1. การค้นหาตัวเองก็เหมือนการชิมอาหาร ถ้าคุณไม่เคยลองชิมอาหารอะไรเลย คุณจะรู้ไหมว่า เมนูไหน คือ ของโปรดคุณ เช่นกัน ถ้าคุณไม่ลองลงมือทำ คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองชอบ
.
การค้นหาตัวเองจึงไม่ใช่การคิดวกไปวนมา แต่คือการ ทดลอง และ ลงมือทำ อะไรหลายอย่าง จนกว่าจะหามันเจอ
.
2. มรดกที่มีคุณค่ามากที่สุด ไม่ใช่ทรัพย์สิน แต่คือ ความคิด เพราะต่อให้ได้รับมรดกเป็น ทรัพย์สิน มาเป็นล้าน แต่ขาด มรดกทางความคิด ซึ่งเปรียบเสมือนคู่มือการใช้งาน อีกไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเป็น ศูนย์ อยู่ดี
.
แต่ถ้ามรดกที่ได้รับมาเป็นความคิด ต่อให้ได้รับทรัพย์สินมามูลค่าเป็น สูนย์ มันก็ยังสามารถนำไปสร้างทรัพย์สิน ให้กลับมาเป็นล้านได้
.
3. การไม่มีใบปริญญา อาจไม่ได้ทำให้ทุกอย่างยาก แต่ความคิดที่ว่า ถ้าไม่มีใบปริญญา ชิวิตนี้คงจะทำอะไรไม่ได้ต่างหาก ที่ทำให้ทุกอย่างยาก และ ทำให้คนติดกับดัก จนไม่ลงมือทำอะไรเลย
.
4. ใบปริญญา คือ สิ่งที่บอกว่าคุณเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้บอกว่า คุณจบการศึกษา เพราะการศึกษาต้องทำไปตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเป็นเพียงอนุบาลชีวิตเท่านั้น แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก คือ ของจริง
.
5. คุณไม่สามารถทำเงิน “แสน” ด้วยวิธีการเดียวกับตอนทำเงิน “หมื่น” และ คุณก็ไม่สามารถทำเงิน “ล้าน” ด้วยวิธีการเดียวกับตอนทำเงิน “แสน” ได้
.
เพราะสิ่งที่ทำให้คุณมาถึง “จุดที่ยืนอยู่” จะไม่สามารถพาคุณก้าวไปถึง “จุดที่คุณต้องการ” ได้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีชีวิตที่ “ก้าวหน้า” กว่าที่เป็นอยู่ ก็จงเปลี่ยนแปลงตัวเอง และ มองหาวิธีการทำเงินใหม่ๆ อยู่เสมอ
.
6. ความรู้ทางการเงิน คือ สิ่งที่คุณต้องมี ถึงจะรวยได้ ไม่ใช่คิดว่ารอให้รวยก่อนถึงค่อยหาความรู้ทางการเงิน เพราะสิ่งที่จะตัดสินว่าคุณจะเป็นคนรวยหรือคนจน ก็คือ ความรู้ทางการเงิน นี่แหละ
.
7. ถ้าถามว่าทำไมต้องมี เงินเก็บ ก็เพราะการมีเงินเก็บ จะทำให้คุณมี วิสัยทัศน์ มากขึ้น มองได้ไกลขึ้น ว่าเดือนหน้า ปีหน้า คุณจะทำอะไรบ้าง เพื่อพัฒนาชีวิตของตัวเอง
.
แต่ถ้าคุณไม่มีเงินเงินเก็บเลย ความคิดของคุณจะอยู่แค่ วันนี้ จะกินอะไร พรุ่งนี้ จะทำอย่างไรให้ตัวเองยังอยู่รอดได้ก็เท่านั้น ไม่ไกลไปจากนี้
.
8. เงินก็เหมือนเกม ถ้าเรารู้กติกา และ เล่นเป็น เราก็จะเป็นผู้ชนะในสนามการเงิน แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องมีความรู้ทางการเงิน เพราะไม่มีใครทำเงินได้เกินขอบเขตความรู้ของตัวเอง
.
9. การขาย คือ ทักษะแห่งการสร้างเนื้อสร้างตัว ถ้าอยากจะมีรายได้มากขึ้น จงฝึกฝนทักษะการขายเป็นสิ่งแรก เพราะถ้าวันนี้คุณยังกลัว และ ปฏิเสธการขาย ก็ไม่ต่างอะไรกับการปฎิเสธรายได้ที่จะเข้ามาหาตัวเอง
.
