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
รู้จัก ผู้ทรงอิทธิพล ในวงการคริปโทเคอร์เรนซี ที่อายุเพียง 29 ปี /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่อายุยังน้อย หลายคนก็น่าจะนึกถึงมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ที่เริ่มธุรกิจตั้งแต่ยังไม่จบมหาวิทยาลัย หรือ อีวาน สปีเกล เจ้าของ Snapchat ที่ปัจจุบันเพิ่งมีอายุได้ 31 ปี
หรือในวงการคริปโทเคอร์เรนซี ที่สามารถสร้างมหาเศรษฐีได้อย่างรวดเร็ว
เราก็น่าจะคุ้นเคยกับชื่อของวิตาลิก บูเทอริน ผู้สร้างเครือข่าย Ethereum
ที่ปัจจุบัน ยังคงมีอายุเพียง 27 ปี เท่านั้น
แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีเศรษฐีอายุน้อยอีกคนหนึ่ง ที่คนไทยหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นหู
เขาคนนี้ ชื่อว่า “แซม แบงก์แมน-ฟรายด์” เป็นนักธุรกิจหนุ่ม วัย 29 ปี
ซึ่งเขาคนนี้ถูกประเมินว่ามีทรัพย์สินเกือบ 3 แสนล้านบาท
แล้วแซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ทำธุรกิจอะไร
ให้ตัวเองมีทรัพย์สินแสนล้านก่อนอายุ 30 ปี ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ หนุ่มมาดเซอร์ผู้มาพร้อมกับทรงผมแอโฟร
เขาเกิดและเติบโตที่สแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ. 1992
โดยทั้งคุณพ่อและคุณแม่เป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้อินในสาขาวิชาที่พ่อและแม่สอน แต่ชอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มากกว่า นั่นจึงทำให้ในช่วงระดับชั้นมหาวิทยาลัย แซมตัดสินใจเข้าเรียนที่ Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT ในสาขาวิชาฟิสิกส์
ระหว่างนั้น แซมได้มีโอกาสฝึกงานเป็นนักพัฒนาโมเดลทางคณิตศาสตร์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า “Quantitative Trading”
การฝึกงานนี้เอง ที่ได้จุดประกายให้เขาตัดสินใจว่าจะเอาดีในด้านนี้
ทำให้หลังจากจบการศึกษาที่ MIT แซมก็ได้เข้าทำงานที่ Jane Street Capital ทันที
Jane Street Capital เป็นบริษัททำธุรกิจ Quantitative Trading โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ บริษัทก็ยังมีอีกธุรกิจ นั่นก็คือ “Liquidity Provider” หรือผู้ให้บริการเสริมสภาพคล่องของหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ เพื่อควบคุม Bid Offer หรือราคาซื้อขายสินทรัพย์ให้มีเสถียรภาพ
แซมได้ทำงานสะสมประสบการณ์อยู่ที่บริษัทแห่งนี้ร่วม 3 ปี จนในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจลาออก เพราะได้ไอเดียแล้วว่าจะนำประสบการณ์จากที่นี่ ไปสร้างธุรกิจของตัวเอง
ทีนี้เรามาดูกันว่าระหว่างทำงาน เขาได้ไอเดียอะไร ?
