ความเสมอภาค เท่าเทียม ไม่มีจริงในที่ทำงาน! เมื่อสภาพแวดล้อมไม่เป็นมิตร ย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง โดยเฉพาะหากคุณเจอเพื่อนร่วมงานที่ชอบ “เหยียดอายุ” เลือกปฏิบัติกับคนโดยดูจากอายุเป็นหลัก และตัดสินไปแล้วว่า คนที่อายุน้อยกว่า ด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า! ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงคนเหล่านี้ในที่ทำงานได้
.
ดังนั้น คุณต้องมีวิธีรับมือให้ดี เพื่อไม่ให้คำพูดหรือการถูกเลือกปฏิบัติมาบั่นทอนและเป็นอุปสรรคในการทำงาน วันนี้เราจึงนำเอา 5 วิธีที่จะช่วยคุณเอาชนะอคติของคนเหล่านั้น จากประสบการณ์ของคนที่เคยโดนแบบนี้แต่ผ่านมันมาได้แล้ว
.
1. ปล่อยวาง อย่าถือสา หรือให้ความสำคัญกับคำพูด การกระทำที่ไร้ประโยชน์
“คนพูดไม่จำ แต่คนฟังไม่ลืม” อย่างที่บอกว่าเราไม่สามารถเลี่ยงคนแบบนี้ได้ หากคุณต้องการเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น ต้องรู้จักปล่อยวาง อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวไปผูกไว้กับการกระทำ คำพูดของคนอื่นที่เกิดจากการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็น อายุ เพศ หรือแม้แต่สีผิว อาจทำให้คุณรู้สึกโกรธ หดหู่ และรู้สึกแย่ ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นมันไม่เอื้อต่อการทำงานที่ดีได้ ความมุ่งมั่น และดื้อรั้นต่างหากที่จะทำให้คุณสามารถผ่านสถานการณ์เหล่านั้นไปได้โดยไม่บาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ
.
2. แสดงให้เขาเห็นว่าคุณคือ “เล็กพริกขี้หนู”
อายุน้อยกว่า ไม่ได้แปลว่าคุณด้อยกว่า ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ด้วยประสบการณ์และความสำเร็จ ถ้าคุณเจอคนที่คอยดูถูก และเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม คุณต้องแสดงให้เขาเห็นถึงความเก่งกาจของคุณว่ามันไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เผลอๆ อาจทำได้ดีกว่าเขาด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น Mark Zuckerberg เจ้าของ “Facebook” เขาคือหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ชื่นชมและยอมรับในตัวเขา ไม่ใช่อายุ แต่คือความสามารถของเขา ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร หรือในภาคส่วนใด เมื่อมีโอกาสอย่าลืมอวดความสามารถของตัวเองให้โลกรับรู้
.
3. มองหาที่ปรึกษาที่ดี คนที่คอยอยู่เคียงข้าง สอนงาน สอนชีวิต และให้กำลังใจ
บางครั้งการก้าวข้ามบางสถานการณ์ด้วยตัวคนเดียวอาจหนักหนาเกินไปสำหรับคนบางคน การมีที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยงดีๆ ที่มีประสบการณ์และแข็งแกร่งต่อโลกมากกว่าคุณ มาคอยแนะนำ ปลอมประโลมจิตใจ ที่สำคัญคือ “เชื่อในตัวคุณ” ว่าคุณไม่ได้เด็กเกินไปที่จะทำงานนี้ได้ จะยิ่งทำให้คุณมีความมั่นใจ ไม่หวั่นไหวกับคำพูดของคนอื่นเกี่ยวกับอายุของคุณ
.
4. แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออก พร้อมพิจารณาก่อนว่าเขาทำเพื่อให้งานดีขึ้น หรือแค่ไม่ชอบเป็นการส่วนตัว
เพราะการเลือกปฏิบัติมักอยู่กับเราเพียงชั่วคราว ดังนั้นเพื่อไม่ให้มันมามีอิทธิพลกับคุณมากเกินไป ต้องรู้จักแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออก อย่าให้อารมณ์โกรธ ไม่พอใจ มามีอิทธิพลจนส่งผลเสียต่องาน ที่สำคัญคุณต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่าที่เขาทำแบบนั้นเกิดขึ้นจากการทำงานของคุณแล้วอยากให้งานดีขึ้น หรือเป็นเพราะเขาไม่ชอบคุณเป็นการส่วนตัว แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร สิ่งที่คุณควรทำคือ อย่าปะทะคารม หรือไปต่อว่าเขากลับนอกจากจะไม่มีอะไรดีขึ้น อาจยิ่งทำให้คนอื่นๆ ในที่ทำงานเข้าใจคุณผิดกว่าเดิมก็ได้
.
5. ทุ่มเทและพยายาม เพื่อลบคำสบประมาทที่ว่า "เด็กเกินไป"
ถ้าคุณคิดว่าคุณยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ ก็เพียงแค่ทำให้เขาเห็นว่า คุณทุ่มเทและพยายามเพื่อให้เก่งขึ้น ดีขึ้นและเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่นี้มากแค่ไหน เพราะอายุไม่ได้เป็นเครื่องบ่งบอกความเก่ง หรือความสำเร็จของคนๆ หนึ่ง แต่ความทุ่มเท และพยายามให้มากพอต่างหากที่จะบอกได้ว่า คุณเหมาะสมกับงานนี้หรือไม่ ดังนั้น เมื่อมีใครสักคนพูดไม่ดี ปฏิบัติไม่ดีกับคุณ อย่าไปสนใจ แต่จงนำสิ่งเหล่านั้น มาเป็นแรงผลักดันในการลบคำสบประมาทเหล่านั้นให้ได้
.
อย่างไรก็ตาม การเลือกปฏิบัติ มีอคติกับคนที่อายุต่างกัน เปรียบเสมือนเป็น “มรดก” ที่ถูกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนาน ทั้งคนแก่กว่ามีอคติกับคนเด็กกว่า รวมถึงคนเด็กกว่าเองบางครั้งก็มีอคติกับคนแก่กว่าด้วย เช่น คิดว่าเขาหัวโบราณ ล้าสมัย และไม่เก่งเท่าเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้กำหนดให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในสังคม แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เพศอะไร นับถือศาสนาอะไร รูปร่างลักษณะแบบไหน ทุกคนควรได้รับสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค เท่าเทียมกัน
.
โดยเฉพาะในที่ทำงาน การเลือกปฏิบัติไม่ควรเกิดขึ้นจนกลายเป็น “เรื่องธรรมดา” เมื่อต้องทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะรุ่นเดียวกัน เด็กกว่า แก่กว่า ควรมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเกรงใจ และเคารพซึ่งกันและกัน ไม่แน่คุณอาจเจอเพื่อนซี้ต่างวัยในที่ทำงานที่เข้าขากันสุดๆ ก็ได้
.
ที่มา : https://www.entrepreneur.com/article/371010
.
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#เลือกปฏิบัติ #เหยียดอายุ #Ageism #เพื่อนร่วมงาน #Business #entrepreneur
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過15萬的網紅Katheryn Lee,也在其Youtube影片中提到,หนีร้อนไปเจอกับหิมะฉ่ำๆกับแคทตี้ที่ Hokkaido กันค่ะ ทริปนี้แคทตี้พาเที่ยวเมือง Noboribetsu ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งออนเซน ที่ปังสุดในญี่ปุ่น!! อากา...
「อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ」的推薦目錄:
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最讚貼文
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 Katheryn Lee Youtube 的最佳貼文
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 Katheryn Lee Youtube 的最佳解答
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน EP296 (The Special) I อายุ 19 ปี เจ้าของธุรกิจโร ... 的評價
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน | EP. 287 | The special DATAVUE ... - YouTube 的評價
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน | Bangkok - Facebook 的評價
- 關於อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน EP.100 | เฉาก๊วยโกโบริ Kobori - YouTube 的評價
อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
“Cheng Wei” เขาไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนโดดเด่นอะไร แต่เขาเป็นคนหนึ่งที่สามารถสร้างฐานะขึ้นมาด้วยตัวเอง จากพนักงานบริษัทเงินเดือน 7 พันบาท สู่การเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน เจ้าของ “Didi Chuxing” สตาร์ทอัพสัญชาติจีนผู้ให้บริการเรียกรถรับส่ง แม้ภายนอกดูไม่น่ากลัว ไม่มีพิษภัย แต่ร้ายลึกจนคู่แข่งผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “Uber” ต้องยอมจำนน!ซึ่งนำไปสู่การควบรวมกิจการในที่สุด
.
โดยเจ้าของ Uber “Travis Kalanick” ได้ตัดสินใจขายกิจการในประเทศจีนให้กับบริษัท Didi Chuxing ในราคา 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 หมื่นล้านบาท พร้อมรับสิทธิ์การถือหุ้น 18% ของบริษัทใหม่หลังควบรวม ซึ่งมีมูลค่าประเมินราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทั้ง Cheng และ Kalanick ได้นั่งเก้าอี้คณะกรรมการของแต่ละบริษัท
.
ชัยชนะและความสำเร็จในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัท Didi Chuxing และด้วยบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเรียกและชำระเงินค่ารถแท็กซี่ รถยนต์ส่วนตัว รถลีมูซีน หรือรถตู้วิ่งทางไกล ส่งผลให้บริษัทสามารถดึงดูดผู้ใช้บริการได้กว่า 300 ล้านคนใน 400 เมืองของจีน ภายในช่วงเวลาเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้เพราะผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง “Cheng Wei”
.
บทบาทและการสร้างปรากฏการณ์ทางธุรกิจของเขา ทำให้เขาขึ้นแท่นเป็น “สุดยอดนักธุรกิจแห่งปี 2016” ของ Forbes Asia แต่อย่างที่เคยกล่าวไว้ข้างต้นว่า เขาไม่ใช่คนที่เก่งกาจหรือโดดเด่นแต่อย่างใด ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความพยายามของเขาทั้งนั้น เพราะก่อนหน้าที่เขาจะประสบความสำเร็จ มหาวิทยาลัยที่เรียนก็เพียงระดับกลางๆของจีน จบด้วยคะแนนกลางๆ หลังเรียนจบก็ทำงานจิปาถะทั่วไป
.
จนกระทั่งได้ทำงานในบริษัท Alibaba ตำแหน่งพนักงานขายทั่วไป ด้วยเงินเดือนเพียง 225 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,000 บาท เขาใช้เวลาเพียง 6 ปี ก็สามารถขึ้นเป็นผู้จัดการประจำภาคเหนือของจีน จากนั้นย้ายไปเป็นผู้จัดการที่ Alipay เพียง 2 ปี เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานของ Alipay
.
เมื่อลาออกจาก Alipay ในปี 2012 เขามาก่อตั้งบริษัท Beijing Orange Technology Co., Ltd. และเปิดตัว Didi Dache แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่แบบเดียวกันกับ Uber ซึ่งเหตุผลที่ทำ เนื่องจากเขาขับรถไม่เป็น และมักเรียกแท็กซี่เป็นประจำในการเดินทางไปไหนมาไหน เขาจึงเห็นโอกาสในการพัฒนาแอปฯ เรียกรถแท็กซี่ในจีน แต่ในช่วงแรกที่พัฒนา แอปฯกลับยังไม่ได้รับความนิยม จนถึงขนาดที่ว่าเขาต้องจ้างคนมาเรียกแท็กซี่ผ่านแอปฯ ของตัวเอง เพื่อให้แท็กซี่มั่นใจว่าแอปฯ ของเขาจะช่วยเรียกลูกค้าให้เหล่าแท็กซี่ได้
.
