3D Printing จะพลิกโฉม วิธีสร้างบ้านในอนาคต อย่างไร /โดย ลงทุนแมน
ปกติแล้วการก่อสร้างบ้านขึ้นมาสักหลัง ด้วยวิธีอย่างการก่ออิฐฉาบปูนที่นิยมกันในปัจจุบัน
ก็ต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน หรือนับปี กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ให้ใช้อยู่อาศัยได้จริง
แต่จะดีแค่ไหน ถ้าบ้านที่เราอยากได้ สามารถสร้างได้รวดเร็วทันใจภายในไม่กี่สัปดาห์
โดยเฉพาะขั้นตอนการขึ้นรูปโครงสร้าง สามารถสร้างเสร็จในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้ว ในการก่อสร้างด้วยวิธี 3D Printing
ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกับการพิมพ์สิ่งของทั้งชิ้นได้ภายในขั้นตอนเดียว
แล้ว 3D Printing จะเข้ามาพลิกโฉมวิธีสร้างบ้านได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จริง ๆ แล้ว 3D Printing หรือการพิมพ์ขึ้นรูปวัตถุแบบ 3 มิติ เริ่มทดลองใช้โดยนักประดิษฐ์ชาวญี่ปุ่นชื่อ Hideo Kodama ในช่วงต้นทศวรรษ 1980
โดยมีการนำเครื่องจักรพิมพ์วัสดุให้ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ และเร่งการคงรูปด้วยแสงอัลตราไวโอเลต
เพื่อประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
แต่แนวคิดนี้ก็มีนักประดิษฐ์และวิศวกรมากมาย ได้นำไปพัฒนาต่อยอด
จนกระทั่งสำเร็จจริง โดยบริษัท 3D Systems Corporation ในปี 1984
ต่อมาหลายบริษัทได้นำไปเป็นตัวอย่างในการพัฒนาและต่อยอด
จนขั้นตอน 3D Printing มีต้นทุนที่ถูกลง และใช้ขนาดของเครื่องจักรที่กะทัดรัดขึ้น
ผ่านการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เช่น CAD ในการออกแบบ และคำนวณปริมาณของวัสดุที่ต้องใช้
ด้วยความแม่นยำสูงนี้ จึงทำให้ได้วัตถุในขนาดและสัดส่วนตามต้องการจริง ๆ
ซึ่งวัสดุที่ใช้ได้ดีในการพิมพ์ 3D Printing คือ พอลิเมอร์, พลาสติก, โลหะ และวัสดุจำพวกเซรามิก
โดยมักใช้ในการขึ้นรูปวัตถุชิ้นเล็ก ๆ อย่าง ของเล่น หรือชิ้นส่วนขนาดเล็กของเครื่องจักร
ก่อนที่วิธีการแบบ 3D Printing จะเริ่มแพร่หลายในวงการผลิตอื่น ๆ และใช้วัสดุที่หลากหลายขึ้น
เช่น
- วงการการแพทย์
โดยใช้การพิมพ์ 3 มิติในการสร้างอวัยวะเทียมทดแทนสำหรับผู้ผ่าตัด
- วงการอาหาร
เพื่อใช้ในการผลิตอาหารสำเร็จรูปของ NASA สำหรับนักบินอวกาศ โดยสามารถเจาะจงตามโภชนาการของแต่ละคน
- วงการแฟชั่น
โดยสามารถขึ้นรูปรองเท้า เครื่องประดับ กรอบแว่นตา หรือแม้แต่เสื้อผ้าทั้งชุดได้
จนต่อมาได้มีการต่อยอดนำวิธี 3D Printing มาใช้ในการก่อสร้าง
เนื่องจากปัจจุบันการออกแบบและก่อสร้างบ้านจะใช้แบบจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับวิธีนี้ได้ไม่ยาก
ลองมาดูข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพัฒนาการของการก่อสร้างด้วยวิธี 3D Printing กัน
- ปี 2015 ประเทศจีนได้ทำสถิติ สร้างอาคาร 5 ชั้น และบ้านจำนวน 10 หลัง ได้ภายใน 24 ชั่วโมง
เพื่อทดสอบและพิสูจน์ขีดจำกัดที่การก่อสร้างจากวิธี 3D Printing จะสามารถทำได้ในขณะนั้น
- ปี 2019 ที่นครดูไบ ได้เปิดใช้อาคารที่สร้างจากวิธี 3D Printing ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ด้วยขนาดพื้นที่อาคารถึง 6,900 ตารางฟุต เพื่อใช้เป็นสำนักงานเทศบาลท้องถิ่น
โดยใหญ่กว่าบ้านจาก 3D Printing ทั่วไปที่มีขนาดเฉลี่ยที่ 500 ตารางฟุต
- ปี 2021 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ติดตั้งสะพานที่สร้างด้วยวิธี 3D Printing ทั้งชิ้น
ซึ่งผลิตด้วยวัสดุสเตนเลสสตีล โดยถูกออกแบบผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีความละเอียดและแม่นยำสูง
จะเห็นได้ว่า การก่อสร้างด้วยวิธี 3D Printing ยังสามารถต่อยอดและพัฒนาได้อีกมาก
ด้วยขนาดของเครื่องจักรที่สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ตามขนาดอาคารที่จะสร้าง
รวมถึงรูปแบบที่อาศัยการออกแบบจากโปรแกรม CAD ในคอมพิวเตอร์
ทำให้สามารถพิมพ์ขึ้นรูปชิ้นส่วนอาคาร หรือสร้างบ้านทั้งหลังที่มีรูปแบบที่ซับซ้อนกว่าเดิมได้อีกด้วย
แล้ว 3D Printing จะช่วยยกระดับการก่อสร้างจากขั้นตอนเดิม ๆ ในด้านใดบ้าง ?
