เศรษฐีรวยสุดในเอเชีย มีน้องชาย เป็นบุคคลล้มละลาย ได้อย่างไร ? /โดย ลงทุนแมน
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Mukesh Ambani เจ้าของ Reliance Industries กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่สุดในอินเดียและเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชีย มีน้องชายชื่อ Anil Ambani
สำหรับน้องชายของมหาเศรษฐีคนนี้ ก็เป็นเจ้าของธุรกิจที่แยกตัวออกมาจาก Reliance Industries ของพี่ชาย มีชื่อบริษัทว่า Reliance ADA Group
ในปี 2008 Mukesh Ambani มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก
ในขณะที่ Anil Ambani ตามมาติด ๆ ด้วยทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท และรวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
โดยในปีนั้น เศรษฐี 4 อันดับแรกของโลก ได้แก่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (อเมริกัน), คาร์ลอส สลิม (เม็กซิโก),
บิลล์ เกตส์ (อเมริกัน) และลักษมี นิวาส มิตตัล (อินเดีย)
หลังจากผ่านไป 13 ปี Mukesh Ambani มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านบาท
กลายมาเป็นมหาเศรษฐีรวยสุดในอินเดียและเอเชีย และรวยเป็นอันดับ 10 ของโลก
แต่ในปี 2019 Ambani คนน้องกลับมีทรัพย์สิน เพียง 5.6 หมื่นล้านบาท
จนล่าสุด มีหลายคนกล่าวว่าความมั่งคั่งตอนนี้ของ Ambani คนน้อง ลดลงจนเกือบเป็นศูนย์
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องชาย ของคนที่รวยสุดในเอเชีย ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในปี 1948 หรือเมื่อ 73 ปีก่อน ชายชาวอินเดียวัย 16 ปี
ที่ชื่อ Dhirubhai Ambani ได้ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดไปทำงานที่ประเทศเยเมน
ผ่านไป 10 ปี Dhirubhai กลับมาที่อินเดียพร้อมกับเงินเก็บ เพื่อมาเริ่มสร้างธุรกิจเอง
Dhirubhai เริ่มจากการนำเข้าเส้นใยสังเคราะห์และส่งออกเครื่องเทศ ก่อนจะเริ่มทำธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จน Dhirubhai ได้ขยายกิจการไปในอุตสาหกรรมอื่น และเปลี่ยนมาใช้ชื่อบริษัทว่า “Reliance Industries” ในปี 1973
Reliance Industries สามารถ IPO ได้ในปี 1977 ซึ่งหุ้นของบริษัทก็มีชาวอินเดียสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดเคยจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่สเตเดียม
ตั้งแต่ที่กิจการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว Dhirubhai ก็เริ่มให้ลูกชายทั้ง 2 คนของเขา เข้ามาช่วยบริหารงานที่บริษัท
Mukesh Ambani ลูกชายคนโต เป็นประธาน
Anil Ambani ลูกชายคนรอง เป็นกรรมการผู้จัดการ
แต่แล้วในปี 2002 Dhirubhai ได้เสียชีวิตลงและได้ทิ้งกิจการ Reliance Industries ไว้กับลูกชายทั้ง 2 คน
Dhirubhai ที่จากโลกนี้ไปไม่ได้ทำพินัยกรรมและข้อตกลงแบ่งกิจการให้กับลูกแต่ละคนไว้ ซึ่งเขาก็คงไม่คิดว่า จะเกิดปัญหาตามมา
