ไม่เคยร้องเพลงกับใคร แต่ร้องกับที่รัก..คนเดียว
.
.
เพลง : เคียงกัน ver กัน-มารี
งาน ลูกกรุงอินคอนเสิร์ต
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過27萬的網紅Bird Thongchai,也在其Youtube影片中提到,วันของเรา - เบิร์ด ธงไชย อัลบั้ม สบาย สบาย ถึงวันที่เรา ใฝ่และฝัน ถึงวันที่เราจะเดิน ด้วยกัน มองที่ตา เราต่างก็รู้ใจกัน จะฝ่าฟัน สู่วัน ของเรา ทุกข์...
เคียงกัน 在 Retrospect Facebook 的最佳解答
"ธรรมชาติคือสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก"
เรื่องราวการเดินทางในป่าอยู่กับธรรมชาติของคุณ "ปริญญ์ เหลาแก้ว"
แค่อ่านก็ได้กลิ่นของป่า ได้รู้สึกถึงสเน่ห์ของธรรมชาติที่เราควรอนุรักษ์ไว้ นี่คือสิ่งที่เกิดมาอยู่คู่ชีวิตของมนุษย์ ช่วยกันรักษาเอาไว้นะครับ
วันที่ 1
17.09 หนานระฟ้า
การเดินทางเริ่มต้นด้วยความหลงลืม ลืมนั่นลืมโน่นลืมนี่ เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดมากๆ ก่อจจะเดินทางไปสายใต้ด้วยแท็กซี่ เกือบจะไม่ทัน ซ้ำยังไม่เคยขึ้นรถไปที่สายใต้ใหม่อีก กว่าจะหาที่แลกบัตรเจอก็ปาไปเกือบเวลาขึ้นรถแถมยงต้องวิ่งหาฟิลม์อีก พอถึงรถรถแม่งเก่าอีก ขนาด VIP 24 ที่นั่ง เซ็งมาก กึ่งหลับหึ่งตื่นจนถึงนครศรี ตอน 7 โมงเช้า พี่สามารับไปหาพี่บอย นั่งกินขนมจีนรอคนในทริปมาให้ครบ ทริปนี้เป้นคนใหม่หมดเลย ยกเว้นพี่โปที่เคยเดินไปตอนปีใหม่ พอเริ่มออกเดินเราขึ้นทางน้ำตกอ้ายเขียวรองเท้าพี่โปมีปัญหา เค้าเลยตัดสินใจเลิกเดินไปเลย แอบเสียใจแต่แม้พี่บอยก็รั้งไม่ได้เราก็คงต้องปล่อยแกไป การเดินครั้งนี้สนุกและง่ายกว่าครั้งก่อนเยอะ เพราะเราเริ่มเดินในเส้นทางใหม่รวมทั้งเราเองก็มีประสบการณ์แล้ว ได้เตรียมตัวมา เราเดินขึ้นไปพักคือแรกที่ "หนานระฟ้า" การเดินทางไม่ยากมากมีน้ำตกสวยๆเป็นระยะ เราเดินลัดเลาะตามน้ำตกไป ครั้งนี้แดดร้อนมาก ไม่มีทากโผล่มาเลยสักตัว เราเริ่มตั้งแค้มป์กันประมาณบ่ายสาม พักผ่อนตามอัธยาศัย ตอนนี้หิวข้าวมาก รอกินข้าวเย็น ครั้งนี้พอได้สูดดมกลิ่นป่าอีกครั้งก็มีพลัง ป่าสวยจริงๆกลิ่นน้ำกลิ่นไม้ หัวใจเราชุ่มชื่นไปด้วยเงาฝน ใจเราเบิกบานไปด้วยความผ่อนคลาย
วันที่ 2