10. เรากำลังอยู่ในยุคที่ ทักษะการเขียน มีผลต่อปากท้อง คนที่เขียนขาย เขียนเรซูเม่ เขียนคอนเทนต์ ได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสทำเงินได้มากกว่า ดังนั้น ใครที่ยังไม่เริ่มฝึก ทักษะการเขียน ตั้งแต่วันนี้ ระวังจะกลายเป็นคน ไส้แห้ง โดยไม่รู้ตัว
.
11. ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ให้ใช้ “หูฟัง” ก่อนใช้ “ปากพูด” เสมอ เพราะการฟัง คือ กำไร แต่ถ้าเอาแต่พูด มันมีแต่ เสมอตัว กับ ขาดทุน
.
12. สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สำเร็จ เพราะเก่งแต่ตอนตั้ง “เป้าหมาย” แต่ไม่ได้คิดถึง “กระบวนการ” ในการเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก เพราะการตั้งเป้าหมายแบบไม่มี กระบวนการ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่อยากทำอาหาร แต่ไม่รู้จัก ขั้นตอน
.
13. อย่าอ้างว่าไม่มีทางทำอะไรสำเร็จ เพราะไม่มี คอนเนกชั่น ถ้าคุณยังทำตัวไม่คู่ควรกับมัน เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงเอาตัวเองไป คอนเนก กับคนที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะได้อะไร ก็ต้องทำตัวให้คู่ควรกับมันเสียก่อน
.
14. สิ่งที่คุณควรลงทุนเป็นอันดับแรก คือ สมอง เพราะถ้าสมองมีมูลค่า 1 ล้าน ต่อให้เหลือเงิน 1 บาทก็หาทางทำให้เงินกลับมาเป็น 1 ล้านได้ แต่ถ้าสมองมีมูลค่า 1 บาท ต่อให้ถูกหวย 1 ล้าน สุดท้ายก็จะทำมันสลายจนเหลือ 1 บาท อยู่ดี
.
15.ในช่วงเริ่มต้นของวัยทำงาน อย่ามองผลตอบแทนแค่มูลค่าของ เงิน ที่ได้รับ เพราะผลตอบแทนสามารถมาในรูปแบบของ ความรู้ คอนเนกชั่น โอกาส และ ประสบการณ์ ได้เหมือนกัน ตัวแปรสำคัญ 4 อย่างนี้แหละ ที่จะทำให้สามารถ ทำเงิน ได้อย่างมหาศาลในอนาคต
.
16. ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วแบบนี้ การมีทักษะการทำงานแบบตัว T ถือว่าดีที่สุด คือ รู้ลึกหรือเชี่ยวชาญอะไรสักด้าน ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรู้กว้างเหมือนเป็ดในด้านอื่นๆ ด้วย เพราะการรู้กว้างจะทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนไปทำสิ่งใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่มีอาชีพเกิดใหม่ทุกวันแบบนี้ การเป็นเป็ดอาจประสบความสำเร็จได้มากกว่า
.
17. คนเราเก่งอย่างเดียวไม่พอ มันต้องอยู่ให้ถูกที่ด้วย โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อม คนรอบข้าง ซึ่งมีผลต่ออนาคตของเรามาก ดังนั้น จงเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของเราให้มากที่สุด เพราะโอกาสไม่มีขา เดินมาหาเราไม่ได้
.
18. คำว่า ไม่มีเวลา ไม่มีอยู่จริง เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่ มี หรือ ไม่มีเวลา หรอก แต่อยู่ที่ ใช้ หรือ ไม่ใช้เวลาต่างหาก ถ้ารู้สึกว่าไม่มีเวลาพัฒนาตัวเอง ลองนั่งนิ่งๆ แล้วมองย้อนกลับไป ว่าในแต่ละวันเราใช้เวลาอย่างไร้ค่าไปกับอะไรบ้าง ถ้าคุณกล้าหาญพอที่จะตัดมันออกได้ คุณจะได้เวลากลับมาอย่างมหาศาลเลย
.
19. ธุรกิจ เริ่มต้นจากนิสัยการใช้เงินของเรา ว่าจะเลือกใช้เงินที่มีไปกับ “การบริโภค” หรือ “การลงทุน” การลงทุนในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าต้องไปซื้อหุ้น หรือ อสังหาฯ แต่คือการลงทุนกับอะไรก็ได้ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนกลับมา เช่น การลงทุนกับ ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ แล้วนำสิ่งเหล่านี้ไป เรียนรู้ พัฒนา และ ทำเงิน ต่อไป
.