โดยปัญหาที่ว่านั้นเริ่มเกิดขึ้นเพราะลูกชายทั้ง 2 คน ที่เริ่มเข้าทำงานและมีบทบาทในบริษัทมาพร้อม ๆ กัน
กลับตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นเจ้าของและใครจะดูแลและรับผิดชอบบริษัทไหนบ้าง
สุดท้ายแล้ว ในช่วงปี 2004 ถึง 2005 ผู้เป็นแม่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
โดยการจ้างบุคคลที่ 3 ให้เข้ามาจัดการเรื่องการแยกบริษัทออกจากกันไปเลย
Mukesh Ambani คนพี่ได้ธุรกิจหลักคือปิโตรเลียม ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการขยายกิจการในส่วนนี้มาตั้งแต่แรก และยังได้ธุรกิจอื่น ๆ อย่างเช่นปิโตรเคมี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจยุคเก่า โดยกลุ่มบริษัทของ Mukesh ใช้ชื่อว่า Reliance Industries
Anil Ambani คนน้องได้ธุรกิจหลักคือ Reliance Communications ธุรกิจโทรคมนาคมที่เพิ่งเริ่มกิจการได้ไม่นาน แต่ก็กลายเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอินเดีย ซึ่งแม้ว่า Mukesh จะมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่ต้น แต่ Anil ก็อยากได้ธุรกิจนี้เช่นกัน
นอกจากธุรกิจเทเลคอมแล้ว กิจการอื่นที่ Anil Ambani ได้รับไปดูแลอีกก็อย่างเช่น ธุรกิจพลังงาน และบริการทางการเงิน ซึ่งส่วนมากจะเป็นธุรกิจยุคใหม่ โดยกลุ่มธุรกิจของ Anil Ambani ใช้ชื่อว่า “Reliance ADA Group”
หลังจากจบเรื่องการแบ่งธุรกิจแล้ว แต่ละคนก็เริ่มต่อยอดธุรกิจตามเส้นทางของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น
Mukesh Ambani เริ่มทำธุรกิจค้าปลีกในปี 2006 จน Reliance Retail กลายมาเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่สุดในอินเดีย
ในขณะที่ Anil Ambani ก็ได้ต่อยอดทำธุรกิจบันเทิง อย่างเช่นในปี 2005 ได้ซื้อบริษัท Adlabs Films ที่เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ซึ่งกลายมาเป็นโรงภาพยนตร์ที่มีสาขามากสุดในอินเดียในอีก 3 ปีถัดมา
ในปี 2008 Reliance Entertainment ของ Anil Ambani ก็ได้เซ็นสัญญากับบริษัทผลิตภาพยนตร์ DreamWorks ของผู้กำกับ Steven Spielberg ซึ่งได้ร่วมผลิตภาพยนตร์ที่ได้รางวัลมากมาย อย่างเช่น The Help และ Lincoln
และปีเดียวกันนี้ Anil Ambani ก็ได้นำบริษัทพลังงานอย่าง Reliance Power จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าการระดมทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น
ผ่านไป 6 ปีหลังจากการเสียชีวิตของ Dhirubhai
ดูเหมือนว่าลูกชายของเขาทั้งคู่ก็ต่อยอดกิจการไปได้อย่างสวยงาม
จนทำให้ในปี 2008 Mukesh มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก และ Anil มีทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
แต่หลังจากนั้น เส้นทางความมั่งคั่งของพี่น้องคู่นี้ กลับเริ่มมีทิศทางที่สวนทางกัน
คนพี่รวยขึ้น ส่วนคนน้องความมั่งคั่งหายไปเกือบหมด
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?