19.10 แคมป์กลางป่า หัวน้ำตก
คนเราต้องเลือกหนทางที่เราจะต้องก้าวเดิน ก้อนหินก้อนไหนที่มั่นคง กิ่งไม้กิ่งไหนที่มั่นใจ เราเลือกสิ่งที่จะทำให้เราเดินต่อไปได้ด้วยตนเอง แม้บางครั้งกิ่งไม้จะหักหรือก้อนหินจะหลุดหลวมจากดิน เราก็ต้องยอมรับแล้วก้่าวต่อไปให้ได้
ภาพบางภาพเราเลือกที่จะเก็บบันทึกไว้ ภาพบางภาพเราเลือกที่จะจดจำมันไว้ด้วยสายตาก็พอ และถ้าวันนึงมันหายไป เราเพียงอิ่มเอมมันแค่ในเวลาห้วงหนึ่งเท่านั้น
วันนี้เราเริ่มเดินจากหนานระฟ้า เดินขึ้นไป "เนินลมฝน" ระหว่างทางเราเดินตัดขึ้นไปทางหัวน้ำตกอ้านเขียว สวยมาก น้ำตกสวยมากจริงๆ กิล่นฝนพาสุขใจล้นอีกแล้ว กลิ่นป่าดึงเรากลับมาต้อนรับเรา เหมือนได้กลับมาบ้าน หมอกพัดแรงเอาไอหมอกมาปะทะหน้า เดินสูงขึ้นไปอีกหน่อยก็ได้เริ่มเข้าสู่เขตป่าโบราณ(ป่าโบราณจะอยุ่ในความสูงระดับประมาณ 1200-1400) สิ่งสวยงามที่ประทับใจเราในครั้งก่อน ครั้งนี้ก็ยังสวยงามในแบบของมัน พ้นป่าโบราณขึ้นไป เราก็ขึ้นยอดเขาผ่านต้นไม้เตี้ยลมแรง เนินลมฝนเป็นเนินบนยอดเขา ถ้าไม่มีหมอกเราจะมองเห็นทะเลจากตรงนี้เลย แต่เรื่องแบบนี้อยู่ที่ดวงล้วนๆ พรานบอก เราเดินตามสันเขาไปเรื่อยๆ จากเนินลมฝน ลมตีหมอกขึ้นมาปะทะร่างกาย และผิวหน้าตลอดเวลา พลางคิดว่าถ้าเรากระโดดบินไปในหมอกนั่น โต้มลมแรงไปคงสนุกน่าดู อยากบินผ่านหมอกไปในความเวิ้งว้างข้างหน้า แต่ถ้าก้าวผิดสักก้าวคงกลิ้งตกเขาลงมาตาย 55 เราเดินไต่สันพรหมโลกและตัลงเขาเพื่อไปน้ำตกนิรนาม แต่ด้วยความช้าของทีมที่เดินช้า ทำให้่เราไปถึงเป้าหมายไม่ทัน ต้องเลือกหาที่นอนพักก่อนมืด เป็นการถางป่าตั้งเเเคมป์ใหม่กันเลย เพราะปกแล้วเราจะตั้งแค้มป์กันที่แคมป์เดิมเพื่อเป็นการไม่ทำลายป่า เรารู้สึกตัวในครั้งนี้ว่าเราเก่งขึ้นกับการเดินป่า เหมือนวันนี้มีหลงทางคนเดียวแต่ก็ไม่ตื่นกลัวเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ตอนนี้เรากำลังจะกินข้าว พรุ่งนี้จะเดินไป "ผาเทวะ" เลย อาจจะต้องทิ้งน้ำตกนิรนาม 1 ไป เพราะความล่าช้าของวันนี้ ขอให้คืนนี้หลับสบายเพื่อเก็บแรงเดินในอีัก 3 วันที่เหลือ
วันที่ 3
เช้าวันถัดมาหลังจากตื่นนอนที่หัวน้ำตกผาเทวะ 07.33 น.