20. การได้ทำงานที่ชอบ จะทำให้เราสามารถดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนได้เองโดยไม่งัวเงีย เพราะงานจะไม่ใช่แค่งาน แต่จะกลายเป็น ความหมายของชีวิต และ ทำให้รู้สึกราวกับว่าเราไม่ได้ทำงานอีกเลยตลอดชีวิต
.
21. กฎเหล็ก ของการทำธุรกิจ คือ ห้ามเอาเงินออกมาใช้ส่วนตัว ถ้าเริ่มทำครั้งแรก ครั้งที่สอง สาม สี่ ก็จะตามมา จนสุดท้ายจะกลายเป็น กฎเล็ก ที่แม้แต่คนขายดี ก็ทำให้ “เจ๊ง” ได้
.
22. การทำธุรกิจกับตำแหน่ง “ผู้นำ” มักจะมาคู่กันเสมอ แต่คุณจะมีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงเหมือนชื่อตำแหน่งที่ได้มาหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง และสิ่งหนึ่งที่จะเป็นเครื่องยืนยันความเป็นผู้นำในตัวของคุณได้ก็คือ การไม่ทำผิดนิยามของความเป็นผู้นำ ด้วยการ “สังเวยคนของตัวเอง” เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
.
23. ปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ คือ ความเชื่อใจ ของคนในทีม เพราะถ้าคนในทีมรู้สึกระแวงต่อกัน หรือ ระแวงหัวหน้างาน ทุกคนก็ต้องใช้เวลาและพลังงานไปกับการปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกมองไม่ดี หรือ โดนไล่ออก
.
ฉะนั้น การทำธุรกิจไม่ใช่แค่มีเงินทุนหรือความสามารถในการจ้างคนเก่งๆ เท่านั้น แต่คุณในฐานะผู้นำจะต้องสร้าง สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และ ความไว้วางใจ ที่ทุกคนมีต่อกันให้ได้ด้วย
.
24. ถ้าอยากทำธุรกิจ ต้องตั้งเป้าหมายว่าอยากทำธุรกิจตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจสมัครงาน เพราะถ้าเราตั้งใจแค่จะไปทำงาน เราจะโฟกัสแค่งานตรงหน้า แต่ถ้าตั้งใจจะทำธุรกิจ สายตาของเราจะกว้างขึ้น และ พยายามเรียนรู้งานทุกอย่าง ศึกษาวิธีการทำงานทุกแผนก และ สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจที่เราอยากทำในอนาคตได้
.
25. การทำงานประจำ กับ การทำธุรกิจ มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การทำงานประจำ คุณเก่งแค่งานของตัวเองก็เพียงพอ แต่การทำธุรกิจคุณอาจจะไม่ต้องเก่งที่สุดในทุกงาน แต่คุณต้องรู้ว่างานทุกอย่างมันทำงานอย่างไร
.
26. การทำงานประจำจะทำให้คุณเข้าใจมุมมองของพนักงานที่มีต่อองค์กรและหัวหน้ามากขึ้น ว่าหัวหน้าแบบไหนคือแบบอย่างที่ดี แบบไหนคือคนที่ถ่วงความเจริญขององค์กร เวลาไปทำธุรกิจจริง อะไรที่เราไม่ชอบ หรือ เห็นว่าไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจเติบโต จะได้ไม่ทำ
.
27. การทำงานในองค์กรขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูงแบบสตาร์ตอัพจะมีข้อดีในการเรียนรู้ระบบธุรกิจได้มากกว่าองค์กรขนาดใหญ่ เพราะการทำงานแบบทีมเล็ก คุณจะมีโอกาสได้ทำงานทุกอย่างเกือบทุกแผนก
.
28. อีกข้อดีของการทำงานในองค์กรขนาดเล็ก คือ จะมีข้อจำกัดเรื่องเงินทุน เวลาจะออกสินค้าหรือบริการแต่ละอย่าง เราจะได้เรียนรู้วิธีการพลิกแพลงค่อนข้างเยอะ ซึ่งสอดคล้องกับคนส่วนใหญ่ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจแต่ไม่มีเงินทุนมากมายนัก
.
29. คอนเนกชั่น กับ การทำธุรกิจเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ งานประจำจึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเริ่มเก็บคอนเนกชั่น
.
30. แต่ก็อย่าหลงตัวเองมากเกินไป เพราะถึงแม้คุณจะได้คอนเนกชั่นจากงานประจำมา ก็ใช่ว่าจะเอามาใช้ในธุรกิจได้เสมอไป เพราะตอนทำงานประจำคุณสวมหมวกบริษัทคุยกับเขา แต่พอมาทำธุรกิจคุณกำลังสวมหมวกอีกใบ ดังนั้น แค่คุณรู้จักเขาไม่ถือว่าเป็นคอนเนกชั่น เพราะคอนเนกชั่นที่แท้จริง คือ คุณต้องเป็นที่รู้จัก และ เป็นที่ยอมรับในฝีมือ ของผู้อื่นต่างหาก
.