เรื่องทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากเงินที่บริษัท Reliance Power ของ Anil Ambani ได้มาจากการ IPO มีแผนจะใช้สร้างโรงไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่จะผลิตจากก๊าซ
โดยก๊าซที่ Reliance Power ใช้ ก็มาจากบริษัทก๊าซธรรมชาติในเครือ Reliance Industries ของ Mukesh นั่นเอง
ซึ่งในตอนที่แยกบริษัทกัน สองพี่น้องก็ได้เซ็นสัญญาว่าบริษัทก๊าซของ Mukesh Ambani จะขายก๊าซให้โรงไฟฟ้าของน้องชายที่ราคาหนึ่ง
แต่ในวันที่โรงไฟฟ้าสร้างใกล้จะเสร็จและถึงเวลาที่พี่ชายจะขายก๊าซให้กับน้อง ราคาก๊าซในตลาดโลกกลับเพิ่มสูงขึ้นไปเกือบเท่าตัว
Anil Ambani จึงต้องการซื้อก๊าซในราคาที่ตกลงกัน เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น
แต่ทาง Mukesh Ambani ไม่สามารถขายก๊าซตามราคาที่ตกลงกันไว้ได้เพราะบริษัทของเขาจะขาดทุน
แต่แทนที่จะเจรจาตกลงกัน Anil Ambani กลับเลือกที่จะยื่นฟ้องบริษัทพี่ชายในปี 2010 เพื่อให้ซื้อก๊าซได้ในราคาเดิมที่เคยตกลงกัน
แต่ศาลก็ได้มีคำสั่งให้ Anil Ambani ซื้อก๊าซในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดโลก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายราคาก๊าซของประเทศ
สุดท้ายแล้ว Anil Ambani ที่ต้องแบกรับต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จึงไม่สามารถจัดหาก๊าซเพื่อไปใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าที่สร้างรอไว้แล้วได้
Reliance Power จึงกลายเป็นบริษัทที่มีหนี้มหาศาล จนต้องขายทรัพย์สินและกิจการบางส่วนออกไป เพื่อเอามาใช้หนี้ ซึ่งรวมถึงกิจการโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ที่ซื้อมาเมื่อปี 2008 ด้วย
แต่ความผิดพลาดทางธุรกิจของ Anil Ambani ยังไม่ได้จบลงแค่นี้ เพราะเรื่องราวที่ร้ายแรงกว่านั้น เกิดขึ้นกับธุรกิจโทรคมนาคมอย่าง Reliance Communications (RCom)
ในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่ RCom เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ RCom เลือกใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่เรียกว่า CDMA ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่างเช่น Airtel เลือกใช้เทคโนโลยีที่ชื่อ GSM
แม้เทคโนโลยีทั้ง 2 แบบจะใช้ได้ดีกับ 2G และ 3G เหมือนกัน แต่ปัญหาก็คือ CDMA ที่ RCom เลือกใช้ ไม่สามารถรองรับ 4G และ 5G ได้แบบ GSM ที่เหล่าคู่แข่งเลือกใช้
นั่นจึงทำให้ช่วงเวลาที่ทั่วโลกเปลี่ยนผ่านจาก 3G มาเป็น 4G อย่างรวดเร็ว RCom เลยตามคนอื่นไม่ทัน จน RCom กลายเป็นบริษัทที่เริ่มมีหนี้มากขึ้น
และจุดพลิกผันครั้งใหญ่ของ RCom รวมไปถึงทั้งอุตสาหกรรมเทเลคอมของอินเดีย ก็เกิดขึ้นในปี 2016
เมื่อ Mukesh Ambani ได้ก่อตั้งบริษัทย่อยของ Reliance Industries ในชื่อ “Jio” ซึ่งเป็นบริษัท
ที่เน้นบริการด้านเทคโนโลยี รวมถึงการให้บริการโทรคมนาคมแบบเดียวกับ RCom ด้วย
ด้วยชื่อเสียงของ Reliance Industries ก็ทำให้ Jio มีจำนวนผู้ใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กำไรของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอย่าง Airtel ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้อีก 2 บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดรองลงมาอย่าง Vodafone และ Idea ต้องควบรวมกิจการกัน
ในเวลาต่อมาบริษัท Jio ของ Mukesh Ambani ก็กลายมาเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่สุดในอินเดีย ส่วน RCom ของ Anil ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ก็หายไปจากการแข่งขันในตลาดเทเลคอม จนทำให้บริษัทขาดทุนและกลายเป็นหนี้มหาศาล
RCom ต้องยอมขายสินทรัพย์ของกิจการบางส่วนให้กับ Jio เพื่อลดหนี้
แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ของ RCom ดีขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 RCom ได้ทำข้อตกลงกับ Ericsson โดยจ้างให้ Ericsson มาเป็นผู้บริหารเครือข่ายในบริเวณทางเหนือและตะวันตกของอินเดีย แต่ผลจากการขาดทุนต่อเนื่องก็ทำให้ RCom ไม่มีเงินจ่ายให้ Ericsson ตั้งแต่ปี 2016
RCom ติดหนี้ Ericsson 2.46 พันล้านบาท ซึ่ง RCom ก็ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามกำหนด และขอเลื่อนเวลาการจ่ายหนี้ออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว RCom จ่ายหนี้ได้เพียง 528 ล้านบาท นำไปสู่การถูกฟ้องร้องในเวลาต่อมา
ศาลสูงสุดจึงมีคำตัดสินว่า ถ้าภายใน 1 เดือน RCom ยังจ่ายหนี้ให้ Ericsson ไม่ได้ Anil จะต้องถูกจำคุก 3 เดือน
สุดท้ายแล้วพี่ชายของ Anil Ambani อย่าง Mukesh ก็เข้ามาช่วย
โดยการจ่ายหนี้ที่เหลือ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทให้
ในขณะที่ บริษัท RCom ก็ต้องยื่นล้มละลาย
แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น เพราะ RCom ยังมีหนี้ก้อนใหญ่อีกก้อน ที่กู้ยืมมาจาก 3 ธนาคารขนาดใหญ่ของจีน ทั้ง ICBC, China Development Bank และ EXIM Bank of China เป็นมูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท
ทั้ง 3 ธนาคารจึงยื่นฟ้อง RCom และ Anil Ambani..
ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่ง Anil ได้พูดระหว่างพิจารณาคดีออนไลน์กับศาลของประเทศอังกฤษว่า เขาไม่มีเงินใช้หนี้ เพราะความมั่งคั่งของเขาตอนนี้ใกล้จะเป็นศูนย์แล้ว.. ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเขาจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้
จากความขัดแย้งเพื่อแย่งกิจการกันเองในครอบครัว บวกกับการบริหารธุรกิจที่ผิดพลาด การทุ่มเงินลงทุนขนาดใหญ่แต่ได้ผลลัพธ์แย่กว่าที่คาด ทำให้บริษัทก่อหนี้ก้อนโต
ทั้งหมดนี้ก็ได้ส่งผลไปยังทรัพย์สินของผู้ที่เคยรวยติดอันดับ 6 ของโลกอย่าง Anil Ambani ได้หายไปเกือบหมด ในขณะที่พี่ชายที่เติบโตมาพร้อมกัน กลับเดินสวนทางกัน เพราะประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย นั่นเอง
ถ้าใครเชื่อว่าชีวิตของเราถูกกำหนดมาแล้วตั้งแต่เกิด
เกิดมาในครอบครัวที่รวย ก็ย่อมมีแรงส่งให้พวกเขารวยขึ้น
ซึ่งมันก็เป็นจริงในหลายกรณี
แต่ในบางกรณี มันก็อาจเป็นตรงกันข้าม
ซึ่งอย่างน้อย มันก็เกิดขึ้นแล้วกับ Anil Ambani น้องชายของ มหาเศรษฐี ที่รวยสุดในเอเชีย นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.in/thelife/personalities/news/anil-ambanis-journey-from-42-billion-net-worth-to-claiming-poverty/articleshow/74028627.cms
-https://www.scmp.com/magazines/style/celebrity/article/3093874/mukesh-vs-anil-why-did-one-ambani-brother-go-bankrupt
-https://economictimes.indiatimes.com/industry/telecom/telecom-news/from-glory-to-dust-an-ambani-brands-journey-to-bankruptcy/articleshow/67837769.cms?from=mdr
-https://www.businesstoday.in/latest/economy-politics/story/anil-ambani-road-to-bankruptcy-how-the-brother-of-indias-richest-man-lost-his-way-271119-2020-08-25
-https://www.moneycontrol.com/news/business/a-timeline-of-reliance-communications-versus-ericsson-case-3661261.html
-https://youtu.be/dBH0E20kc30
-https://www.forbes.com/forbes/2008/0324/080.html?sh=3e185f910f2e
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Industries
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Group
同時也有41部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,เปิดตัวคู่แฝดไม่เหมือน ของ The new Nissan Navara 2021 นิสสัน นาวาร่า มันคือ All-New Frontier 2022 โฉมใหม่ ในช่วงที่มีการเปิดตัว Navara ที่เมืองไทย Ni...
