Venice เมืองท่องเที่ยวสำคัญของอิตาลี กำลังเจอความท้าทาย จากหลายด้าน /โดย ลงทุนแมน
“ดินแดนแห่งสายน้ำโรแมนติก” คือ ฉายาที่หลายคนมอบให้กับ เวนิส (Venice) เมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของอิตาลี เมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันจะไปเยี่ยมเยือนสักครั้งในชีวิตนี้
แต่หลังจากที่การระบาดของโควิด 19 ได้สร้างความบอบช้ำต่อเมืองท่องเที่ยวหลายแห่งทั่วโลก เวนิสก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
และแม้ว่าวันนี้วิกฤติโรคระบาด จะเริ่มจะเบาบางลงไปแล้ว
แต่ดูเหมือนว่า ปัญหาของเวนิสยังคงไม่จบลง
เวนิส ในตอนนี้ กำลังเจอกับความท้าทายอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เวนิส (Venice) หรือที่ในภาษาอิตาลีเรียกกันว่า เวเนเซีย (Venezia)
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ ณ แคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี
ในยุคเรอแนซองซ์ ราวศตวรรษที่ 15 เวนิสก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการเดินเรือและการค้าของทวีปยุโรป โดยเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญ ระหว่างพ่อค้าอาหรับที่ขนสินค้ามาจากโลกตะวันออก กับพ่อค้าจากยุโรปตะวันตก
สินค้าที่สำคัญและถูกนำมาซื้อขายที่นี่ ก็อย่างเช่น ผ้าไหม เมล็ดพืช เครื่องเทศ
รวมไปถึงงานศิลปะหลายต่อหลายชิ้น เวนิสยังเป็นที่ตั้งของธนาคารแห่งแรกในทวีปยุโรป
ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1156
ความโด่งดังของเวนิสถึงขนาดทำให้ วิลเลียม เชกสเปียร์ นักกวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษนำไปเขียนเป็นวรรณกรรมชื่อดังที่คนทั่วโลกรู้จักกัน คือเรื่อง “เวนิสวาณิช”
ปัจจุบัน เวนิสมีประชากรอยู่กว่า 258,000 คน หรือ 0.4% ของจำนวนประชากรของอิตาลี ขณะที่มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 415 ตารางกิโลเมตร หรือ 1 ใน 4 ของพื้นที่กรุงเทพมหานคร
แม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่มาก
แต่ความสวยงามของเมืองแห่งนี้สามารถดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
จนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจของเมืองเวนิสมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18
เมื่อเวนิสเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่องเที่ยว
ก็เริ่มมีธุรกิจเกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมเยือน
อย่างเช่น มีการก่อสร้างโรงแรมหรูสุดเก่าแก่ อย่าง Hotel Danieli
และ Caffè Florian ร้านกาแฟ ที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
และด้วยสภาพภูมิประเทศของเวนิสที่เป็นหมู่เกาะ
ทำให้เมืองแห่งนี้ มีกระแสน้ำไหลผ่านตลอดเวลา
ซึ่งกระแสน้ำ มักจะมีสีเขียวอมฟ้า ที่ดูสวยงามดุจดังอยู่ในเทพนิยาย
โดยเฉพาะคลอง Grand Canal ที่ถือเป็นคลองหลักหรือเส้นทางเดินเรือหลักสำหรับล่องเรือชมสภาพแวดล้อมในเมืองเวนิส
คลองแห่งนี้เป็นที่สัญจรของเรือมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “เรือกอนโดลา (Gondola)” เรือพายท้องถิ่นที่ว่ากันว่า ใครที่มาเที่ยวเวนิส ถ้าไม่ได้ขึ้นกอนโดลา จะถือว่ามาไม่ถึงเวนิสเลยทีเดียว
ในปี 2019 เวนิสมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนถึง 26 ล้านคน หรือประมาณ 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังอิตาลี ดังนั้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงมีความสำคัญ เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนของที่นี่อย่างปฏิเสธไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หลายปีก่อนหน้านี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเวนิสกลับต้องเจอกับความท้าทายหลาย ๆ อย่างด้วยกัน
เนื่องจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่มากเกินกว่าเมืองแห่งนี้จะรับไหว ทำให้ค่าครองชีพในเวนิสเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนชาวเมืองแท้ ๆ ที่อาศัยอยู่กันมานานหลายชั่วอายุคน
ต้องค่อย ๆ ทยอยย้ายออกจากเวนิสไปอยู่เมืองอื่น ๆ ที่มีค่าครองชีพถูกกว่า
นอกจากนี้ เวนิสยังต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และความเสียหายของสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ภายในเมือง ที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว
แต่แล้ววิกฤติโควิด 19 ก็กระทบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างหนักในปี 2020