31. การสังสรรค์ คือ สิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ออฟฟิศมาอย่างช้านาน แต่ถ้าคุณมีเเป้าหมายอยากทำธุรกิจ ก็ควรเลือกที่จะสังสรรค์ให้ดี เพราะถ้าคุณ “สังสรรค์แบบไม่สร้างสรรค์” พูดง่ายๆ คือ สังสรรค์ไปทั่วคุณจะหลุดโฟกัสได้ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากไปฟังเพื่อนร่วมงานบ่นเจ้านาย แต่ถ้าคุณ เลือกที่ ”จะสังสรรค์แบบสร้างสรรค์” คือ ไปร่วมงานทีไรได้อะไรกลับมาทุกที ซึ่งอาจจะเป็นการสังสรรค์กับเพื่อนที่มีทัศนคติที่ดี มีเป้าหมายคล้ายกัน หรือ อาจจะเป็นกับคนในระดับผู้บริหาร คุณจะพบเลยว่าบทสนทนาที่ออกจากปากของแต่ละคนนั่นมีมูลค่ามากๆ
.
32. ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเอง “ไม่มีเงินทุน” จะเริ่มต้นธุรกิจ คุณจะมองเห็นแค่วิธีเริ่มต้นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุน แต่ถ้าเปลี่ยน “วิธีคิด” เป็นมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เริ่มธุรกิจได้โดย “ไม่ต้องใช้เงินทุน” คุณจะมองเห็น “วิธีพลิกแพลง” ในการเริ่มต้นธุรกิจโดยใช้ “ทรัพยากร” ที่คุณมีอยู่แล้ว ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องใช้ “เงินทุน” เลย
.
33. ออนไลน์ คือ ทรัพย์สินตัวใหม่ ที่เรียกกันว่าทรัพย์สินดิจิทัล ซึ่งก็เหมือนกับ ที่ดิน หรือ อสังหาฯ ที่สมัยก่อนไม่ได้มีราคาแพงนัก แต่เมื่อมีคนเข้ามาเดินผ่านไปผ่านมา มีคนเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย เข้ามาทำงาน ที่ดิน และ อสังหาฯ ก็เริ่มราคาสูงขึ้น ช่องทางออนไลน์ อย่าง เพจ เว็บไซต์ ก็เช่นกัน ตอนนี้มันอาจจะไม่มีมูลค่ามาก และคุณสามารถเป็นเจ้าของได้ฟรี แต่ถ้าคุณสามารถทำให้คนเข้ามาเดินผ่านมากขึ้น มีผู้ติดตามมากขึ้นได้ มันจะเป็นทรัพย์สินที่จะทำเงิน สร้างคอนเนกชั่น และ ใช้ต่อรองทางธุรกิจให้กับคุณได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
.
34. ถ้าคุณยังมีรายได้ทางเดียว ให้เพิ่มช่องทางรายได้จาก งานเสริม แล้วทุ่มเทกับมันให้เท่ากับ งานประจำ เพราะสักวันมันอาจกลายเป็นงานหลักที่ดีกว่างานเดิม
.
35. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ชอบความเสี่ยง เพราะงานวิจัยระบุว่า คนที่ทำธุรกิจควบคู่กับประจำ มีโอกาสล้มเหลวน้อยกว่า คนที่ลาออกมาทำเต็มตัวถึง 33% เพราะคนเรา “เมื่อท้องอิ่ม ก็จะเห็นงานอาร์ต” เมื่อเราพอมีเงินเดือนจากงานประจำใช้เลี้ยงชีพอยู่ เราจะทำทุกอย่างด้วยใจ ไม่เร่งรีบออกสินค้าเกินไป ไม่ขายของยัดเยียดให้ลูกค้า ทำให้ทุกอย่างออกมามีคุณภาพ และ ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่า
.
36. เวลาจะเริ่มต้นธุรกิจ อย่าเอาเงินไปซื้อของมาก่อน แล้วค่อยหาลูกค้า แต่ให้หาลูกค้าก่อน ลองเอาของมาโพสต์ทดสอบตลาดว่ามีคนซื้อไหม ถ้ามีคนซื้อก็ค่อยจ่ายเงินซื้อสินค้ามาขายทีหลัง ถ้าลูกค้าทักมาแล้วไม่มีของจะขายก็บอกลูกค้าไปก่อนว่าของหมด ถึงแม้เราจะไม่ได้ขาย แต่เราก็รู้แล้วว่าของแบบไหนขายได้ ของแบบไหนที่ลูกค้าชอบบ้าง จะได้เลือกสินค้า และ วางแผนถูกต้อง เพราะการมีคนซื้อแต่ไม่มีของ มันยังดีกว่าการมีของแต่ไม่มีคนซื้อ
.