「เม็กซิโก」的推薦目錄:
- 關於เม็กซิโก 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於เม็กซิโก 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
- 關於เม็กซิโก 在 Facebook 的最讚貼文
- 關於เม็กซิโก 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文
- 關於เม็กซิโก 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
- 關於เม็กซิโก 在 Mindset TV Youtube 的最佳解答
- 關於เม็กซิโก 在 Embajada Real de Tailandia en México / สถานเอกอัครราชทูต ณ ... 的評價
เม็กซิโก 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
ยินดีกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่จะเปิดเทอมใหม่ ให้เด็กนักเรียนไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนกันได้อีกครั้ง แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ก็ตาม
ซึ่งน่าสนใจ ในกรณีที่เขามีมาตรการต่างๆ เพื่อให้เด็ก เยาวชน คนในสังคม อยู่ร่วมกันเชื้อโรคได้นะครับ ลองศึกษากันดูครับ
--------
(รายงานข่าว) เปิดเรียนกลางวิกฤตโควิด-19
เมื่อหลายประเทศทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 12-17 ปีแล้ว ก็ถึงเวลาที่เด็กๆ เหล่านี้จะกลับไปใช้ชีวิตและเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีกครั้ง หลังจากต้องเรียนออนไลน์กันมาอย่างยาวนาน
แต่การเปิดเรียนในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ เนื่องจากต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวด
อย่างใน #อังกฤษ จะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยการตรวจแบบ Lateral Flow Test ซึ่งการตรวจด้วยอุปกรณ์ทดสอบแบบง่ายและรวดเร็ว โดยจะทำการตรวจ 2 ครั้ง ห่างกัน 3-5 วัน และหากพบติดเชื้อนักเรียนจะต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 10 วัน ส่วนเด็กๆ ที่ใกล้ชิดกับเด็กที่ติดเชื้อจะต้องตรวจแบบ PCR หากไม่ติดเชื้อก็ไม่ต้องกักตัว
ส่วนที่ประเทศ #อินเดีย ได้กลับมาเปิดเรียนอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา โดยที่แคว้นอุตตรประเทศเปิดเรียนโดยสลับกันมาเพื่อลดความแออัด และทางรัฐบาลอินเดียกำหนดให้ฉีดวัคซีนคุณครู และเจ้าหน้าที่ในโรงเรียน
ในขณะที่เด็กนักเรียนราว 12 ล้านคน ในประเทศ #ฝรั่งเศส ได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกครั้งในวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ถ่ายเทอากาศในห้องเรียน และงดเล่นกีฬาที่ต้องสัมผัสกันใกล้ชิด
นอกจากนี้ ยังมีการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12-17 ปีแล้วด้วย โดยมากกว่า 63% ของเด็กอายุ 12-17 ปีได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส และ 47% ของเด็กกลุ่มนี้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
(ต่อไปเป็นคำบรรยายภาพ จากในข่าว)
- นักเรียนกำลังตอบคำถามในห้องเรียน ที่โรงเรียนประถมศึกษา ในเมืองลียง ประเทศ #ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 กันยายน วันแรกของการเปิดเรียนในประเทศฝรั่งเศส
- เด็กๆ นั่งรถไฟผ่านสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเปียงยางในกรุงเปียงยาง ประเทศ #เกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 2 กันยายน
- เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนฉีดพ่นเจลล้างมือ ขณะที่นักเรียนมาถึงที่โรงเรียนมัธยมเมาต์คาร์เมล ในเมืองอัห์มดาบาด ประเทศ #อินเดีย เมื่อวันที่ 2 กันยายน หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตการล็อกดาวน์ให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนในห้องเรียนได้
- นักเรียนเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยม Manuela Canizaresของรัฐบาล ที่กรุงกีโต ประเทศ #เอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน เป็นการกลับมาเรียนครั้งแรกในรอบ 17 เดือน
- เด็กๆ กำลังรับประทานอาหาร ที่โรงเรียนเตรียมอนุบาลในเมืองเจนไน ประเทศ #อินเดีย เมื่อวันที่ 1 กันยายน หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตการล็อกดาวน์ให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนในห้องเรียนได้
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชาว #ปาเลสไตน์ ต่อแถวรอรับวัคซีนไฟเซอร์โดสแรก ที่หมู่บ้าน Taffuh ทางตะวันตกของเมือง Hebron ในเวสต์แบงค์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน
- นักเรียนเข้าร่วมการเรียนภาคปฏิบัติเกี่ยวกับเครื่องกล ที่มหาวิทยาลัย Anna ในเมืองเจนไน ประเทศ #อินเดีย เมื่อวันที่ 1 กันยายน หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนในห้องเรียนได้
- นักเรียนได้รับวัคซีนซิโนแวค ที่โรงเรียนมัธยมในเมืองสุราบายา ประเทศ #อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 1 กันยายน
- นักเรียนที่โรงเรียนของรัฐในเขต Ain Al-Basha ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงอัมมาน ประเทศ #จอร์แดน ขณะที่นักเรียน 2.2 ล้านคน ในจอร์แดนได้กลับมาเรียนที่โรงเรียนอีกครั้งหลังจากที่ต้องเรียนออนไลน์นานถึง 17 เดือน เมื่อวันที่ 1 กันยายน
- นักเรียนฟังที่ครูพูดในวันแรกของภาคการศึกษาใหม่ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศ #จีน เมื่อวันที่ 1 กันยายน
- ครูพูดกับนักเรียนในชั้นเรียน ช่วงต้นภาคเรียนใหม่ในอูลานบาตอร์ เมืองหลวงของ #มองโกเลีย เมื่อวันที่ 1 กันยายน หลังจากที่โรงเรียน และโรงเรียนอนุบาล ปิดตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19
- นักเรียนชาว #อิสราเอล สวมหน้ากากอนามัย ขณะกลับไปเรียนในภาคการศึกษาใหม่ ที่โรงเรียนประถม Beit Hakerem ของอิสราเอลในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อวันที่ 1 กันยายน โดยล่าสุดอิสราเอลมีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ถึง 7,000 ราย ในวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา
- ครูสอนนักเรียนทั้งแบบในห้องเรียนและออนไลน์ ที่โรงเรียนประถมศึกษา Motolinia ในกรุงเม็กซิโกซิตี้ ประเทศ #เม็กซิโก เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม
- นักเรียนคนหนึ่งกำลังวัดอุณหภูมิ ขณะไปถึงโรงเรียนในกรุงจาการ์ตา ประเทศ #อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ขณะที่รัฐบาลเปิดโรงเรียนอีกครั้งท่ามกลางการระบาดของโควิด-19
- เด็กๆ รอรับวัคซีนซิโนแวค ที่ศูนย์สุขภาพในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ขณะที่ #กัมพูชา เริ่มฉีดวัคซีนให้กับเด็กวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 12 ถึง 17 ปี
- เด็กนักเรียนเข้าเรียนที่เมืองเฮรัต ประเทศ #อัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม หลังจากการยึดครองประเทศของกลุ่มทาลิบัน
เม็กซิโก 在 Facebook 的最讚貼文