เรื่องเล่าของตำนานป่าถูกถ่ายทอดออกมาจากพรานใหญ่ กล่าวถึงสันเย็น สันเย็นเป็นพื้นที่ราบบนภูเขาขนาดเกือบ 1000 ไร่ เต็มไปด้วยป่าโบราณที่เราชื่นชอบ ที่นั่นเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่ามากมาย เจ้าถิ่นของมันคือ ท่านขุน (ช้างป่า) และเต็มไปด้วย พี่ใหญ่(เสือ) พรานเล่าถึงการรับรู้และเรื่องราวของสัตว์ป่า การรับรู้ถึงความรู้สึก เรื่องราวท้าทายสนุกสนานของการต่อกรกับช้างป่า เรื่องราวลึกลับของความฉลาดรู้ที่หาคำตอบไม่ได้ พลางสลับเห็นการณ์เหนือธรรมชาติและการหนีตาย สันเย็นจึงกลายเป็นหนึ่งจุดหมายของการเดินทางของเราในภายภาคหน้า
เราเริ่มออกเดินทางจากแคมป์กลางป่าเพื่อไปถึงจุดกึ่งกลางของป่าเขาหลวง "หุบตาปี" หุบตาปีเป็นเหมือนจุดสะดือของเขาหลวง เป็นจุดที่ลึกที่สุดของหุบเขาตาปี เป็นลำธารลำใหญ่ไหลมารวมกัน ก้อนหินก้อนใหญ่มากกองอยู่ตรงนี้ ต้นเฟริมโบราณไล่ตามไปทางน้ำตก เราเดินป่าเก่งกว่าครั้งก่อนแต่ครั้งนี้ด้วยความประมาทเพราะเราวิ่งตามหลังพรานทำให้ข้อเท้าเราแพลง เราเลยเดินรั้งท้ายในวันนี้ เมื่อถึงหุบตาปีปล้วเรายอ้นขึ้นไปทางน้ำตกเรื่อยๆเพื่อขึ้นสู่ผาเทวะ ระหว่างทางขึ้นเราพักทานข้าวกลางวัน กันที่แอ่งน้ำใหญ่กลางน้ำตกสวยมากๆ จนเราถอดเสื้อผ้าและกระโดดลงไปว่ายเล่นเลย มันสวยมากจริง เหมือนสระอโนดาษ มีหาดหินไรเรียงลงไป น้ำเย็นสดชื่นมากๆและเหมือนเราได้รีเฟรชตัวเอง และนั่นแหระ มันกลายเป็นความชื่นใจครั้งสุดท้าย ก่อนจะถึงเป้าหมายในคืนนี้ "ผาเทวะ"
เส้นทางไปผาเทวะเป็นเหมือน นรกแห่งใจ สวรรค์แห่งตา ป่ามันพานรกและสวรรค์มาอยู่ด้วยกันเสมอ นรกชั้นแรก เราเดินขึ้นยอดตัดจากหุบตาปี เพื่อลงไปหาปลายน้ำตกของผาเทวะ ทางสูงชันและยากขึ้นเรื่อยๆ ปืนหน้าผา ข้ามต้นไม้ที่ล้มขวางทาง ที่จริงเราเดินหน้าผากันบ่อยมาก เพราะว่าต้องเลาะไปทางขอบภูเขา เดินกันบ่อยจนคิดว่านี่เรากับสนุกกับการเสี่ยงตายอยู่ชัดๆ คือถ้าก้าวไม่ดีเราก็ตกลงไปได้จริงๆ ถถถ ก่อนทิ้งตัวลงมาไปหุบที่เป้นปลายน้ำของผาเทวะ พอถึงเป้าหมายนี้ หลังจากนี้ก็เป็นนรกชั้นที่สอง เราต้องปื่นข้ามน้ำตกย้อนขึ้นไปเรื่อยๆ เกาะขอบหินข้ามกันไปตามหน้าผาที่ข้างล่างเป็นน้ำไหลแรงบ้าง เดินปีนหินข้ามน้ำตกบ้าง ไต่ไหล่น้ำตกไปเรื่อยๆจนสุดท้ายเราก็มาพบเจอกับมัน ผาเทวะ ที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางความยากลำบากของป่าเขาหลวง