37. อย่ารอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้วถึงจะลงมือทำ แต่จงลงมือทำ ทั้งที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะเมื่อเราเริ่มทำสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นจะนำพาเราไปพบกับ ผู้คนใหม่ๆ แล้วผู้คนใหม่ๆ ก็จะนำโอกาสใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตเราเอง แต่หากไม่ยอมเริ่มต้นจุดแรกเสียที ก็ไม่มีทางเลยที่จะมองเห็นจุดต่อไป
.
38. สิ่งที่เลวร้ายกว่าการเริ่มต้นธุรกิจ แล้วโดน คนอื่นปฏิเสธ คือ การโดนคำปฏิเสธ ในใจของตัวเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย
.
39. การออกมาทำธุรกิจ ไม่ได้มีเวลามากกว่าทำงานประจำ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกัน คือ คนทำธุรกิจสามารถยืดหยุ่นและจัดการเวลาของตัวเองได้ เพื่อที่จะได้ทำงานที่สำคัญ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม จึงสามารถใช้เวลาที่มีทุกนาทีได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ
.
40. "ความสำเร็จ" ไม่ได้วัดจากจำนวนเงินที่ทำให้เราสามารถกินข้าวกับไข่ปลาคาเวียร์มื้อละหมื่นบนโต๊ะอาหารสุดหรู แต่การได้กินข้าวต้มปลาเค็มบนโต๊ะอาหารกับครอบครัวโดยที่ตัวเราไม่ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างหาก คือ ความสำเร็จ
.
.
หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ หนังสือที่ถ่ายทอดเทคนิคจากประสบการณ์จริงของเจ้าของเพจสมองไหลที่เริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ โดยทำเป็นงานเสริมควบคู่กับงานประจำ
.
แต่ในขณะเดียวกันก็นำความรู้จากงานประจำมาใช้เสริมสร้างธุรกิจจนเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนรายได้แซงงานประจำ 6 เท่า ก่อนจะตัดสินใจลาออกหลังจากทำงานประจำไปได้เพียง 1 ปี
.
ใครอยากจะสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยใช้ต้นทุนจากงานประจำ สามารถนำวิธีของสมองไหลไปใช้ได้ง่ายๆ เพียงสั่งซื้อ หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ
.
วิธีการสั่งซื้อ
.
1.กดลิงก์ https://m.me/139971470015828?ref=sale_8wje9NxA
.
2.กด “สั่งซื้อ”
.
3.เลือก “จำนวน” และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”
.
จากนั้น ชำระเงิน ตามเลขบัญชีที่ให้ไว้ใน Inbox
.
ราคา 295 บาท (รวมค่าส่งแล้ว)
同時也有73部Youtube影片,追蹤數超過131萬的網紅ืNANAKE555,也在其Youtube影片中提到,[Live] #คุยต้องรวย EP.19 (17 มิถุนายน 2564)...