ทนกระแสไม่ไหว !! 'ฟีฟ่า' ยกเลิกแบน '11 แข้งพรีเมียร์' พร้อมลงสัปดาห์นี้
- ผู้จัดการทีมพรีเมียร์ ลีก จะสามารถเรียกใช้งานนักเตะที่ไม่ไปรายงานตัวรับใช้ทีมชาติในเกมสุดสัปดาห์นี้ได้ หลังจากทางฟีฟ่าและสมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศ ตกลงที่จะยกเลิกข้อห้ามการแบน 5 วันโดยอัตโนมัติให้
- นักเตะที่ไม่ได้เดินทางไปยังประเทศบราซิล, ชิลี, เม็กซิโก และปารากวัย สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ได้รับแจ้งว่าพวกเขาจะโดนแบนจากการแข่งขันสุดสัปดาห์นี้ แต่หลังจากการพูดคุยต่อเนื่องในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โทษแบนของพวกเขาได้ถูกเพิกถอนออกไป
- เอแดร์ซอน และ กาเบรียล เชซุส สองแข้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมเดินทางกับขุมกำลังไปที่เลสเตอร์ แต่ทาง เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ยอมรับในงานแถลงข่าวว่าไม่แน่ใจเรื่องที่จะสามารถส่งนักเตะลงสนามได้หรือไม่
- โทษแบนยังมีผลบังคับใช้กับ อลิสซอน, ฟาบินโญ่ และโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ของลิเวอร์พูล เช่นเดียวกับ ราฟินญ่า ของลีดส์ และ เฟร็ด ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- ฟีฟ่า ไม่ได้แจ้งข่าวจนกระทั่งช่วงดึกของวันศุกร์ และเป็นที่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับพรีเมียร์ ลีก เพื่อหาทางแก้ไขปัญหากับรัฐบาลสหราชอาณาจักร เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นในโปรแกรมเบรคทีมชาติรอบเดือนตุลาคม
- รายงานระบุว่าความร่วมมือของสโมสรพรีเมียร์ ลีกในกรณีนี้ บีบให้ฟีฟ่าต้องเปิดโต๊ะเจรจากับชาติจากอเมริกาใต้และอเมริกากลาง เพื่อโน้มน้าวให้พวกเขาเพิกถอนคำร้องการใช้กฎแบน 5 วันโดยอัตโนมัติทิ้งไป
#เกมละกู #ฟีฟ่า #FIFAWorldCup #FIFA #บราซิล #พรีเมียร์ลีก #PremierLeague #พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
เม็กซิโก 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文
เปิดตัวคู่แฝดไม่เหมือน ของ The new Nissan Navara 2021 นิสสัน นาวาร่า มันคือ All-New Frontier 2022 โฉมใหม่
ในช่วงที่มีการเปิดตัว Navara ที่เมืองไทย Nissan ก็ได้ทำการเปิดตัวรถกระบะรุ่นนี้ ในบางประเทศไปพร้อมกันด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ เม็กซิโก ที่ Nissan เปิดตัว Navara รุ่นปรับโฉมใหม่ ในชื่อ Frontier ซึ่งใช้ดีไซน์ทั้งภายในและภายนอก ในแบบเดียวกันกับ Navara ของไทย นั่นทำให้มีการคาดการณ์ว่า All-New Nissan Frontier ที่จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา จะมีรูปโฉมในแบบเดียวกันกับ Navara อีกทั้งภาพ spy shot และทีเซอร์ของ Frontier ที่มีการเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ ก็แสดงให้เห็นบางส่วน ที่เชื่อได้ว่า รถกระบะทั้ง 2 รุ่น จะมีหน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง
แต่ล่าสุดวันนี้ Nissan ได้เปิดตัว All-new Frontier โฉมใหม่ ปี 2022 ที่มาพร้อมภาษาการออกแบบเดียวกันกับ Navara รุ่นล่าสุด แต่มีความแตกต่างกัน ในรายละเอียด ที่ทำให้ได้ข้อสรุปว่า ทั้ง Frontier และ Navara โฉมใหม่ มีความคล้ายคลึงกันเท่านั้น ไม่ได้เหมือนกันในทุกกระเบียดนิ้ว