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน แอปฯ เรียกแท็กซี่ของเขา ก็เริ่มมีคนใช้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิน 1,000 ครั้งต่อวัน และด้วยความเติบโตที่รวดเร็ว ส่งผลให้เขาได้รับเงินลงทุนครั้งแรกจาก GSR Ventures จำนวน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่เพียงเท่านั้น Tencent คู่ปรับของเจ้านายเก่าอย่างอาลีบาบา ก็สนใจลงทุนในกิจการของเขา และได้ประเมินมูลค่าบริษัทของเขาสูงถึง 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,000 ล้านบาท สูงกว่าบริษัทอื่นๆ ถึง 2 เท่า เขาจึงตอบตกลงเป็นพันธมิตรกัน
.
เมื่อเงินทุนพร้อม เขาจึงเดินหน้าแสดงศักยภาพในการเขี่ยคู่แข่งหลายรายออกจากตลาด จนเหลือเพียงรายเดียว คือ Kuaidi ซึ่งมีอาลีบาบาเป็นผู้สนับสนุนเงินทุน แต่เมื่อ Uber มาบุกตลาดจีนช่วงปี 2014 สองคู่แข่งทั้งเขาและ Kuaidi จึงควบรวมธุรกิจกันเพื่อต่อสู้กับบริษัทข้ามชาติ เท่ากับว่าตอนนี้ Didi มีขาใหญ่เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น
.
แน่นอนว่าในตอนนั้นกลยุทธ์ของ Uber ถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่ Didi ทำได้ดีกว่า เพราะเมื่อ Uber ประกาศผลการระดมทุน 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกลุ่มกองทุนเพื่อความมั่งคั่งของซาอุดีอาระเบีย ไม่นานขณะที่ Didi สามารถดึงตัว Jean Liu กรรมการผู้จัดการประจำภาคเอเชียจาก Goldman Sachs มาร่วมทีมด้วย ประกาศว่าบริษัทระดมทุนได้ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในรุปแบบของหุ้นและเงินกู้ยืม ซึ่ง Jean Liu เธอมีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทของเขาระดมทุนได้มูลค่ามหาศาล
.
นอกจากนี้ สองขาใหญ่อย่าง Alibaba และ Tencent ได้ช่วยโฆษณาบริการเรียกรถรับส่งผ่าน Alipay และ WeChat ยิ่งไปกว่านั้นคือ Tencent ทำการบล็อค Uber จากบัญชีสมาชิกใน WeChat ข้อความโฆษณาต่าง ๆ ของ Uber ก็จะไม่สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานแอปฯ กว่า 800 ล้านคนได้เลย
.
ขณะเดียวกัน Didi ยังรักษาฐานตลาดในประเทศ ด้วยการควักเงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนใน Lyft คู่แข่งสำคัญในสหรัฐฯ ของ Uber เพื่อกดดันธุรกิจหลักของ Kalanick ที่เป็นเหมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งเขาทำสำเร็จ ในที่สุด Uber ในจีนก็ยอมแพ้อย่างราบคาบ
.
ทั้งนี้ Cheng Wei เคยกล่าวว่า รัฐบาลจีนไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาแต่อย่างใด ความสำเร็จของเขามาจากผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีกว่า เรียกได้ว่า การต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์ของเขา เสมือนเป็นการทำสงครามครั้งใหญ่ ที่ไม่ได้มีดาบ ปืน หรือธนู เช่นสงครามอื่นๆ แต่เป็นการใช้ “เงิน” เป็นอาวุธ ใครที่มีมากกว่า คนนั้นชนะ!
.
ซึ่งแน่นอนว่าการเติบโตของ Didi Chuxing ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เพราะปัจจุบันบริษัทได้รับเงินสนับสนุนจาก SoftBank Group บริษัทเทคโนโลยีและการลงทุนของญี่ปุ่น ที่สำคัญเขายังเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเสนอขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้มากกว่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.9 ล้านล้านบาท
.