ผาเทวะ เป็นหน้าผาขนาดใหญ่แนวลาดเอียงสูงขึ้นไปประมาณ 300 เมตรน้ำตกสุงใหญ่เหมือนเราอยู่ในป่าของสวรรค์ ไล่ลงเป็นชั้นๆลงมา ก่อนทางด้านล่างซ้ายของน้ำตก มีก่อนหินโผล่ขึ้นมาลักษณะคล้ายหน้าคน ขวางทางน้ำตกอยู่ ด้วยความลำบากของการเข้าถึง ผาเทวะจึงดูยิ่งใหญ่และสง่างามในใจของนักเดินทางตัวจ้อยที่เข้ามาท้าทายอำนาจของป่าใหญ่
หลังจากพบเจอผาเทวะแล้ว เราต้องเดินขึ้นไปพักที่หัวน้ำตกเพือ่ตั้งแคมป์กันที่นั่น ใครจะคิดว่าเราผ่านนรกมาแล้ว พบเจอสวรรค์แล้ว ยังจะต้องพบเจอนรกอีก เราถึงผาเทวะกันก็น่าจะเย็นย่ำแล้วประมาณ 6 โมงเย็น ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เงาของป่าเริ่มคลืบคลานเข้ามา ป่าเฟดตัวเองเป็นสีเทาขึ้นเรื่อยๆ เราตัดขึ้นทางฝั่งซ้ายมือของผาเทวะเพื่อข้ามริมภูเขาอีกสองลูกเพื่อไปสู่ที่พักแรม ชีวิตมีขึ้นมีลง คำนี้จะพึ่งเข้าใจขความหมายที่แท้จริงของมันก็วันนี้ ขึ้นๆลงๆกันไม่หยุดเลยจริงๆ ด้วยอาการบาดเจ็บเราเดินอยู่กลุ่มสุดท้าย เสียงตะโกนกู่ก้องของกลุ่มแรกบอกว่าถึงเป้าหมายแล้ว ใจเราท้อถอยแบบมีความหวัง ป่าเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้กลัวป่ามืดเลย ในตลอดการเดินทางป่าช่วยเราตลิด ต้นไม้ให้ที่ยึดจับ ก้อนหินให้ที่วางเท้า ทำให้อาการเจ็บขาเราไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางมากนัก วันนี้เรารู้สึกถึงป่าได้อย่างหมดหัวใจ เป็นเหมือนบ้านของเราเองด้วยซ้ำ ในตอนนี้ มีแต่ใจที่เดินนำหน้าร่างกาย เพื่อให้เราถึงที่พัก บางคนไม่สามาราถชนะใจตัวเเองได้ก็เอาคนอื่นเป็นเครื่องมือ เราเกลียดคนแบบนี้ ทำตัวเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่อย่างว่า คนเราก็แตกต่างกันไป ถึงจุดตั้งแคมป์ก็ค่ำแล้ว เราต้องรีบเตรียมที่นอนของตัวเอง กินข้าวและรีบเข้านอนและเขียนบันทึกนี้ในวันรุ่งขึ้น ในวันนี้คงเป็นการเดินทางที่ยาวไกลและยาวนานเพื่อออกจากป่าลึกนี้ ไว้เจอกัน
วันที่ 4 และวันที่ 5