Nissan Frontier โฉมใหม่ มาพร้อมตัวถังที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อน ถึง 5 นิ้วด้วยกัน แต่โครงสร้างตัวถัง ยังเป็นขนาดเดิม ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ ระยะฐานล้อ ก็มีขนาดเท่าของเดิม และขุมพลัง ก็ยังเป็นเครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.8 ลิตร ที่เพิ่งมีใช้ใน Frontier รุ่นปี 2020 ที่ผ่านมา โดยให้กำลังสูงสุด 310 แรงม้า ที่ Nissan เคลมว่า ทรงพลังที่สุดในคลาส ส่วนแรงบิดสูงสุด อยู่ที่ 381 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลัง ที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
เม็กซิโก 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
ยอดขายรถยนต์ ยอดขายรถกระบะปิกอัพ 2020 ประเทศเม็กซิโก ประจำเดอนพฤศจิกายน 2563 และ 11 เดือนแรกของปี
การเปิดตัว Nissan Navara รุ่นปรับโฉมใหม่ เมื่อราว 1 เดือนก่อน ไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในเมืองไทยเท่านั้น อีกฝากฝั่งของโลก อย่างอเมริกากลาง Nissan ก็ทำการแนะนำ Navara โฉมใหม่ ไปพร้อมๆกัน และตลาดที่ Nissan เลือกใช้ในการเปิดตัว Navara ในชื่อว่า Frontier ก็คือ เม็กซิโก ตลาดที่มีจำนวนประชากร สูงถึง 128 ล้านคน และที่สำคัญกว่านั้น ก็คือ Nissan เป็นค่ายรถยนต์อันดับ 1 ที่มียอดขายสะสมใน 11 เดือนแรกของปีนี้ ถึง 173,000 กว่าคัน จาก 40 แบรนด์ 294 รุ่นรถยนต์ ที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน
โดยยอดขายในเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา Nissan สามารถจำหน่ายรถยนต์ไปได้ ถึง 18,428 คัน ซึ่งถือว่ามาก สำหรับตลาดที่มีการแข่งขันดุเดือดเช่นนี้ ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ Chevrolet ที่ 13,203 คัน ที่เพิ่งถอนทัพจากเมืองไทยไปไม่นาน ตามมาด้วยอันดับ 3 Volkswagen ที่ 10,365 ส่วนอีก 7 อันดับที่เหลือ ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ Kia Toyota Mazda Honda Ford Suzuki และ Hyundai ตามลำดับ เรียกว่ายอดขายสะสมของ Nissan ในปีนี้ เท่าๆกับยอดขายของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอีก 4 ค่าย ในระดับ Top 10 รวมกันด้วยซ้ำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ Nissan จะเลือกเม็กซิโก เป็นประเทศแรกๆ ในการเปิดตัว Navara โฉมใหม่
รายละเอียดและที่มา https://cardebuts.com/2020/12/nissan-mexico-car-sale-november-2020-2563-navara-frontier/
เม็กซิโก 在 Mindset TV Youtube 的最佳解答
แม่ยายมาแล้วจ้าาา วันนี้แม่ยาย ของนำเสนออาหารเม็กซิกันสูตร พิเศษตามใจแม่ยายให้พวกเราได้ทำตามกัน มาดูกันว่าอาหารเม็กซิกันที่ว่าจะเป็นอะไร และจะเด็ดสมเป็นสูตรแม่ยายขนาดไหน ติดตามได้ใน #แม่ยายmindset
**ดูแล้วอย่าลืม Subscribe กด Like กด Share ให้เฮียกับเจ๊ด้วยนะฮ้า**
________________________________
สามารถรับชมรายการ แม่ยาย MINDSET ได้ทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 และ 4 ของเดือน เวลา 20:00 น.
ช่องทางการรับชมเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/pokmindset
สนใจติดต่อโฆษณาได้ที่:
Tel. 063-343-9429 (คุณเนตร)
E-mail [email protected]
เม็กซิโก 在 Embajada Real de Tailandia en México / สถานเอกอัครราชทูต ณ ... 的推薦與評價
Embajada Real de Tailandia en México / สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก, Mexico City, Mexico. ถูกใจ 28115 คน · 1212 คนกำลังพูดถึงสิ่งนี้ · 3123... ... <看更多>