ที่มา : https://bit.ly/3f9ahqd
https://bit.ly/3bkfydn
.
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#ChengWei #DidiChuxing #Uber #บริการแท็กซี่ #ธุรกิจจีน #Business #Alibaba #บริการเรียกรถรับส่ง #Taxi
อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
8 มหาเศรษฐี ที่สร้างตัวจากธุรกิจ “คาสิโน”
.
คาสิโน บ่อน การพนัน หากพูดในไทยมันคือหนึ่งในธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ถ้ามองในมุมของต่างประเทศ ในหลายๆ ประเทศอย่าง สหรัฐอเมริกา มาเก๊า สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สวีเดน สหราชอาณาจักร มันกลับเป็นธุรกิจถูกกฎหมายที่สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่ามหาศาล ถึงขั้นที่ว่า สามารถทำให้เจ้าของคาสิโนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีโด่งดังระดับโลกได้เลยทีเดียว จะมีใครบ้างไปดูกัน!
.
1.Sheldon Adelson มูลค่าทรัพย์สิน 39.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.23 ล้านล้านบาท
มหาเศรษฐีขาวอเมริกัน เจ้าพ่อแห่งคาสิโน เป็นเจ้าของธุรกิจ Sands Hotel & Casino โรงแรมคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มาเก๊า และสิงคโปร์
ก่อนที่เขาจะเดินเข้าสู่เส้นทางธุรกิจคาสิโน เขาเริ่มทำงานหารายได้เองตั้งแต่เด็ก ด้วยการยืนขายหนังสือพิมพ์ตามท้องถนน แม้เรียนไม่จบ แต่เขาสนใจการทำธุรกิจและผ่านงานหลายอย่าง เช่น โดยเฉพาะการเงิน
.
ธุรกิจแรกที่ทำให้เขาก้าวสู่การเป็นมหาเศรษฐี คือ การจัดนิทรรศการงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองลาสเวกัส เมื่อเริ่มร่ำรวย จึงซื้อโรงแรมควบคู่กับบ่อนคาสิโน ในราคา 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.9 พันล้านบาท แล้วเขาก็ได้ขยายอาณาจักรของเขาให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นธุรกิจที่มีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.3 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันเขาได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ตำนานเจ้าพ่อแห่งคาสิโนเท่านั้น
.
2. Lui Che Woo มูลค่าทรัพย์สิน 14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.4 แสนล้านบาท
เจ้าพ่อคาสิโนแห่งเอเชีย เจ้าของธุรกิจ Galaxy Entertainment แม้จะเป็นชาวจีนกวางตุ้งแต่กำเนิด แต่อาณาจักรคาสิโนของเขากว้างขวางและมีอยู่หลายแห่งในมาเก๊า เขาเริ่มต้นจาการเป็นเพียงผู้จัดหาวัสดุก่อสร้าง และต่อมาได้ผันตัวเข้าสู่ธุรกิจคาสิโน การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรม
.
จนถึงปัจจุบันธุรกิจเหล่านี้ก็ยังคงสร้างเงินทอง ความมั่งคั่งให้กับเขาและครอบครัวอย่างไม่ขาดสาย เขาย้ำเสมอว่า “หากคุณไม่กล้าเสี่ยง คุณก็จะทำอะไรไม่ได้เลย” เรียกได้ว่าสิ่งที่ทำให้เขาร่ำรวยมากขนาดนี้ไม่ได้เป็นเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความพยายามต่อสู้กับสารพัดอุปสรรคที่ประดังหน้าเข้ามาหาเขา
.