เราออกเดินทางมาจากผาเทวะ เพื่อเดินไปสู่ผาเครื่องบินตก ป่าแถวนี้เดินยากมาก ขึ้นสันลงห้วยกันอย่างเหน็ดเหนื่อย ก่อนพักกินข้าวกลางวันกันที่ป่างามกลางเขา ในภูเขาตรงข้ามป่าเครื่องบินตก หลังจากกินข้าวกันเสร็จ เราเดินข้ามเขาอีกลูกเพื่อค้นหาน้ำตกนรินามที่สอง เพราะทริปนี้เป้นทริปสำรวจ เราจึงมาหาน้ำตกที่มองเห็นจากสันเครื่องบินตก เราเจอน้ำตกแรกและตั้งชื่อว่า "เคียงกัน" ก่อนเดินเจอน้ำตกใหญ่แล้วตั้งชื่อมันอีกว่า "เคียงพิภพ" และเรื่องราวต่อจากนี้เป็นอีกเรื่องราวที่จะจำจดวันตาย หลังจากออจากน้ำตกเคียงพิภพ ฝนก้เริ่มตกลงมา เราต้องเดินข้ามภูเขาเพื่อตัดเข้าสู่สันผาเครื่องบินตก แต่วันนี้เราทำเวลากันได้ช้ามาก ทั้งที่จริงเราต้องถึงเครื่องบินกันในเวลา บ่าย 2- บ่าย 3 และต้องเดินลงไปนอนที่หนานราง แต่ในตอนนี้เรายังไม่ถึงข้างล่างหน้าผาเครื่องบินเลยด้วยซ้ำระหว่างทางเดินไปหาผาเครื่องบินนั้น หมอกเริ่มเข้าจู่โจมกลุ่มนักเดินทาง ใช่และหมอกมักจะมาพร้อมฝนด้วยเสมอ เมื่อฝนตกเสื้อผ้าและสัมภาระจะทำให้ร่างกายหนัก แม้อากาศจะเย็นแต่ก็เดินหนักขึ้น เดินก็เละและลื่นง่าย ก่อนจะถึงน้ำตกที่ไหนมาจากหน้าผาเครื่องบิน เราติดอยู่ระหว่างน้ำตรงสองสายในขณะที่ฝนตกแรง เราต้องตัดทางลงไปข้ามน้ำตกที่น้ำไหลแรงสายนึง น้ำไหลแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องรีบก่อนที่น้ำป่าจะทำให้มันแรงไปมากว่านี้ ป่าก็ยังเป็นป่า ความรกและอุปสรรคยังขวางทางข้างหน้าอยู่เช่นเคย และเราก็มาถึงด้านล่างผาเครื่องบินกันจนได้
ผาเครื่องบินตก สภาพแตกต่างไปจากที่เราเคยมาเมื่อต้นปีมาก มากเสียจนจำไม่ได้ว่าที่นี่คือที่เดียวกัน ป่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าประหลาดใจ ไม่มีความเสมอเหมือนในภาพความทรงจำได้เลยมีเพียงแต่ไลเคนปะการงหรือ หมอกหินเท่านั้นที่บ่งบอกเราว่าเราได้ถึงถิ่นอาศัยของมัน นั่นคือผาเครื่องบินตกแล้ว ครั้งก่อนเราเดินลงจากผานี้แต่ครั้งนี้เราต้องปืนขึ้น จำได้ว่าตอนลงกก็ 90 องศาแค่คิดว่าต้องขึ้นก็เหนื่อยแล้ว ระหว่างนั้นลมพัดหมอกแรงจนตัวโยนลมที่หน้าผาเครื่องบินแรกขึ้นเพราะความเป้นร่องเขาและไม่มีต้นไม้เลย ความเหนื่อยล้าสะสมทั้งวันจากขาที่แพลงเจ็บตัดกำลังเราไปมากมีแต่ใจเท่านั้นที่พาเราก้าต่อไป ตอนนั้นคิดว่าเราจะมาเสี่ยงตายลำบากกันแบบนี้ทำไม หรือทำไมเราไม่มีพลังพิเศษจำพวกบินได้หรืออะไรแบบนั้น เพื่อช่วยให้เราข้ามผ่านอุปสรรคแบบนี้ไป แต่นั่นแหระ ไม่มีปาฏิหารย์ในป่าใหญ่ มีแต่ตัวเราที่ต้องเผชิญหน้ากับป่าและใจของเราเองเท่านั้น แม้ใจตอนนั้นจะไม่เหลือแรงให้เดินต่อไปอีกแล้ว หมอกหนาพร้อมฝนยังพัดแรงขึ้นอีกเอาความหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูกและขั้วใจ
