關於 หนังโปรดxซีรีส์appletv ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

See (สามารถดูได้ใน Apple TV+)

• ของโคตรดี รู้สึกผิดที่มองข้ามไปเพราะตอนออกฉายมีแต่คนชมแค่ว่าภาพสวย ทั้งที่ความจริงนี่มันซีรีส์มหากาพย์ที่โปรดักชั่นโคตรดีและคอนเซ็ปต์โคตรสร้างสรรค์ ที่สำคัญแอ็คชั่นดุจัด!!
• เซ็ตติ้งของซีรีส์เป็นโลกยุคหลังไวรัสระบาด จนเหลือมนุษย์โลกแค่ประมาณ 2 ล้านคน และทุกคนสูญเสียการมองเห็น คนที่เหลือรอดออกมาอยู่เป็นเผ่าดำเนินชีวิตกระจายกันออกไป กระทั่งหญิงสาวคนหนึ่งให้กำเนิดเด็กแฝดที่มีความสามารถในการมองเห็น ซึ่งในโลกที่ทุกคนมองไม่เห็น การมองเห็นจึงถูกตีตราเป็นแม่มด ต้องถูกไล่ล่าในฐานะพวกนอกรีต
• พอเซ็ตติ้งมันเป็นโลกที่ทุกคนมองไม่เห็น แต่ดันเป็นซีรีส์แอ็คชั่น ต้องบอกเลยว่าฉากแอ็คชั่น ทั้งการรบและการสู้ด้วยอาวุธระยะประชิดของคนสูญเสียการมองเห็น ทำออกมาโคตรสร้างสรรค์ ถ่ายฉากบู๊ให้ดูยาว ๆ ไม่มีตัดต่อไปมาให้หงุดหงิด ใครไม่เชื่อจะลองเสิชหาดูในยูทูปก่อนก็ได้
• ฉากแอ็คชั่นใน See ดิบ เถื่อน โหดสัด ติดอันดับต้น ๆ เท่าที่ดูแนวนี้มาละ โดยเฉพาะตอนหมุนขวานรอบคอกับให้คาบขวานเล่มใหญ่เนี่ย (oversized hatchet)
• ส่วนตัวยกให้ฉากบาบาวอสบุกช่วยลูกชายจากพ่อค้าทาสใน EP.3 คือ the best ฉากแอ็คชั่นของซีซั่นแรก
• รองมายกให้ฉากล่องแพ คือลุ้นจนต้องกลั้นหายใจเงียบตามเลย ส่วนฉากรบตอนเปิดซีซั่นก็เป็นการเปิดตัวที่ทำให้ตัดสินใจดูต่อไม่ยาก
• เนื้อเรื่องเข้มข้นเอาเรื่อง ด้านหนึ่งเป็นราชินีผู้ชั่วร้าย โดนคนจ้องจะโค่นล้มอยู่ตลอดแต่มีเล่ห์เหลี่ยมหาทางรักษาบัลลังก์ได้ตลอด อีกด้านก็เล่าตัวเอกคือบาบาวอสในแบบหนังผจญภัย ต้องหนีจากการถูกตามล่าและเผชิญหน้ากับเผ่าอื่น ๆ
• งานกำกับภาพและโลเคชั่นสวยสมคำร่ำลือ ชวนให้คิดถึง The Revenant จริง ๆ
• นึกภาพคนอื่นมาเล่นแทน เจสัน โมมัว ไม่ออกเลย คือต้องหุ่นร่างยักษ์ขนาดนี้ เล่นบู๊ต้องเท่ เถื่อน แต่พอเข้าโหมดดราม่าต้องทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยนในฐานะผู้นำและคนเป็นพ่อ
• ซีซั่น 2 มาสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ไม่พลาดแน่นอน มวยคู่ระหว่าง เจสัน โมมัว vs. เดฟ บาติสตา เนี่ย ไซส์ชนกันได้เลย