หากสังเกตแล้ว การก่อสร้างแบบ 3D Printing วิธีการก่อสร้างนี้ มีหลายส่วนที่เป็นการแก้ไขจุดบกพร่องจากขั้นตอนการก่อสร้างแบบเดิม ๆ ยกตัวอย่างเช่น
- ลดการสิ้นเปลืองวัสดุเหลือทิ้งในการก่อสร้าง
เพราะถูกคำนวณสัดส่วนและปริมาณของวัสดุที่ต้องใช้จริงมาล่วงหน้าแล้ว และใช้ตามแบบของอาคารที่สร้างเท่านั้น รวมถึงยังสามารถขึ้นรูปโครงสร้างตามแบบได้อย่างแม่นยำ ทำให้ลดเศษวัสดุที่จะเกิดขึ้นจากการผสมหรือการขึ้นแบบที่ผิดพลาดที่ต้องรื้อแก้ไข ซึ่งมักเกิดขึ้นได้ในการก่อสร้างในรูปแบบเดิม ๆ
- ลดความต้องการแรงงาน และลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนแรงงาน
เพราะใช้เครื่องจักรในแทบจะทุกขั้นตอน ทำให้ลดความจำเป็นในการจ้างแรงงานจำนวนมาก หรือลดการพึ่งพาแรงงานราคาถูก ซึ่งแม้ในหลายประเทศจะมีแรงงานที่มีต้นทุนน้อยกว่าเครื่องจักร แต่เมื่อเกิดภาวะขาดแคลนแรงงาน เช่น กรณีโควิด 19 หรือการที่แรงงานกลับประเทศบ้านเกิด เครื่องจักรก็ยังสามารถก่อสร้างต่อไปได้ โดยเหลือเพียงแรงงานทักษะสูงที่คอยควบคุม และตรวจสอบงานก่อสร้างจาก 3D Printing เท่านั้น
- ลดระยะเวลาในการก่อสร้าง สร้างได้เร็วตามที่กำหนด
เพราะ 3D Printing จะใช้เครื่องจักรเป็นหลักในการก่อสร้าง ทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่จำเป็นต้องหยุดพัก ทำให้สามารถคุมกำหนดการที่ชัดเจนได้
- ลดต้นทุนด้านการเงิน ชำระหนี้ได้เร็วขึ้น
ยิ่งโครงการสร้างเสร็จได้เร็ว เจ้าของโครงการก็สามารถขายบ้านได้เร็วขึ้น มีรายได้มาชำระคืนจากการกู้ยืมธนาคารทำให้ลดต้นทุนด้านดอกเบี้ย นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนจากการก่อสร้างล่าช้า หรือต้องเสียดอกเบี้ยหากต้องชำระเงินช้ากว่ากำหนด
แต่การก่อสร้างด้วย 3D Printing ยังนับว่ามีข้อจำกัดอยู่อีกไม่น้อย
เพราะความที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังมีราคาสูง ส่งผลในเรื่องของต้นทุนของตัวเครื่องจักรแพงตามไปด้วย ซึ่งกว่าจะพัฒนาจนถึงจุดที่ลดต้นทุนให้ถูกลงได้ ก็อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี
รวมถึงวัสดุที่จะนำมาใช้ในการพิมพ์ขึ้นรูป ยังมีจำกัดเพียงไม่กี่ชนิด
ทำให้เจ้าของโครงการหรือผู้ซื้อบ้านอาจหันไปเลือกวัสดุชนิดอื่น หรือการก่อสร้างวิธีอื่นแทน
เพราะมีตัวเลือกมากกว่า แม้จะใช้เวลาก่อสร้างนานกว่าก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี 3D Printing เป็นสิ่งที่น่าจับตา ในวงการการก่อสร้างในอนาคต
เพราะเทรนด์ประชากรของประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ จะมีแรงงานที่มารองรับในอุตสาหกรรมที่จำกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
รวมถึงเทรนด์ในการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ 3D Printing จะมีประโยชน์ในการลดเศษวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้าง ซึ่งจะมีประโยชน์ในสถานที่ที่มีทรัพยากรจำกัด หรือมีต้นทุนสูงในการขนส่งวัสดุ