เราปืนหน้าผาหินไปเรื่อยๆก่อนตัดเข้าป่าก่อนที่จะถึงตัวเครื่องบินตก เราถึงตัวเครื่องบินพระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว หมอกพรางตาเราไปหมดเราจำหน้าผาที่เรานั่งกินข้าวกันในครั้งก่อนได้ ตอนนี้เรากำลังจำเดินข้ามผ่านมันอีกครั้ง ลมแรงขึ้นไปอีกเมื่อเรายืนอยุ่บนยอดสันแล้ว เครื่องบินตกลำใหญ่นอนขวางทางอยู่อย่างนั้น สัมภาระเริ่มเรียกร้องความหนักของมันกับบ่าของเราอีกครั้ง เรากำลังจะหมดแรงด้วยความหนาวเย็นก่อนเอ่ยปากของเหล้าป่าซัดไปสักสองอึกใหญ่เพื่อเพิ่มความอบอุ่น และเดินข้ามหน้าผานั้นไปด้วยสติที่กึ่งรู้กึ่งฝัน ก่อนตัดเข้าสู่ป่าโบราณ หลังจากผ่านหน้าผามา ใจเราได้หมดลงจริงๆแล้วแต่ถ้าเลือกให้นั่งงอแงหรือบ่นโวยวายอยู่ที่นี่ กับเดินหน้าต่อไปให้ถึงแม้ก็คงจะเลือกอะไรไม่ได้ ต่อให้ทรุดตัวลงงอแงดิ้นลงกันพื้นก็ไม่มีใครสนใจ แต่เราต้องไปต่อ ไปต่อแม้จะไม่มีความหวังเราเดินลอดต้นไม้ในป่าโบราณไปอย่างหัวโล่งๆ รู้เพียงแค่ว่าเราต้องเดินต่อไปเท่านั้น เราต้องก้าวขาแม้จะไม่มีแรง ต่อให้คลานก็ต้องคลาน ความมืดมิดครอบคลุมป่าโบราณสนิทอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกค้นคว้าไปส่องของตัวเองออกมาเพื่อเดินหน้าต่อ เราหิสข้าวมากจนต้องเด็ดต้นแม็กโนเลียมากัดกินเพื่อประทังความหิว เราเดินต่อไปในความืดมิดของป่าโบราณสักประมาณเกือบชั่วโมงก็ถึงแค้มป์ ทุกคนรีบเคลียร์ของและหาข้าวกิน เราเองก็รีบกินข้าวและรีบเข้านอน คืนนั้นพายุหมอกและลมโจมตีฟลาตชีตเราตลอดเวลา ถุงนอนเราเปียกไปด้วหมอก เสียงเพลงจากวงเหล้าคืนสุดท้ายดังแทรกมาในภวังค์ตื่น เป็นบทเพลงของป่าจากคนที่เคลียร์เหล้าที่อดทนแบกมาตั้ง 4 วัน เราสะดุ้งตื่นจากลมที่พัดผ่านใต้แปลกระทบหลัง
ในตอนเช้าวันสุดท้ายเรารีบเก็บของและเดินลงโดยไม่กินข้าวเช้า เราเดินลงทางน้ำตกพรหมโลกซึ่งเป็นเส้นทางที่เราเคยเดินลงมาแล้ววันนี้เราเตรียมจมาดีเพื่อคิดว่าอีกไม่นานเราจะถึงที่หมาย และหนทางก็คุ้นชิน มีแว้บหนึ่งที่เราเดินทางโพรงของใบไม้ออกไปเห็นวิวด้านนอก ภาพของต้นปีย้อนขึ้นมาพรางจำได้ว่าเราสูดดมสายลมของปีแรกกันที่นี่ เราดีใจที่ป่าไม้ยังจำเราได้และเราก็ยังจำป่าได้ ก่อนเราจะเดินถึงน้ำตกพรหมดลกตอนบ่ายสองโดยไม่หยุดพักกินข้าว