3. Pansy Ho มูลค่าทรัพย์สิน 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.1 แสนล้านบาท
ลูกสาวของ Stanley Ho นักลงทุนคาสิโนชื่อดังในมาเก๊า เธอเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน MGM China นอกจากนี้เธอยังเป็นประธานบริษัท Shun Tak Holdings บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ฮ่องกงและมาเก๊า ครอบคลุมตั้งแต่ โรงแรม เรือเฟอร์รี่ รวมถึงการให้บริการเรือข้ามฟากระหว่างฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยถูกจัดอันดับให้มหาเศรษฐีหญิงที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง แต่ปัจจุบันเธอถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในฮ่องกง เป็นอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 50 อันดับ
.
4.Phil Ruffin มูลค่าทรัพย์สิน 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท
ซึ่งเขาไม่ใช่แค่เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและคาสิโน Treasure Island Hotel & Casino แต่เขายังเป็นเพื่อนกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และเป็นหุ้นส่วนในโรงแรม Trump International Las Vegas hotel อีกด้วย
.
จุดเริ่มต้นของเขา เริ่มจากการที่เขาลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาขายแฮมเบอร์เกอรืกับเพื่อนๆ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เก็บเงินซื้อร้านสะดวก สำนักงานโรงแรม และห้างสรรพสินค้า เมื่อมูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เริ่มซื้อโรงแรมและคาสิโนมากขึ้นด้วย โดยความสำเร็จทางธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดของเขา ก็คือ การซื้อ New Frontier Hotel & Casino ในราคา 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1998 และในปี 2007 เขาขายมันในราคาสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วจากนั้นเขาจึงนำเงินสดบางส่วนของเขามาซื้อธุรกิจคาสิโน Treasure Island และเป็นเจ้าของมันมาจนถึงปัจจุบัน
.
5.James Packer มูลค่าทรัพย์สิน 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.8 หมื่นล้านบาท
เขาคือผู้ก่อตั้งและอดีตผู้บริหารของ Crown Resorts คาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของออสเตรเลีย แต่หลังจากที่เขาตัดสินใจลาออกจากบอร์ดบริหารเมื่อปี 2018 เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต และต้องการให้ชีวิตกลับเข้าลู่เข้าทาง ละทิ้งหน้าที่ที่เต็มไปด้วยความกดดัน แล้วหันมาเพิ่มความสัมพันธ์กับครอบครัวและลูกๆ
.
ซึ่งหลังจากที่เขาประกาศขายหุ้นบางส่วนไป ส่งผลให้เขามีทรัพย์สินน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในคาสิโนนี้ โดยรายงานประจำปี 2019 ของ Crown Resorts ระบุว่า Packer ได้รับการจดทะเบียนเป็นหุ้นรักษา 249.25 ล้านหุ้น สำหรับตำแหน่งความเป็นเจ้าของ 36.81% ในบริษัท
.
6.Steve Wynn มูลค่าทรัพย์สิน 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท
เจ้าพ่อแห่งคาสิโนระดับไฮเอนด์ เจ้าของ Wynn Resorts หนึ่งในคาสิโนที่มีชื่อเสียงที่สุดในลาสเวกัส โดยเขาคลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจคาสิโน การพนันมาตั้งแต่ปี 1967 แล้วยังเป็นนักลงทุนในธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Bellagio, Wynn Las Vegas, The Mirage และ Treasure Island นับว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนหลายคน รวมถึง “Sheldon Adelson” ด้วย
.
โดยจุดเริ่มต้นการลงทุนทำธุรกิจของเขา เริ่มขึ้นเมื่อตอนเขาอายุ 15 ปี กับการขี่จักรยานแจกจ่ายไอศกรีมให้คนทั่วไป และต่อมาเขามีโอกาสได้สืบทอดธุรกิจบิงโกของพ่อที่กำลังล้มเหลว แล้วสามารถกอบกู้มันขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นคาสิโนชื่อดัง ซึ่งตั้งแต่นั้นมา เขาก็สร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองและธุรกิจคาสิโนของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหนึ่งในเจ้าของคาสิโนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ต่อมาเขาก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับขายหุ้นทั้งหมดไป ท่ามกลางข่าวฉาวเกี่ยวกับความประพฤติผิดทางเพศ
.