เมื่อถึงจุดหนึ่ง ข้อดีเหล่านี้จะค่อย ๆ มีน้ำหนักมากขึ้น และจะถูกนำมาเป็นตัวเลือกมากขึ้นในการก่อสร้างในอนาคต
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
อีลอน มัสก์ ก็เล็งเห็นถึงจุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ จนถึงกับเคยกล่าวไว้ว่า 3D Printing มีบทบาทสำคัญอย่างมาก ในการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารในอนาคต..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/3D_printing
-https://www.archdaily.com/591331/chinese-company-creates-the-world-s-tallest-3d-printed-building
-https://www.designingbuildings.co.uk/wiki/3D_printing_in_construction
-https://www.pbctoday.co.uk/news/planning-construction-news/waste-in-construction/65702/
-https://singularityhub.com/2020/01/27/worlds-biggest-3d-printed-building-opens-in-dubai/
-https://www.dezeen.com/2021/07/19/mx3d-3d-printed-bridge-stainless-steel-amsterdam/
同時也有11部Youtube影片,追蹤數超過68萬的網紅Ceemeagain,也在其Youtube影片中提到,ยุคนี้เป็นยุคของมือถือ 5G ทางซัมซุงเขาได้ออกมือถือที่รองรับ 5G แต่ราคาไม่แรง ถือว่าเป็นมือถือ 5G ที่ถูกที่สุดของซัมซุงก็ว่าได้ อย่าง Galaxy A42 5G หน้...
「เทคโนโลยี10อย่าง」的推薦目錄:
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 Ceemeagain Youtube 的最讚貼文
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 แอดป๊อก x จัดสเปคคอมเล่นเกม x ไอที Youtube 的最讚貼文
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 แอดป๊อก x จัดสเปคคอมเล่นเกม x ไอที Youtube 的精選貼文
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 10 เทคโนโลยี ที่จะเปลี่ยนโลกในอนาคต ที่คุณอาจไม่เคยรู้ ~ LUPAS 的評價
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 10 เทคโนโลยีแห่งศตวรรษหน้า | รู้ไว้ใช่ว่า - YouTube 的評價
- 關於เทคโนโลยี10อย่าง 在 SCB Thailand - 10 ทักษะสำคัญแห่งโลกอนาคต... - Facebook 的評價
เทคโนโลยี10อย่าง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
‘SASOM’ สตาร์ตอัพไทยกับความสำเร็จของดีลระดมทุนในเกาหลี
SASOM x ลงทุนแมน
ใครที่ทำธุรกิจ หรือดูซีรีส์เกาหลีที่เคยเป็น Talk of the Town อย่าง Start-Up
คงพอเห็นภาพว่า การจะเริ่มต้นทำธุรกิจ Startup ให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะขั้นตอนการระดมทุนหรือ Funding
ซึ่งแผนธุรกิจจะต้องสามารถดึงดูด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
เพื่อให้ได้ผู้สนับสนุน พร้อมเม็ดเงินลงทุน ที่จะทำให้โครงการในแผน กลายเป็นธุรกิจในโลกความจริง
รู้หรือไม่ว่า ตอนนี้มี Startup ไทยที่ไปไกลถึงขั้นระดมทุนในระดับ Pre-Series A จากบริษัทในเครือ Naver ที่เป็นบริษัทแม่ของ LINE Corporation แล้ว
Startup รายนี้เป็นใคร แล้วระดับ Pre-Series A คืออะไร ?