ในช่วงนั้น หรือในปี 2017 แซมเล็งเห็นว่าผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับคริปโทเคอร์เรนซี แต่โครงสร้างพื้นฐานหรือระบบที่จะมารองรับนักลงทุนในตลาดแห่งนี้ เขายังมองว่าไม่มีศักยภาพมากพอ
โดยหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เขามองเห็นก็คือเรื่องของสภาพคล่อง เพราะเมื่อใดก็ตามที่นักลงทุนแห่กันเข้ามาให้ความสนใจในคริปโทเคอร์เรนซีเกินกว่าสภาพคล่องทั้งระบบจะรับไหว
มันจะก่อให้เกิด “Spread” หรือส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อและราคาเสนอขายมหาศาล
ซึ่งส่วนต่างด้านราคานี้เอง ทำให้เขาคาดการณ์ว่าธุรกิจให้บริการเสริมสภาพคล่องรวมถึงโมเดลการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลนี่แหละจะเติบโตไปได้อีกมากในอนาคต
พอคิดได้แบบนี้ เขาจึงได้ก่อตั้งบริษัท Alameda Research ขึ้นทันที ในปี 2017
Alameda Research เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากประสบการณ์การทำงานของแซม
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่าบริษัทดำเนินธุรกิจเหมือนกับสิ่งที่เขาเคยทำแทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโมเดลคณิตศาสตร์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าหรือการให้บริการเสริมสภาพคล่อง
โดยสิ่งที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียว ก็คือ Alameda Research จะโฟกัสไปที่สินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซีโดยเฉพาะ
และสิ่งที่แซมคาดการณ์ไว้ก็เป็นไปตามนั้น เพราะในเวลาต่อมา
คริปโทเคอร์เรนซีได้กลายมาเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจสูงมากในช่วง 4 ปีมานี้
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและให้บริการด้านสภาพคล่องในตลาดแห่งนี้ยังหาได้ยาก
ทำให้ Alameda Research ที่มีความพร้อมทั้งด้านการลงทุนและให้บริการสภาพคล่องจึงเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันบริษัทแห่งนี้ มีสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การจัดการ สูงถึง 3.3 หมื่นล้านบาท
และไม่นานหลังจากเห็นว่า Alameda Research สำเร็จ ด้วยความเป็นนักเทรดอยู่แล้ว แซมก็ได้มองไปที่การก่อตั้งธุรกิจ Exchange ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีเป็นของตัวเอง
ซึ่งเขาก็ได้ก่อตั้งบริษัท “FTX” ร่วมกับ แกรี่ หวัง ซึ่งเข้ามาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีหรือ CTO จนในที่สุดก็ได้เปิดให้บริการ Exchange ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2019
โดยแซม ก็ได้ออกแบบให้ FTX เป็นแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีด้วยคอนเซปต์ที่วางไว้ว่า “Built by Traders, for Traders” หรือเป็นกระดานซื้อขายที่สร้างโดยเทรดเดอร์ เพื่อเทรดเดอร์โดยเฉพาะ
โดย FTX ของแซม จะเป็นการเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ประเภทอนุพันธ์ เป็นหลัก
เนื่องจากตัวเขาเองเป็นคนที่คลุกคลีกับการลงทุนตั้งแต่สมัยฝึกงาน จึงทำให้เขาออกแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเรียกได้ว่าซับซ้อน ลงบนแพลตฟอร์มแห่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น
- Options สิทธิ์ในการซื้อหรือขายคริปโทเคอร์เรนซี
- Leveraged Token โทเคนแบบมีอัตราทด ที่อ้างอิงตามมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล
- Volatility Products อนุพันธ์ที่อิงตามความผันผวนของตลาด
โดยอนุพันธ์เหล่านี้ ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มอำนาจมูลค่าการลงทุนให้แก่ผู้ซื้อขายได้
อย่างตัว Leveraged Token ที่ทำให้เราซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี
ในวงเงินที่มากกว่าเงินตัวเอง เช่น 3X Long Bitcoin Token
คือถ้าเรามีเงิน 10,000 บาท เราสามารถแทงได้ว่าบิตคอยน์จะราคาขึ้น ในวงเงิน 30,000 บาท
แปลว่าถ้ามันเข้าทางเรา เราแทงขึ้นและบิตคอยน์มีราคาเพิ่มขึ้น 1% เราก็จะได้กำไร 3% นั่นเอง
แต่แน่นอนว่าผลตอบแทนที่มาก ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากตามมาด้วย
เพราะหากอนุพันธ์ที่เราลงทุนไม่เป็นแบบที่เราคาดการณ์
เงินของเราก็จะหายไปในพริบตา เช่นกัน
ซึ่งก็เรียกได้ว่า FTX เป็นเจ้าแรก ๆ ที่โฟกัสผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทนี้ จนสามารถสร้างการเติบโตมาได้จนถึงปัจจุบัน และได้ก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายอนุพันธ์คริปโทเคอร์เรนซีอันดับต้น ๆ ของโลก
หากเรามาดูปริมาณการซื้อขายของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีของ FTX จะอยู่ในอันดับที่ 4 มีมูลค่าการซื้อขายราว 4.6 แสนล้านบาทต่อวัน มากกว่า Coinbase กระดานซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่เพิ่งจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ และเป็นรองเพียง Binance, OKEx และ Huobi Global
นอกจากนี้ FTX ก็ยังมีเหรียญเป็นของตัวเอง ชื่อว่า FTX Token หรือ FTT
FTT ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็นเหรียญประจำ Exchange คล้ายกับ Binance Coin บน Binance หรือ Bitkub Coin บน Bitkub ซึ่งผู้ถือครอง FTT ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น