「เงินเก็บ」的推薦目錄:
- 關於เงินเก็บ 在 สมองไหล Facebook 的最讚貼文
- 關於เงินเก็บ 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
- 關於เงินเก็บ 在 บัญชีอย่างง่าย เพื่อเจ้าของกิจการ Facebook 的最佳貼文
- 關於เงินเก็บ 在 ืNANAKE555 Youtube 的最佳貼文
- 關於เงินเก็บ 在 ืNANAKE555 Youtube 的精選貼文
- 關於เงินเก็บ 在 ืNANAKE555 Youtube 的最佳解答
- 關於เงินเก็บ 在 SET Thailand - >> ทำงานมานาน ทำไมถึงไม่มีเงินเก็บ? ลองสำรวจ ... 的評價
เงินเก็บ 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
ชวนอ่านกันใน Blockdit ครับผม
เวลาที่เรารู้สึกไม่มั่นใจ ไม่กล้าปล่อยมือจากฐานที่มั่นเดิมอาจเป็นเพราะเรายังไม่มี ‘ตาข่ายนิรภัย’ สำหรับรองรับไว้หากร่วงหล่น เราจำเป็นต้องมีเบาะนุ่มๆ เอาไว้หากตัดสินใจปล่อยมือจากของเดิมแล้วพลาดตกลงมา สิ่งนั้นอาจเป็นต้นทุนที่ตุนไว้ เงินเก็บ สายสัมพันธ์ หรือความสามารถที่มากพอ เพื่อยืนยันว่าถ้าพลาดก็ไม่ตาย
เราอาจต้องฝึกฝนสิ่งนั้นจนชำนาญ หากเป็นการงานก็คือทักษะฝีมือ หากเป็นเรื่องความรู้สึกก็คือฝึกฝนจิตใจให้มั่นคง ถ้าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นก็สามารถประคองจิตใจให้ไม่ไหวติงหรือสั่นสะเทือนไม่มากจนเสียศูนย์ และกลับมาหยัดยืนได้ในไม่ช้า
สุดท้าย, เราต้องการมิตรภาพที่วางไว้ได้ หากมีเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่พร้อมสนับสนุน ดูแล และโอบกอดกัน ราวกับมือที่มั่นใจได้ว่าถ้าลอยอยู่กลางอากาศแล้วมือนี้จะคว้าเราอย่างมั่นคง เชื่อใจกันและกัน
หากมีทั้งสามสิ่งนี้เราย่อมมีความกล้าหาญในหัวใจเพิ่มมากขึ้น มั่นใจที่จะโยนตัวออกจากสิ่งเดิมเพื่อทะยานสู่ความว่างเปล่ากลางอากาศ โดยไม่รู้ว่าสิ่งใหม่จะเป็นอย่างไร เราจะทำสำเร็จหรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามีคนที่ปรารถนาดีคอยดูแลเรา และมีความปลอดภัยบางอย่างคอยรองรับไว้
ความกล้าหาญเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อต้องการเปลี่ยนแปลง กระนั้น การเตรียมตัวที่ดีก่อนโยนตัวจากสิ่งเก่าไปสู่สิ่งใหม่ก็สำคัญเช่นกัน
(อ่านเต็มๆ คลิกที่รูปภาพเลยครับ)
เงินเก็บ 在 บัญชีอย่างง่าย เพื่อเจ้าของกิจการ Facebook 的最佳貼文
เนื่องในวันครบรอบวันเกิดปีนี้
ตั้งใจแบ่งปันข้อคิดที่ได้จากการทำธุรกิจ
ชอบข้อไหน ฝากพิมพ์เล่าให้ฟังด้วยนะคะ ^^
ข้อ 1 อ่านรายงาน ด้านตัวเลข ประจำ
ตั้งระบบภายใน มีโปรแกรม มีทีมงานทำตามระบบที่วางไว้ เพื่อออกข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นให้เราพิจารณา ให้ทันต่อเวลาที่สุด
ทุกวัน :
1. รายได้เท่าไหร่
2. จ่ายค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
3. Stock เหลือเท่าไหร่
ทุกสัปดาห์ :
1. รายได้ในสัปดาห์ เทียบกับที่วางแผน
2. ดูรายละเอียดการเบิกจ่าย
3. ดูเรื่องการจัดซื้อสินค้า
4. ประชุมการตลาด เรื่องการใช้งบโฆษณา
ทุกเดือน :
1. กำไรขาดทุน
2. ลูกหนี้ เจ้าหนี้คงเหลือ
3. ประมาณการเงินสดในเดือนหน้า
4. แยก stock เป็น 3 หมวด หมุนเร็ว หมุนช้า ไม่เคลื่อนไหว
5. ประชุมทีมขาย และการตลาด เรื่องตั้งยอดขาย