‘SASOM’ (สะสม) เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมแบรนด์เนมและของหายาก
เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 โดยทีมผู้ก่อตั้งเกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนาแพลตฟอร์ม หลังกลับจากเรียนต่อในต่างประเทศ แล้วพบว่า ประเทศไทยยังไม่มีแพลตฟอร์มการซื้อขายของสะสม ทำให้คนไทยที่อยากซื้อหรืออยากขาย ของสะสมแบรนด์เนมหรือของหายาก ก็ต้องใช้บริการเว็บไซต์ต่างประเทศ
ซึ่งแน่นอนว่ามีขั้นตอนที่ยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายด้านภาษีหรือการนำเข้า แถมยังใช้เวลานาน
ที่สำคัญ ถ้าซื้อใน Social Media ก็เสี่ยงที่จะเจอสินค้าลอกเลียนแบบอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ เป็น Pain Point ที่ SASOM เล็งเห็น และตั้งใจพัฒนาแพลตฟอร์มให้ออกมาตอบโจทย์ โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางหรือ Community ในการซื้อขาย
ภายใต้คอนเซปต์ “Next Generation Platform for Authentic Luxurious Transactions”
หรือการเป็นแพลตฟอร์มยุคใหม่ สำหรับซื้อขายของสะสมแบรนด์เนมหรือของหายาก
ปัจจุบัน SASOM ให้บริการในรูปแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยเป็นแหล่งรวบรวมสินค้ามือใหม่และมือสองกว่าหมื่นรายการ ทั้งในรุ่นยอดนิยม และรุ่น Limited Edition ที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นบนโลก ตั้งแต่ราคาหลักพัน ถึงหลักล้าน
มีสินค้าหลายประเภท ทั้งรองเท้านักกอล์ฟ Sneaker Nike, Jordan, Adidas, Yeezy จนถึงของสะสมหายาก อย่างงานศิลปะ อัลบั้มเพลง และโมเดลของเล่น BE@RBRICK ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่ม Millennial เเละ Gen Z
ซึ่งสินค้าเหล่านี้ โดยเฉพาะรุ่นที่มีจำนวนจำกัดหรือเป็น Limited Edition นั้น
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ ไม่แพ้การลงทุนอื่น ๆ
และอีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ หมัดเด็ดที่ทำให้ SASOM ประสบความสำเร็จ
นั่นคือการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อว่า สินค้าทุกชิ้นเป็นของแท้ 100%
โดยจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจสอบสินค้าที่ลงประกาศอย่างละเอียด แล้วติดป้ายสัญลักษณ์เพื่อเป็นการรับประกัน และมีบริการก่อนและหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตสินค้า บริการลูกค้าสัมพันธ์ การให้ข้อมูลที่เป็นราคากลาง
นอกจากนี้ SASOM ยังพัฒนา Price Chart ฟีเชอร์ใหม่ล่าสุด ที่รวบรวมข้อมูลราคาซื้อ-ขาย ทำให้สามารถประเมินราคาและมูลค่าของสินค้า เพื่อประกอบการตัดสินใจ
และในอนาคต ก็มีแผนจะนำระบบ AR (Augmented Reality) เข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาการให้คำแนะนำแก่ลูกค้าอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นการเพิ่มโอกาสให้กับคนไทยได้เสนอขายหรือซื้อสินค้าที่เป็นของสะสมกับชาวต่างชาติ บนจุดนัดพบแห่งใหม่
ปัจจุบัน SASOM มียอดขายสินค้าเฉลี่ยเดือนละกว่า 10 ล้านบาท และมีเป้าหมายเพิ่มยอดขายเป็นเดือนละ 30 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
โดยจะเน้นการขยายฐานผู้ซื้อ ผู้ขาย และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนของสะสมในไทยและต่างประเทศ
จากความโดดเด่นของแพลตฟอร์ม ทำให้ Startup อย่าง SASOM สามารถสร้างความเชื่อมั่น และประสบความสำเร็จในการระดมทุนระดับ Pre-Series A
ซึ่งเป็นการระดมทุนในระดับที่ 2 จาก 5 ระดับ ของธุรกิจ Startup โดยในขั้นนี้ ธุรกิจจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน และมีศักยภาพที่จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
จากจำนวนผู้ประกอบธุรกิจ Startup ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันการระดมทุนที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้ ถือว่ามีจำนวนไม่มากนัก โดยผู้มาลงทุนกับ SASOM ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับเอเชีย
อย่าง Kream Corporation ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในเครือ Naver หรือที่หลายคนรู้จักว่า เป็นบริษัทแม่ของ LINE Corporation
ถือเป็น Startup ไทยรายแรก ๆ ที่สามารถระดมทุนจากบริษัทแนวหน้าในเกาหลีใต้ ทำให้มีมูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านบาท และมีเงินทุนไปพัฒนาแพลตฟอร์ม ให้เข้าถึงและรองรับจำนวนผู้ซื้อและผู้ขายได้มากขึ้น
โดย SASOM จะจับมือเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) กับ Kream Corporation
เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ และเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี Machine Learning ที่นำมาใช้เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน ระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ใช้ในการตรวจสอบสินค้า
ไม่เพียงเท่านี้ ในปีหน้า SASOM ยังมีแผนระดมทุนต่อเนื่องกับทาง Kream Corporation ในระดับ Series A ที่เป็นระดับสูงขึ้น
เพื่อยกระดับจากธุรกิจ Startup เป็นบริษัทชั้นนำ และก้าวสู่การเป็น The Collectors Paradise of Asia หรือสวรรค์ของนักสะสมแห่งเอเชีย ที่สามารถเทียบชั้นกับแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมและของหายากในระดับโลก
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://sasom.co.th
Reference
- Press Release Sasom
เทคโนโลยี10อย่าง 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
เปิดวิธีคิดเศรษฐกิจจีน ถอยหลังเพื่อไปต่อจริงหรือ ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดจีนในช่วงเวลานี้ มีหลายคำถามที่นักลงทุนกำลังรอฟังคำตอบ
ลงทุนแมน ได้ร่วมพูดคุยกับ 2 ผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนของกองทุนบัวหลวง
นั่นคือ ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา ตำแหน่ง Chief Economist ของกองทุนบัวหลวง
และ คุณทนง ขันทอง ตำแหน่ง Head of Strategic Communications ของกองทุนบัวหลวง
ใน Clubhouse เมื่อวันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญของตลาดจีนในช่วงเวลานี้ จะเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มต้นกันที่.. ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ผ่านมา
ประเทศจีนมี GDP ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 18.3% (YoY) โตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เป็นผลมาจากนโยบายการคลังแบบผ่อนคลายจากวิกฤติโควิด 19, การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมช่วงปลายปี 2563 และภาคการค้าส่งออกตลอดช่วงต้นปี 2564
ขณะที่ล่าสุด GDP ไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 7.9% (YoY)
หากมองในแง่ของนักลงทุน ต้องยอมรับว่า เราผ่านช่วงเวลาที่เป็นจุดพีกของจีนกันไปแล้ว
แต่ในแง่ของพื้นฐานประเทศจีน ยังถูกมองว่าเป็น The Most Outstanding อยู่ดี
ที่น่าสนใจคือ ธนาคารกลางจีน (PBOC) พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
เช่น การปรับลดอัตราการดำรงเงินสำรอง (RRR) เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปยังกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบ ให้ยังคงอยู่รอดต่อไปได้
ดังนั้น หากเราเห็นว่าจีนกำลังลดสภาพคล่อง ความจริงแล้วสภาพคล่องยังคงมีอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าความท้าทายของจีน ยังมีอยู่อีกมาก
เช่น ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดตลาด และปัญหาเรือ Ever Given ขวางคลองสุเอซ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการค้าส่งออกจีน หรือปัญหาการปรับตัวสูงของสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมจีน
แล้วตอนนี้ ความท้าทายจากปัจจัยภายนอก เป็นอย่างไร ?
สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ เรื่องความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่เริ่มต้นมาจากการประชุม Alaska Summit ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่กำลังคุกรุ่นต่อเนื่องมาจากสงครามการค้า และประเด็นด้านเทคโนโลยี ตั้งแต่สมัยที่ ดอนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ต่อเนื่องไปจนถึง สิทธิของแรงงานในซินเจียง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็น Cyber Security ที่ทางสหรัฐอเมริกามีการอ้างว่าจีนได้ส่งแฮกเกอร์เข้าไปล้วงข้อมูลจาก Microsoft Exchange อีกด้วย
โดยทางกองทุนบัวหลวงมองว่าประเด็นทางด้าน Geopolitics เหล่านี้จะไม่กระทบกับภาคเศรษฐกิจจีน
เนื่องจากจีนพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นในเชิงด้านการลงทุนก็อาจกระทบกับตลาดการลงทุนได้บ้าง
ส่วนประเด็นสำคัญเรื่องความตึงเครียดระหว่างจีนกับประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ในขณะนี้ คือ สหรัฐอเมริกามีการร่วมมือกับกลุ่มประเทศ G7 เพื่อสกัดกั้นการก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกของจีน
เนื่องจากตอนนี้จีนกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งในเรื่องขนาดเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ปริมาณการค้าที่จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของโลก และเมื่อตลาดเงินตลาดทุนใหญ่ขึ้น บทบาทของเงินหยวนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งจะไปมีผลกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของโลกต่อไป เช่น ระบบชำระเงิน Digital Banking หรือสินทรัพย์ดิจิทัล
พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้เหมือนเป็นการต่อสู้ระหว่าง “โลกทุนนิยมจากฝั่งตะวันตก” และ “โลกอำนาจนิยมจากจีน”
เพื่อแย่งชิงการเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ของโลก นั่นเอง
ขณะเดียวกัน จีนเองก็พยายามสร้างสัมพันธ์กับรัสเซียและประเทศกำลังพัฒนาอย่างเช่น ประเทศในกลุ่มแอฟริกา ลาตินอเมริกา และประเทศตามเส้นทางสายไหม
รวมไปถึงการพัฒนาภายในประเทศเองเพื่อให้คนในประเทศหลุดพ้นจากความยากจน
โดยความคาดหวังของจีนในระยะยาว คือ ต้องการให้ประเทศมีฐานะร่ำรวยปานกลาง (Moderately Prosperous Society) สร้างพลังการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ให้คนในประเทศเป็นคนชนชั้นกลาง ส่วนภาคแรงงานจะมีค่าแรงเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักให้ประชากรจีนมีกำลังซื้อ มีความมั่งคั่ง กินดีอยู่ดีมากขึ้น และเติบโตได้ในระยะยาว
แล้วตอนนี้ ปัจจัยภายในจีน กำลังเจอความท้าทายใดบ้าง ?
จีนพยายามพัฒนาประเทศมาอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากแผนพัฒนาฯ ของจีน เช่น
- แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ จนเกิดปัญหาการเก็งกำไรภาคอสังหาริมทรัพย์
- แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 การส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิต Made in China 2025 จนเกิดปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า Trade War
จะเห็นได้ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีน มักจะตามมาด้วยปัญหาต่าง ๆ
ทำให้จีน เริ่มมองหาทางเดินใหม่ ๆ ด้วยการลดความสำคัญของตัวเลข GDP สูง ๆ
แต่จะเน้น “ความเป็นสังคมอยู่ดี กินดี ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เข้ามาแทนที่
จึงมีความเป็นไปได้ว่า เส้นทางเดินใหม่ของจีนจะมุ่งไปสู่ 2 กลุ่มหลัก นั่นคือ
- กลุ่มการเติบโตแบบมีคุณภาพ (Quality Growth) เช่น ภาคธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษ และทำให้ประเทศจีนมีคุณภาพที่ดีขึ้น
- กลุ่มเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic Economies) เช่น ธุรกิจด้านการบริโภคภายในประเทศ
เราจึงเห็น แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 มียุทธศาสตร์วงจรคู่ขนาน (China’s Dual Circulation)
ที่คงความสำคัญของปัจจัยภายนอก เช่น การค้าส่งออก ไปพร้อมกับปัจจัยภายในประเทศ เช่น อุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ
ดังนั้น ความท้าทายของปัจจัยภายในจีนก็คือ พลังของการบริโภคภายในประเทศ ที่จะมาจากการทำให้ประชากรจีนมีรายได้สูงขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึง นั่นเอง
อีกหนึ่งประเด็นก็คือ การเข้ามาควบคุมกิจการเทคโนโลยีของจีน
สาเหตุหลักเป็นเพราะ รัฐบาลจีนต้องการจะเป็นเจ้าของ Big Data ที่อยู่ในมือของธุรกิจภาคเอกชน
จึงทำให้ธุรกิจเอกชนยักษ์ใหญ่ที่มี Big Data อย่าง Ant Group ที่ให้บริการการเงินครบวงจร หรือ DiDi แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ที่มีข้อมูลการเดินทางของคนจีนจำนวนมาก จึงถูกรัฐบาลจีนเข้ามาจัดระเบียบอย่างที่ทราบกัน
สรุปแล้ว ช่วงเวลานี้ ควรลงทุนในตลาดจีนอย่างไร ?