-------------------------------------

ในบรรดาซีรีส์ Apple TV+ ที่ปล่อยมาล็อตแรกพร้อมกัน 3 เรื่อง เราดันมองข้าม See ไปเฉยเลย (มี The Morning Show และ For All Mankind ที่ปล่อยมาพร้อมกัน) ที่มาตามดูล่าสุดนี่ก็เพราะอยากเก็บซีรีส์ฝั่ง Apple TV+ บ้าง เซอร์ไพรส์เหมือนกันว่าของโคตรดีจนต้องมาเชียร์ ซีรีส์ไม่ได้มีดีแค่ภาพสวย แต่ความเป็นมหากาพย์แบบหนังสงครามโบราณ ใช้เหล็ก ใช้ธนูเป็นอาวุธ มันช่างเข้ากันได้ดีกับการสร้างโลกที่ทุกคนสูญเสียการมองเห็น ต้องใช้ทักษะการฟังและการสัมผัส มาผสมความคล่องแคล่งดุดันเพื่อจะเป็นเทพด้านการต่อสู้ แล้วซีรีส์ยังมีตัวละครแบบมนุษย์เงาที่เคลื่อนไหวไร้เสียง ทักษะเหมาะกับการเป็นสายลับแอบฟังข้อมูลชั้นยอด
.
เนื้อเรื่องยังเข้มข้นทั้งความเป็นศึกชิงบัลลังก์และการผจญภัยบนเซ็ตติ้งโลกของคนสูญเสียการมองเห็น เห็นการปูพื้นในซีซั่นแรกแล้วมั่นใจว่าซีซั่นต่อไปจะเข้มข้นขึ้นไปอีก ในซีซั่นแรก 'ราชินี เคน' (Sylvia Hoeks) ได้ปล่อยของโชว์เล่ห์เหลี่ยมในการรักษาบัลลังก์ทั้งที่โดนจ้องโจมตีตลอดทั้งเรื่อง ทักษะในการแต่งเรื่องโกหกให้คนนอกฟังนี่เป็นมารร้ายที่ทำเราเกลียดได้หมดใจ ทั้งซีซั่นนางออกคำสั่งให้ 'ทามัคที จุน' (Christian Camargo) ทหารนักล่าแม่มดออกไปโชว์ความโหดเหี้ยมไร้ปรานี ตอนนี้อยากลุ้นบทของ 'มักห์รา' (Hera Hilmar) น้องสาวราชินีว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นคู่ปรับสมน้ำสมเนื้อได้หรือไม่
.
ส่วนเส้นเรื่องของ 'บาบา วอส' (Jason Momoa) ในฐานะผู้นำเผ่าที่ต้องปกป้องครอบครัวก็พาคนดูไปแอ็คชั่นและผจญภัยสุดลุ้นระทึก มีฉากบู๊เดือดดิบเถื่อนให้เจสัน โมมัว ได้ปล่อยของตลอด พร้อมกับการค่อย ๆ สำรวจโลกที่ราชินีเคนได้แพร่กระจายความหวาดกลัวคนมองเห็นให้เป็นแม่มดที่ต้องถูกจับมาเผาทั้งเป็น แล้วซีรีส์ยังให้เราเฝ้าติดตามการเติบโตของ 'ฮานิวา' (Nesta Cooper) และ 'โคฟุน' (Archie Madekwe) ที่แม้จะเป็นฝาแฝดกัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน ถูกเลี้ยงดูจากพ่อแม่เดียวกัน แต่การมองโลกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งเชื่อในทักษะการมองเห็นให้เป็นประโยชน์ต่อการสร้างรกรากเผ่าตัวเองให้แข็งแกร่ง ใช้ความรู้สร้างอาวุธ เชื่อว่าการมองเห็นคือพรสวรรค์ให้ตัวเองเหนือกว่า ส่วนอีกคนดูจะมองโลกแบบถ่อมตนและใจเย็นกว่า
.
ไฮไลท์เด็ดคือแอ็คชั่น ความดีงามคือการโชว์ทักษะการได้ยินในการสังเกตระยะและทิศทางของคู่ต่อสู้ เพื่อจะเอามาออกแบบเป็นฉากต่อสู้ระยะประชิดที่โหดสัดดิบเถื่อนถึงใจ ฉากช่วยลูกชายจากพ่อค้าทาสเป็นการโชว์ที่ดีที่สุดของซีซั่นแล้ว แล้วทักษะการฟังไม่ถึงขั้นหูดีเว่อร์เหมือนขนาดตอนดู Daredevil อาจจะเพราะตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องก็มองไม่เห็นเหมือนกันหมดเลยยิ่งทำให้ฉากต่อสู้ดูน่าเชื่อกว่า แล้วรายละเอียดงานสร้างออกแบบฉากเก็บงานเนี้ยบ เห็นแล้วยิ่งเชื่อว่าเป็นเซ็ตติ้งโลกของคนมองไม่เห็น
.
เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ดูรวดเดียวจบได้เลย
เชท-เชท !!!