6. ดู ROI , Payback Period ของกิจการต่างๆที่ลงทุนไว้
อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของที่ครูอัสทำ
ขอให้ทุกท่านค่อยๆ วางระบบนะคะ
หากทำได้ คุณจะทำงานที่ไหนก็ได้
คุณคุมงานจากทางไกล ดูผ่านระบบได้เลย
#ข้อคิด รีบเห็นตัวเลขที่สำคัญ หากเจอปัญหาที่ต้องแก้ไขจะได้แก้ทันเวลา
-------------------------------------
ข้อ 2. รักษาพื้นที่กำไร
หลายท่าน อาจจะคิดกำไรตอนวันที่จะลงทุน หรือวันที่จะเลือกสินค้ามาขาย พอคำนวณ ณ วันนั้น มีกำไรในอัตราที่พอใจ ก็ตัดสินใจเดินหน้า
คำถามคือ แล้วหลังจากนั้น เฝ้าดูอย่างใกล้ชิดหรือไม่
ในระหว่างทาง มีรายจ่ายแฝงไหม มีข้อผิดพลาดของสินค้าไหม มีต้นทุนส่วนไหนที่เพิ่ม จนทำให้มาเบียดกำไรให้น้อยลงหรือป่าว
หรือ เราเพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อความสะดวกสบายของเรามากไปไหม เช่น งานเริ่มเยอะต้องเพิ่มคน ต้องมีเลขา ไม่อยากตรวจงานเอง ต้องจ้างคนตรวจเพิ่ม เมื่อก่อนคิดออกแบบกราฟฟิกเอง ตอนนี้อยากลดงานลง จ้างทีมงานมาเพิ่มแทนเราหลายคน
ประเด็นคือ ถ้ารายได้โตขึ้นมาก มากพอและครอบครุมค่าใช้จ่ายได้ ก็ไม่เป็นไร
สิ่งที่ทำเสมอคือ รักษาพื้นที่กำไรไว้
พิจารณาว่าในแต่ละเดือนสัดส่วนกำไรบรรทัดสุดท้าย ยังอยู่ใน % ที่เราวางแผนไว้หรือป่าว มีรายจ่ายอันไหนที่สูงเกินกว่าที่ตั้งหรือป่าว ระดับสินค้าคงเหลือยังอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่
#ข้อคิด เพราะเราลงทุนทั้งเงินเรา ทั้งเงินกู้ ทั้งแรงกาย แรงใจ กำไรที่ต้องรักษาไว้ ก็เพื่อชดเชยการลงทุน คืนเจ้าหนี้ และให้เรามีกินใช้ในครอบครัว
-------------------------------------
ข้อ 3 : อาจไม่มากมาย แต่มากพอกับการเริ่มต้น
15 ปีที่แล้วครูอัสเริ่มธุรกิจแรก ด้วยเงินไม่เกิน 30,000 เมื่อมีเท่านี้ก็ต้องหาธุรกิจที่พอเริ่มทำได้ เน้นใช้แรงเป็นทุน ใช้ปัญญาความรู้ เป็นอาวุธ ทำอะไรได้ทำก่อนไม่รอว่าต้องมีพร้อมในทุกเรื่อง
ลองก้าวข้ามข้อจำกัดเฉพาะหน้า บางครั้งการเริ่มต้น ต้องเริ่มเลยอย่างรอให้ทุกอย่างพร้อม
ลดขนาดธุรกิจให้พอดีกับการเริ่มต้น
อยากเปิดโรงเรียนกวดวิชา แต่ไม่มีเงินมากพอ ก็เริ่มจากนั่งรถไปสอนตามมหาลัยฯ ผ่านไป 1 ปีเก็บเงินเปิดห้องสอนใต้อพาร์ทเม้น และขยายเป็นโรงเรียนได้ภายใน 2 ปี
อยากสอนเป็น vdo ลง youtube แต่ไม่มีห้องถ่ายไม่มีทีม ก็ไปนั่งเรียนฟรี และซื้อกล้องมือสองมาถ่ายเอง วิ่งมากดกล้อง วิ่งไปถ่าย ไฟไม่มี มืดบ้าง สว่างบ้าง เอาไปตัดต่อเอง ผ่านมา 8 ปี ครูอัสทำ vdo มามากกว่า 2,000 คลิป และตอนนี้คุมทีมถ่ายทำและคุมทีมตัดต่อด้วยตัวเอง
อยากซื้อของมาขาย แต่เงินไม่ค่อยมี ก็ดูรอบบัตรเครดิต ซื้อหลังวันตัดรอบบัตร และเอามาขายสด เก็บเงินก่อน จ่ายที่หลัง จนวันนี้ขายออนไลน์สินค้าด้านกีฬา เติบโต 2,000% ใน 2 ปี
อยากเปิดร้านอาหาร แต่ทำไม่ได้ เพราะต้องใช้เงินหลายแสน ลองเริ่มจากครัวหลังบ้านก่อน ทำส่ง จนวันนี้เปิดร้านอาหาร จำนวน 300 ที่นั่ง
เล่าเป็นตัวอย่าง เผื่อเป็นกำลังใจผู้ที่กำลังเริ่มต้น
ตอนเริ่มต้นแหล่งเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญ
ต้องบริหารให้ดี ว่าจะเป็นเงินจากตัวเราเจ้าของ หรือ จากเจ้าหนี้ เพราะผลตอนแทน และรูปแบบการจ่ายคืนไม่เท่ากัน
#ข้อคิด เริ่มต้นในขนาดที่พอดี และควรเริ่มให้ไว เพราะถ้าช้าแค่วันเดียว คนอื่นทำแซงหน้าไปแล้ว
-------------------------------------
ข้อ 4. เงินบริษัท เงินเจ้าของ คนละกระเป๋า
ข้อคิดนี้ฝากไว้เล็กน้อย หากคุณทำความเข้าใจ เพื่อแยกเงิน 2 ก้อนนี้ได้ เงินบริษัท vs เงินเจ้าของ ระบบการเงินของคุณจะเรียบร้อยขึ้น
เงินบริษัท เกิดจากรายได้ และเงินนี้รอจ่ายพวกต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ หากเหลือก็เป็นกำไร เอากำไรไปทำทุนต่อ หรือตัดให้เจ้าของ
ประเด็นคือ เจ้าของกำหนดผลตอบแทนตนเองอย่างไร รับเงินเดือน ค่าเช่า หรือปันผล แบบนี้ก็จะถูกต้องตามระบบบัญชี จ่ายภาษีถูกต้อง
แต่ถ้าดึงออกมาก่อน เอามาใช้ส่วนตัวก่อน เรื่องนี้ก็ต้องมาเครียร์ภาษีภายหลัง เพราะถือเป็นการยืมเงินกัน หรือเป็นรายได้ย้อนหลัง
ลองพยายามจัดสรรให้เป็นระบบ
เงินฉัน เงินร้าน เงินบริษัท ก็ก้อนเดียวกัน
หากมองรวมๆ ก็ถือว่าใช่..ถูกต้อง
แต่ถ้าเราฝึกที่จะปนกันไปเรื่อยๆ สุดท้ายจะงง
ว่าจริงๆ เงินสด เงินกู้บ้าน กู้ส่วนตัว กู้ซื้อรถ
กู้มาทำธุรกิจ เงินเก็บ ปนกันหมด จะแยกยาก
#ข้อคิด ครูอัสเข็ดเรื่องนี้ ปนกันจนงง ใช้ผิดใช้ถูก ตอนนี้จัดทุกอย่างเป็นระเบียบ เป็นกำลังใจให้นะคะ
-------------------------------------
ข้อ 5 เงินสด = ลมหายใจธุรกิจ
การบริหารหารเงินสด เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ ออกจากงานประจำมาทำธุรกิจตอนอายุ 22 ตลอด 15 ปี สิ่งที่ท่องไว้ในใจ คิดไว้ในหัวตลอดเวลาคือ
"เดือนนี้ เก็บเงินสด ได้เท่าไหร่"
"หักค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือเท่าไหร่"
"มีใช้ส่วนตัวได้เท่าไหร่"
ตั้งเป้าว่าเงินเก็บต้องเพิ่มขึ้นทุกเดือน
มีคติประจำใจ ไว้ว่า
"ทำมา หาเก็บ"
เก็บเอาไว้เป็นเงินสำรองของตนเอง และครอบครัว เก็บเอาไว้ลงทุน เก็บเอาไว้ซื้อทรัพย์สิน
#ข้อคิด เมื่อเราตั้งเป้าหมาย ว่าจะหาเก็บ เราจะหาได้มากกว่าที่ต้องใช้เริ่มจากการตั้งเป้าหมายเงินเก็บดูนะคะ ขอครูอัสก็เริ่มที่ละเล็กทีละน้อย
-------------------------------------
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า 5 ข้อคิด ของครูอัส
ที่นำมาเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ขอบคุณที่ติดตามแฟนเพจ นะคะ
ขอให้ทุกท่าน
มีความสุข สมหวัง แข็งแรง ร่ำรวย มั่นคง
รักและเป็นกำลังใจให้เสมอ
ครูอัส
6.7.2564
เงินเก็บ 在 ืNANAKE555 Youtube 的精選貼文
อยากลงทุนแต่มีเงินอย่างเดียว ระวังจะกลายเป็น"แมลงเม่า"
เงินเก็บ 在 ืNANAKE555 Youtube 的最佳解答
เรื่องการเงินยิ่งรู้ไว ยิ่งได้เปรียบ !!!
เงินเก็บ 在 SET Thailand - >> ทำงานมานาน ทำไมถึงไม่มีเงินเก็บ? ลองสำรวจ ... 的推薦與評價
ถ้าคุณเพิ่งก้าวเข้าสู่ชีวิตมนุษย์ทำงานแค่ไม่กี่เดือน แบบว่าทำงานยังไม่ถึงครึ่งปีเลยด้วยซ้ำ เงินเก็บมีไม่ถึงแสนก็คงไม่ใช่เรื่องน่าวิตกอะไร เพราะคุณเพิ่งมีงานทำ ... ... <看更多>