7.Elaine Wynn มูลค่าทรัพย์สิน 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท
Elaine Wynn ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชินีแห่งลาสเวกัส” เธอกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดใน Wynn Resorts หลังจากที่ Steve อดีตสามีและผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจคาสิโน ถอนตัวออกจากตำแหน่งทั้งหมดและก้าวลงจากตำแหน่ง CEO โดยเมื่อเธอได้เป็นผู้บริหารอย่างเต็มตัว ได้ทำการยกระดับ Wynn Resorts ให้สูงขึ้นอีกขั้น พร้อมกับมีการบังคับให้ผู้บริหารที่ทำงานมาอย่างยาวนานและภักดีกับอดีตสามีของเธอลาออกจากตำแหน่ง
.
แต่เมื่อปี 2019 เธอ และบรรดาผู้บริหาร Wynn Resorts ได้ถูกสอบปากคำเรื่องที่ บริษัทปกปิดข้อกล่าวหาจากพนักงานเป็นเวลาหลายปีว่า Steve มีความประพฤติผิดทางเพศ โดยไต่สวนเป็นเวลา 3 วันเพื่อขุดคุ้ยวัฒนธรรมองค์กรอันเลวร้ายของ Wynn Resorts ตลอดจนการปกป้อง Steve และได้มีการปรับเงินบริษัท 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โทษฐานที่บริหารจัดการข้อกล่าวหาของพนักงานด้วยวิธีการผิดๆ แต่ยังให้ถือใบอนุญาตดำเนินธุรกิจกาสิโนมูลค่า 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในบอสตัน
.
8.Lorenzo Fertitta มูลค่าทรัพย์สิน 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท
เขาคือผู้ประกอบการ นักลงทุนผู้ใจบุญชาวอเมริกัน โดยเขาร่วมกับ Frank Fertitta ในการทำธุรกิจคาสิโน Red Rock Resorts ธุรกิจครอบครัวที่พ่อสร้างขึ้น ซึ่งมันเติบโตและขยายกิจการออกไปกว่า 20 คาสิโน 2 รัฐในสหรัฐอเมริกาอและในช่วงปี 2016 ธุรกิจคาสิโนของครอบครัวเขาก็สามารถระดมทุนกว่า 531.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการเสนอขายหุ้น IPO
.
แต่ก่อนที่จะมาทำธุรกิจคาสิโน Red Rock Resorts สิ่งที่ทำให้เขาร่ำรวยคือ การลงทุนร่วมกับน้องชายในการจัดตั้ง Zuffa, LLC เพื่อซื้อทรัพย์สินของ Ultimate Fighting Championship (UFC) ผู้ให้บริการศิลปะการต่อสู้แบบผสมจากบริษัทแม่ ในราคา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ]หลังจากนั้นเขาก็ทำงานอย่างหนัก เพื่อจัดตั้งกฎการรวมสำหรับการแข่งขัน MMA ทั่วประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการศึกษาและการกีฬา ด้วยการระดมทุนเพื่อผู้ด้อยโอกาส รวมถึงยังทำงานให้กับทหารผ่านศึก และมีส่วนร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ที่สนับสนุนครอบครัวของทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต
.
อย่างไรก็ตาม จากความร่ำรวยของพวกเขาเหล่านี้ เชื่อว่าต้องมีบางคนแอบคิดว่า อยากให้มีคาสิโนในบ้านเราบ้าง เพราะจะได้สร้างเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศ ซึ่งแน่นอนคาสิโนคือธุรกิจที่จะช่วยให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน รวมถึงช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้าประเทศมากขึ้น แต่อย่าลืมว่ามันก็สามารถสร้างผลกระทบทางสังคมที่สูงด้วยเช่นกันหากเรายังไม่มีกลไกหรือการรับมือที่ดีพอ ต่อให้อยากมีธุรกิจคาสิโนในประเทศมากเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เราจะนำประเด็นนี้มาถกเถียงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าสุดท้ายแล้ว เมื่อธุรกิจคาสิโนถูกกฎหมาย ระหว่างผลดีและผลเสียอะไรจะมีมากกว่ากัน ?