Creator: Steven Knight (ผู้สร้าง Peaky Blinders, เขียนบท Eastern Promises)

8 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 55 นาที)
A

#หนังโปรดxซีรีส์AppleTV+

Calls (สามารถดูได้ใน Apple TV+)

ใครโหยหาประสบการณ์แบบละครวิทยุต้องจัดซีรีส์เรื่องนี้โดยด่วน ปกติเราจะเชียร์ให้ดูซีรีส์บนจอโทรทัศน์ใหญ่ ๆ เป็นอันดับแรก แต่สำหรับเรื่องนี้ขอเชียร์ให้ใส่หูฟังดูในโทรศัพท์ (ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องเป็นไอโฟน) โดยมันวางตัวเองเป็น TV series แล้วแปลก ๆ นิดหน่อย เพราะมันใช้องค์ประกอบของภาพเคลื่อนไหวน้อยมาก อารมณ์เหมือนดูคลิปไวรัลคนโทรศัพท์หา 911 ที่มีข้อความและชื่อระบุตัวตนเสียงปลายสายเท่านั้นเอง แต่โดยหลักของ Calls มันถอดมาจากละครวิทยุมากกว่า เน้นถ่ายทอดเรื่องราวด้วยเสียงเป็นแนวไซไฟระทึกขวัญ กำกับโดย เฟด อัลวาเรซ ผู้กำกับ Don't Breathe ที่คราวนี้เขาจะมาโชว์ว่าแค่คนคุยโทรศัพท์กันก็สามารถทำให้คนฟังจินตนาการตามไปได้ไกลขนาดไหน
.
ซีรีส์มีทั้งหมด 9 ตอน ตอนเปิดดูคิดว่ามันคงเป็นตอนแยก stand alone แต่ที่ไหนได้ทั้ง 9 ตอนมันคือจักรวาลเดียวกันหมด พอดูจบตอน 9 แล้วจะทึ่งว่ามันพาย้อนไปหาตอนแรกได้อย่างงดงามเฉยเลย แต่ละตอนเล่าสไตล์คล้าย ๆ กันคือพล็อตเกี่ยวกับไซไฟ มิติคู่ขนานและการสื่อสารข้ามเวลา โทนจะออกไปทางระทึกขวัญลุ้นชวนตื่นเต้น จะมีบางตอนที่เรื่องเล่าจับหัวใจมาก ๆ จนเรารักไปเลย
.
ส่วนตัวชอบตอนที่มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่อง และพูดถึงความรักได้งดงามแบบ e.p.8 "Is There a Scientist on the Plane?" เล่าถึงกัปตันเครื่องบินที่ไฟล์ทบินของเขาเพิ่งออกข่าวว่าโดนฟ้าผ่าเครื่องบินตกตายยกลำ แต่เขายังไม่ตายและขอความช่วยเหลือจากหอวิทยุการบินอยู่เลย เป็นตอนที่เทคนิคเล่าตอนจบดีที่สุดในบรรดาตอนทั้งหมด
.
อีกตอนที่ชอบคือ e.p.5 "Me, Myself & Darlene" เป็นตอนที่ชอบการใช้เสียงเปลี่ยนไปตามอารมณ์ตัวละครของนักแสดงชาย พล็อตมันเล่าแค่ชายคนหนึ่งโทรแจ้งตำรวจว่าเพิ่งยิงคู่หมั้นตัวเองตาย แต่สักพักคู่หมั้นก็โทรหาตัวเขาเองด้วยประโยคแบบเดียวกับที่เขาเพิ่งได้ยิน เป็นตอนที่มีความเป็นมนุษย์ และจังหวะการฟังเรื่องราวสามารถจินตนาการตามแล้วเหมือนดูหนังสักเรื่องได้เลย
.
ในภาพรวม 9 ตอน ก็มีตอนที่แห้ง ๆ บ้าง คือตอน It's All in Your Head ที่พูดถึงน้องสาวเรียกร้องความสนใจว่าตัวเองกำลังเจ็บเจียนตายแต่พี่สาวไม่เชื่อเพราะใช้มุกนี้มาตลอด กับตอน The Universe Did It แต่นอกนั้นคือโอเคถึงดีหมด อย่าง e.p.1 ตอนฟังก็เฉย ๆ เพราะมันเหมือนวางตัวเองเพื่อจูนคนฟังว่าจะต้องเจอแนวระทึกขวัญเหนือธรรมชาติ แต่พอฟังจบ 9 ตอนย้อนกลับมาก็ชอบ e.p. แรกเฉยเลย หรืออย่างตอน Pedro Across the Street ที่เล่าเรื่องบ้านตรงข้ามโทรมาให้ช่วยเช็คว่าบ้านล็อคหรือยัง ก็เป็นตอนที่มีโทนการเล่าเป็นตลกร้ายแตกต่างออกมาจากตอนอื่น
.
ย้ำอีกครั้งว่าใครโหยหาประสบการณ์ละครวิทยุ โดยเฉพาะที่เป็นแนวไซไฟ นี่คือโอกาสที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ

Creator: Fede Alvarez

9 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 17 นาที)
B+

#หนังโปรดxซีรีส์AppleTV+

Ted Lasso (สามารถดูได้ใน Apple TV+)

ก็เพลิน ๆ ตามประสาซีรีส์คอเมดี้คนสดใสมองโลกแง่บวกมาเป็นโค้ชพัฒนาจิตใจนักเตะ แต่ถ้าใครเป็นคนดูกีฬาฟุตบอลจริงจังก็อาจจะเห็นว่าไอเดียของซีรีส์มันเช๊ยเชยหรือพื้นฐานมาก ๆ จนไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แล้วยิ่งถ้าตามฟุตบอลอยู่แล้วก็ควรจะโยนแทคติกออกจากสมองก่อนดูซีรีส์เรื่องนี้ พล็อตเรื่องประมาณว่าเจ้าของทีมคนเก่าโดนภรรยาฟ้องหย่า ฝ่ายหญิงคือ 'รีเบ็คกา' (Hannah Waddingham) เลยได้เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรแทน ซึ่งเธอต้องการทำให้สามีเก่าเจ็บปวด เลยวางแผนพาทีมฟุตบอลระดับกลางตารางในพรีเมียร์ลีกให้ล่มจม ด้วยการไปจ้าง 'เท็ด ลาสโซ' (Jason Sudeikis) โค้ชอเมริกันฟุตบอลระดับสมัครเล่นที่ไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลแม้แต่นิดเดียวมาเป็นโค้ชแทน แต่เขาก็ค่อย ๆ พิสูจน์ตัวเองกับแฟนบอลที่ตะโกนด่ารายวัน, นักเตะที่ต่อต้าน, และนักข่าวที่ตั้งแง่กับเขา
.
เจสัน ซูเดคิส เป็นนักแสดงสายคอเมดี้ที่เล่นใหญ่แบบไม่น่ารำคาญเลย บุคลิกในเรื่องนี่ชวนรำคาญมากแต่ตอนดูดันสนุก น่าจะเพราะซีรีส์มันไม่ได้โลกสวยจนเกินไป แล้วตัวละครนี้คือเข้ามาเพื่อปรับทัศนคตินักฟุตบอลในทีม ซึ่งมี 2 ตัวหลักคือ 'รอย เคนท์' เป็นนักฟุตบอลวัยใกล้แขวนสตั๊ดที่เคยประสบความสำเร็จได้แชมป์กับทีมอื่น ถึงจะเป็นกัปตันทีมแต่ยังไม่มีภาวะผู้นำเพียงพอ และ 'เจมี่ ทาร์ต' ดาวรุ่งพุ่งแรงอีโก้จัดที่ยืมตัวมาจากสโมสรระดับแชมป์ลีก หน้าที่ของโค้ชลาสโซ จึงต้องละลายความอวดดีของทาร์ต และสร้างเคนท์ให้กลายเป็นผู้นำให้ได้ เพื่อทีมจะได้อยู่รอดในพรีเมียร์ลีก และต้องอย่าลืมว่าซีรีส์เรื่องนี้คือคอเมดี้สดใสให้กำลังใจ ไม่ใช่เรื่องฟุตบอลที่เข้มข้นเอาเป็นเอาตาย
.
ส่วนตัวคาดหวังมากกว่านี้ ในแง่คอเมดี้มันก็ฟีลกู้ดชวนยิ้มตามประสาซีรีส์เบา ๆ ดูสบาย แต่ไอเดียพล็อตและการเป็นโค้ชมันไม่ได้ชวนทึ่งในความสดใหม่อะไร เหมือนเอาเรื่องพื้นฐานในวงการฟุตบอลมาปรับนิดหน่อยเป็นภาษาหนังแค่นั้นเอง ส่วนในแง่ฟุตบอลไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วเลยไม่ซีเรียส ดูเป็นซีรีส์เพลิน ๆ 5 ชั่วโมงจบก็พอได้อยู่

Creators: Bill Lawrence, Jason Sudeikis, Brendan Hunt, Joe Kelly

10 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 30 นาที)
B-

#หนังโปรดxซีรีส์AppleTV+