การเดินป่าครั้งนี้เหมือนเราได้กลับมาบ้าน ป่าไม้ไม่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจกับเราเสียเท่าไหร่เเต่เหมือนเราได้กลับมาที่ๆเราคุ้นเคยกัน เหมือนมาเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตัวเอง
ทริปนี้จะเป้นทริปที่จดจำไปตลอด ขอบคุณพี่บอย พี่เทียน พี่บ่าว ปั๊ม และปอนด์สำหรับกับข้าวแสนอร่อยและความช่วยเหลือตลอดการเดินทาง ขอบคุณลีลาสวรรค์ทีมไว้เรามาสำรวจป่ากันอีก
เราทำมันได้แล้ว เราผ่านมันมาได้ มีหลายครั้งในป่าที่อยากร้องไห้มาก แต่ร้องไม่ออก เพราะรู้ว่าร้องไปป่าก็ไม่เห็นใจเรามากไปกว่านี้และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 5 วันที่ผ่านมาเราต้องขอบใจตัวเองที่สามารถชนะใจตัวเองได้เสมอในหนทางนี้ หนทางชีวิตต่อจากนี้คงยากลำบากแต่เรารู้ว่าเราต้องอดทน และผ่านมันไปให้ได้ สุดท้ายขอขอบคุณป่าเขาในครั้งนี้ที่คอยช่วยเหลือตลอดเวลาที่เดินและขอฝากเนื้อฝากตัวเป้นลูกป่า
ไว้เจอกันใหม่ ลมหายใจของชีวิต สิ่งเดียวที่เยียวยาเรา
ระหว่างรอรถ บขส 18.20
เคียงกัน 在 Two Popetorn Facebook 的最佳貼文
ดีใจที่ได้เจอทุกคนน้า ❤️ #motorshow2016#Hyundaithailand#H1#เคียงกัน
เคียงกัน 在 Bird Thongchai Youtube 的最佳解答
วันของเรา - เบิร์ด ธงไชย อัลบั้ม สบาย สบาย
ถึงวันที่เรา ใฝ่และฝัน
ถึงวันที่เราจะเดิน ด้วยกัน
มองที่ตา เราต่างก็รู้ใจกัน
จะฝ่าฟัน สู่วัน ของเรา
ทุกข์ภัยที่เจอจะหนักดั่งภูเขา
สองเราไม่เคยมีใจ ไหวหวั่น
เราสองคน จะสุขจะทุกข์ เคียงกัน
มีฉัน ก็ต้องมีเธอ
พร้อมจะอดทน เราพร้อมใจเดินตากฝน
พร้อมผจญ เดินฝ่าลม พายุร้าย
แม้วันที่เราจะเหนื่อย เพียงไหน
สองมือก็จูงกันไป ไม่หวั่น
ใจสองเรา ไปสู่จุดหมายเดียวกัน
มีฉัน ก็ต้องมีเธอ
จะอดทน
เราพร้อมใจเดินตากฝน
พร้อมผจญ เดินฝ่าลม พายุร้าย
ทุกข์ภัยที่เจอจะหนักดั่งภูเขา
สองเราไม่เคยมีใจ ไหวหวั่น
เราสองคน จะสุขจะทุกข์ เคียงกัน
ฝ่าฟัน สู่วัน ของเรา
แม้วันที่เราจะเหนื่อย เพียงไหน
สองมือก็จูงกันไป ไม่หวั่น
ใจสองใจ ไปสู่จุดหมาย เดียวกัน
มีฉันก็ต้องมีเธอ
แม้วันที่เราจะเหนื่อยเพียงไหน
สองมือก็จูงกันไป ไม่หวั่น
ถึงวันที่เรา ใฝ่และฝัน
ถึงวันที่เราจะเดินด้วยกัน ตลอดไป