.
ที่มา : https://www.entrepreneurshiplife.com/8-billionaire-casino-owners-in-2020/
https://www.forbes.com/profile/james-packer/?sh=37ef64036de5
https://www.forbes.com/profile/phil-ruffin/?sh=1bd7559b7ec4
https://www.forbes.com/profile/pansy-ho/?sh=5f3949dd7276
https://www.forbes.com/profile/elaine-wynn/?sh=189139d8333e
https://www.forbes.com/profile/lorenzo-fertitta/?sh=3e63627463d1
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#มหาเศรษฐี #ธุรกิจคาสิโน #มาเก๊า #SheldonAdelson #LuiCheWoo #PansyHo #PhilRuffin #JamesPacker #SteveWynn #ElaineWynn #LorenzoFertitta #เจ้าพ่อแห่งคาสิโน
อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 Katheryn Lee Youtube 的最佳貼文
หนีร้อนไปเจอกับหิมะฉ่ำๆกับแคทตี้ที่ Hokkaido กันค่ะ ทริปนี้แคทตี้พาเที่ยวเมือง Noboribetsu ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งออนเซน ที่ปังสุดในญี่ปุ่น!! อากาศติดลบ กับออนเซนร้อนๅ จะฟินแค่ไหน ยังไม่พอ พาไปสถานที่ท่องเที่ยวน่ารักๆๆตบด้วยอาหารอร่อยๆเช่นเคย แถมทริปนี้เจออากาศหนาวทั้งทริป แคตตี้เลยพก Vaseline Deep Restore ตัวช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาชุ่มชื้น สุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง บอกเลยว่าผิวดีชีวิตก็สุดจ้า
IG : KATHERYN_LEE
FB : TRAVEL WITH KATHERYN

อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 Katheryn Lee Youtube 的最佳解答
อยากรู้กันใช่ม๊าา ว่าช่วง Boxing Day วันที่ 26 ธันวาคม ของทุกปี ที่ลอนดอนที่เลื่องลือ เค้าจะลดจัดหนักขนาดไหน ปรั่วะปังจริงหรือไม๊ และไปแล้วคุ้มค่าเครื่องบินไม๊ ??? ต่อด้วย Winter Wonderland ที่หลายๆคนวาดฝันรวมถึงแคทตี้ ของจริงจะเป็นยังไง ไปดูกันค่าา เทียวลอนดอนจุกๆ 6 วัน คัฟ
IG : katheryn_lee
page : travelwithkatheryn

อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน | EP. 287 | The special DATAVUE ... - YouTube 的推薦與評價

รายการ อายุน้อย 100 ล้าน ทุกวันพฤหัสบดี 21.45 น.ช่องเวิร์คพอยท์ กดหมายเลข ... ... <看更多>
อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน | Bangkok - Facebook 的推薦與評價
อายุน้อยร้อยล้าน, กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย. ... รายการสร้างแรงบันดาลใจ จุดประกายไฟฝันที่อยู่ในตัวคุณ ไม่ว่าใครก็เป็นเจ้าของธุรกิจได้. เพจ · รายการโทรทัศน์. ... <看更多>
อายุน้อยร้อยล้าน เจ้าของ 在 อายุน้อยร้อยล้าน EP296 (The Special) I อายุ 19 ปี เจ้าของธุรกิจโร ... 的推薦與評價
อายุน้อยร้อยล้าน The special ขอพาไปพบกับ เจ้าของ อาณาจักรโรงแรม และร้านอาหารใจกลางกรุง 100 ล้าน ของเด็กหนุ่มวัย 24 ปี ... ... <看更多>