ต้องยอมรับว่า การลงทุนในประเทศจีนช่วงนี้ อาจให้ผลตอบแทนได้ดีไม่เท่ากับตลาดอื่น ๆ
แต่ถ้าตาม Seasonal Pattern แล้ว ตลาดหุ้นจีนจะกลับมา Perform อีกครั้งในตอนช่วงท้ายปี
ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนมักจะให้น้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของตลาดจีนก็คือ นโยบายของภาครัฐ ที่จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจระยะยาว รวมทั้งจุดเด่นของจีนที่มักจะพูดจริง ทำจริง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งประเทศที่ทำตาม KPI ของตัวเองได้ดี
ดังนั้น หากนักลงทุนเชื่อมั่นในประเทศจีนในภาพระยะยาว
จังหวะที่ตลาดหุ้นจีนลงมามาก ๆ ก็น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการเก็บสะสมหุ้นจีนแบบระยะยาวได้
ซึ่งหนึ่งวิธีที่จะลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดจีนตอนนี้ ก็คือการลงทุนแบบ DCA
เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ทำให้นักลงทุนไม่ต้องสนใจภาวะตลาด ณ ตอนนั้น เนื่องจากเป็นการทยอยเข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการลงทุนแบบนี้จะฝึกให้นักลงทุนมีวินัยในการลงทุนมากขื้น
ส่วน Theme การลงทุนที่น่าสนใจ ควรสอดคล้องกับนโยบาย Dual Circulation Economic
อย่างในกลุ่ม Domestic Play ที่จะได้ประโยชน์จากจำนวนประชากรจีนที่จะมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นการเติบโตรอบใหม่ของจีน
เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว, ธุรกิจกีฬา, ธุรกิจการศึกษา, ธุรกิจเครื่องดื่ม
สรุปได้ว่า ช่วงเวลานี้ หากจะลงทุนระยะยาวในตลาดจีน ก็เป็นจังหวะที่ดีให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนในบริษัทพื้นฐานดีที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าจริง นั่นเอง
ในส่วนของกองทุนบัวหลวง มีกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเป็นแบบ Dynamic โดยส่วนหนึ่งได้มอบหมายให้ Allianz Global Investors Asia Pacific Limited เป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในต่างประเทศของกองทุน (Outsourced Fund Manager) ซึ่งในส่วนนี้ก็มีการลงทุนผ่านกองทุน 2 กองทุน คือ กองทุน Allianz China A-Shares และกองทุน Allianz All China Equity และยังมีอีกส่วนที่กองทุนบัวหลวงคัดเลือกลงทุนหุ้นรายตัวเอง
นั่นก็หมายความว่า กองทุน B-CHINE-EQ ไม่ได้อิงผลตอบแทนของดัชนีประเทศจีน
แต่ยังมีการลงทุนธุรกิจพื้นฐานดีรายตัวในประเทศจีน ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวให้กับนักลงทุนได้ นั่นเอง
เทคโนโลยี10อย่าง 在 Ceemeagain Youtube 的最讚貼文
ยุคนี้เป็นยุคของมือถือ 5G ทางซัมซุงเขาได้ออกมือถือที่รองรับ 5G แต่ราคาไม่แรง ถือว่าเป็นมือถือ 5G ที่ถูกที่สุดของซัมซุงก็ว่าได้ อย่าง Galaxy A42 5G หน้าจอใหญ่ แบตเยอะ กล้องดี ต้องตัวนี้เลย
ใครที่สนใจสามารถติดตามวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการจากซัมซุงได้เร็ว ๆ นี้
Please Subscribe:
http://Youtube.com/chatpawee
http://Facebook.com/chatpawee
http://Twitter.com/ceemeagain
ติดต่อโฆษณากับรายการ : Sociallab Co.,Ltd. 091-819-7925
--------------------------------------------------
เทคโนโลยี10อย่าง 在 แอดป๊อก x จัดสเปคคอมเล่นเกม x ไอที Youtube 的最讚貼文
สั่งซื้อได้ที่นี้ https://bit.ly/2QdUGcL
สั่งซื้อคอมและจัดสเปคคอมกับ แอดป๊อกที่นี้ : https://goo.gl/KNXBh1
กลุ่มสอบถามปัญหาคอม :https://goo.gl/yTsEBD
รีวิว Gaming Combo Philips SPK8605 Wired Mechanical Gaming Keyboard + Philips SPK9212 8D RGB Gaming Mouse
#เมาส์เล่นเกม #คีย์บอร์ดเล่นเกม #คีย์บอร์ด #Gaming #GamingCombo
#Philips
เทคโนโลยี10อย่าง 在 แอดป๊อก x จัดสเปคคอมเล่นเกม x ไอที Youtube 的精選貼文
สวัสดีค้าบเพื่อนๆวันนี้แอดป๊อกพามาดูสเปคคอมงบ 3 หมื่นต้นๆ ได้คอมพร้อมจอโค้ง 24 นิ้ว 144 Hz เล่นเกมภาพสวยๆ ลื่นๆ มาพร้อมกับ CPU Ryzen 5 3600 บอกเลยว่า CPU ตัวนี้คุ้มมากๆ เล่นได้แทบทุกเกม รองรับการตัดต่อ การสตรีม มาพร้อมกับการ์ดขอแรงๆ อย่าง MSI RX5500XT มี SSD ในการติดตั้งวินโดว์และเกม ทำให้คอมทำงานไวยิ่งขึ้น ลดแลค ลดกระตุก ระหว่างใช้งานอีกด้วย เราไปดูสเปคคอมกันเลยค้าบ
.