- นำ FTT ไปจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมในการซื้อขายบน Exchange
- นำไปฝากไว้กับระบบเพื่อรับผลตอบแทน
ปัจจุบัน FTX ได้รับการประเมินมูลค่ากิจการอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.9 แสนล้านบาท โดยแซม ที่เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของ มีทรัพย์สินมากถึง 2.8 แสนล้านบาท
ทำให้เขาได้รับการจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 274 ของโลก
แถมยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในวงการคริปโทเคอร์เรนซี
ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ในตอนที่เขามีอายุเพียง 29 ปี เท่านั้น..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.forbes.com/sites/bdoherty/2021/05/16/icon-the-untold-story-of-crypto-billionaire-sam-bankman-fried/?sh=6c66ed6e5dcf
-https://www.janestreet.com/
-https://www.alameda-research.com/
-https://ftx.com/en
-https://www.linkedin.com/in/sam-bankman-fried-8367a346/?originalSubdomain=hk
-https://www.forbes.com/profile/sam-bankman-fried/?sh=6117c4244449
-https://www.nasdaq.com/articles/crypto-exchange-ftx-reaches-%2418-billion-valuation-after-raising-%24900-million-2021-07-21
-https://coinmarketcap.com/rankings/exchanges/derivatives/
-https://help.ftx.com/hc/en-us/articles/360052410392-FTT-Staking
ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Youtube 的精選貼文
รู้หรือไม่ว่ามูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ทั้งหมด ณ ขณะนี้อยู่ที่ 70 ล้านล้านบาท หรือใหญ่เป็น 3 เท่าของมูลค่าบริษัททั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แน่นอนว่าการหวือหวาของราคาสินทรัพย์เหล่านี้ ได้สร้างความสนใจและดึงดูดให้ผู้คนมากมายเข้ามาหาโอกาสกัน
ซึ่งผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด คือคุณ CZ เจ้าของ Binance ตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในโลก แล้ว คุณ CZ คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด”Subscribe”ลงทุนแมนไว้ในทุกช่องทาง
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website -https://www.longtunman.com/
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - http://facebook.com/longtunman
Twitter - http://twitter.com/longtunman
Instagram - http://instagram.com/longtunman
Line - http://page.line.me/longtunman
YouTube -https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - https://open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - http://podcasts.apple.com/th/podcast/...
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล
ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Youtube 的精選貼文
มาซาโยชิ ซน คือผู้ก่อตั้งและ CEO คนปัจจุบันของ SoftBank บริษัทที่เป็นเจ้าของหลากหลายธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น และเจ้าของกองทุน Vision Fund ที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตดีในอนาคต โดยมีบริษัทที่เขาเข้าไปลงทุนและสามารถเติบโตเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วหลายราย เช่น Alibaba, Uber และรายล่าสุดกำลังจะเป็น Grab
มาซาโยชิ มีวิธีพรีเซนต์อย่างไรที่สามาถสะกดคนฟังได้ วันนี้ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง LTM47
ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน Youtube 的最讚貼文
สรุปเหตุการณ์ เจ้าของ Exchange คริปโทตุรกี หอบเงินหมื่นล้าน หนีออกนอกประเทศ โดยความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ถูกคาดการณ์ไว้ที่ 6.3 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
เรื่องราวทั้งหมดของ Thodex เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด”Subscribe”ลงทุนแมนไว้ในทุกช่องทาง
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website -https://www.longtunman.com/
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - http://facebook.com/longtunman
Twitter - http://twitter.com/longtunman
Instagram - http://instagram.com/longtunman
Line - http://page.line.me/longtunman
YouTube -https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - https://open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - http://podcasts.apple.com/th/podcast/...
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล
ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน 的推薦與評價
Tanachira เจ้าของร้าน Pandora และ Marimekko ในไทย กำลังจะ IPO. ลงทุนแมน. 21K views. 4 weeks ago ... ... <看更多>
ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน - ลงทุนแมน คือ ใคร? / โดย เพจลงทุน ... 的推薦與評價
ลงทุนแมน : กลยุทธ์การลงทุนมุ่งเน้นทำความเข้าใจธุรกิจ ภาพลงทุนแมน คือสายให้ความรู้ โดยเรียบเรียงใหม่ให้อ่านง่ายย่อยง่าย และ ... ... <看更多>
ลงทุนแมน เจ้าของ 在 ลงทุนแมน 的推薦與評價
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ ... Tanachira เจ้าของร้าน Pandora และ Marimekko ในไทย กำลังจะ IPO · ลงทุนแมน. ลงทุน ... ... <看更多>