รายละเอียดสเปคคอม สามารถผ่อนได้ 0% 24 เดือนนะครับ
CPU AMD Ryzen 5 3600
MB Asrock B450 STEEL LEGEND
VGA MSI MECH RX5500XT OC 6GB
RAM CORSAIR Vangeance RGB PRO White 16 GB
SSD SEAGATE BARRACUDA 240GB
HDD SEAGATE BARRACUDA 1TB
PSU COOLERMASTER MASTERWATT LITE 600W 80+
CASE COOLERMASTER TD500 ARGB
MONITOR 23.5 นิ้ว จอโค้ง SAMSUNG LC24RG50FQEXXT
.
ถ้าต้องการผ่อน
- ผ่อนผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น
- 6-24เดือน ตามบัตรเครดิต
- ทำเรื่องผ่อนที่สาขา
- Powerbuy เซ็นทรัลเวิลด์ (เปิดวันที่ 11/6/63)
- Powerbuy เซ็นทรัลพระราม2 (เปิดวันที่ 11/6/63)
- Powerbuy เมกาบางนา
- Powerbuy เซ็นทรัลลาดพร้าว
- Powerbuy ราชพฤกษ์ นนทบุรี
- Powerbuy เซ็นทรัลศาลายา
- Powerbuy เซ็นทรัลภูเก็ต
- Powerbuy เซ็นทรับอุดรธานี
- Powerbuy เซ็นทรัลชลบุรี
หรือสอบถามก่อนได้ที่ไลน์ https://line.me/R/ti/p/%40188ykqkg
โปรโมชั่น
- โปรคืนเงิน หมดวันที่ 31พค.
100,000 คืน 7,000
50,000 คืน 3,500
40,000 คืน 2,500
30,000 คืน 1,500
- Intel i7 , i9 คืนเพิ่ม 1,000
- การคืนเงินมีหัก ณ ที่จ่าย 5%
- ผ่อน0%หมดวันที่ 31พค.
6-24 เดือน
.
#จัดสเปคคอม #สเปคคอม #ประกอบคอม #คอมเล่นเกม #advice #คอมผ่อนได้ #ผ่อนคอม
สั่งซื้อคอมและจัดสเปคคอมกับ แอดป๊อกที่นี้ : https://goo.gl/KNXBh1
กลุ่มสอบถามปัญหาคอม :https://goo.gl/yTsEBD
เทคโนโลยี10อย่าง 在 10 เทคโนโลยีแห่งศตวรรษหน้า | รู้ไว้ใช่ว่า - YouTube 的推薦與評價
ไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ สำรวจ เทคโนโลยี จริงที่จะนำมนุษย์เราก้าวเข้าสู่ศตวรรษถัดไป ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ... ... <看更多>
เทคโนโลยี10อย่าง 在 SCB Thailand - 10 ทักษะสำคัญแห่งโลกอนาคต... - Facebook 的推薦與評價
10 ทักษะสำคัญแห่งโลกอนาคต ในยุคที่เทคโนโลยีแห่งอนาคตถูกพัฒนาขึ้นอย่างมากมายอย่าง ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligences) หุ่นยนต์ สินค้านวัตกรรม... ... <看更多>
เทคโนโลยี10อย่าง 在 10 เทคโนโลยี ที่จะเปลี่ยนโลกในอนาคต ที่คุณอาจไม่เคยรู้ ~ LUPAS 的推薦與評價
ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า อย่าง ไม่หยุดยั้ง จนทำให้เกิดเป็นน เทคโนโลยี ใหม่ๆมากมาย และในวันนี้ครับ เราจะคุณมาพบกับ 10 เทคโนโลยี ... ... <看更多>