และก็แน่นอนว่า เวนิส ก็คือหนึ่งในเมืองที่ต้องจมอยู่กับความเงียบเหงาในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนั้น เวนิสยังต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
จนนำไปสู่ปัญหาน้ำท่วม และความไม่สมดุลของระดับน้ำในคลอง
ก่อนหน้านี้ เวนิส เป็นเมืองที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว
โดยน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อปลายปี 2019 ซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งของเวนิส
อีกไม่กี่เดือนถัดมาหลังเกิดภัยพิบัติน้ำท่วม
เวนิสกลับเจอปรากฏการณ์น้ำในคลองภายในเมืองลดลงอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ไปกระทบกับธุรกิจล่องเรือกอนโดลา ที่ไม่สามารถออกมาพายให้บริการนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาบ้าง เนื่องจากระดับน้ำที่ไม่ปกติ
ในขณะที่สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ทั่วโลกเริ่มมีทีท่าว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
หลาย ๆ ประเทศ หลาย ๆ สถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก กำลังฟื้นฟูและเตรียมตัวรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวในอนาคตอันใกล้
แต่ถ้าหากยังต้องประสบกับเหตุการณ์ความไม่สมดุลของกระแสน้ำแบบนี้ต่อไป
เรื่องนี้ ก็อาจส่งผลต่อความน่าดึงดูดใจของ เวนิส ในวันข้างหน้า
ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องดี สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเมืองแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม
รัฐบาลอิตาลีได้อนุมัติงบประมาณให้แก่สภาเมืองกว่า 222,000 ล้านบาท เพื่อสร้างแนวกำแพงกั้นน้ำให้เวนิสเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2003 และคาดว่าจะพร้อมใช้งานไม่เกินปี 2022 ที่จะถึงนี้
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า วิธีแก้ปัญหาดังกล่าว จะช่วยลดความท้าทายของเมืองเวนิส ได้มากน้อยแค่ไหน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.statista.com/statistics/587095/number-of-international-tourist-arrivals-in-italy/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tourism_in_Italy
-https://www.statista.com/topics/5979/tourism-in-venice/
-https://www.nytimes.com/2020/07/02/travel/venice-coronavirus-tourism.html
-https://www.equaltimes.org/emptied-of-tourists-venice-is-full?lang=en#.YExcYTris2x
-https://www.businessinsider.com/disappointing-photos-show-venice-italy-expectation-vs-reality-2018-12#the-city-has-a-mere-54500-permanent-residents-11
-https://en.wikipedia.org/wiki/Venice
-https://www.businessinsider.com/low-tides-leave-venices-canals-dry-months-after-heavy-flooding-2021-2
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tourism_in_Italy
-https://www.pri.org/stories/2020-05-25/canals-are-clear-thanks-coronavirus-venice-s-existential-threat-climate-change
-https://www.oecd-ilibrary.org/sites/3d4192c2-en/index.html?itemId=/content/component/3d4192c2-en#:~:text=Tourism%20continues%20to%20make%20an,accounting%20for%208.3%25%20of%20employment.
-https://www.statista.com/statistics/627988/tourism-total-contribution-to-gdp-italy/
international tourist arrivals 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
กรณีศึกษา การใช้ SOFT POWER ของจีนในยุค COVID-19 /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงประเทศที่ใช้ Soft Power ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราอาจนึกถึง ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกทางวัฒนธรรม อย่างเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น
แต่จริงๆ แล้ว Soft Power ไม่ได้มีแค่เรื่องที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว
โดยเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ ที่มีการระบาดอย่างหนักของ COVID-19
จีน กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทโดดเด่นสุด ตอนนี้
เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามาเริ่มจากการทำความเข้าใจกับคำว่า “Soft Power”
Soft Power มาจากแนวคิดของศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ชื่อ Joseph Nye
เป็นการขยายอิทธิพล หรือทำให้ผู้อื่นคล้อยตาม โดยไม่ใช้วิธีการบังคับ
ซึ่ง Soft Power จะเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ วัฒนธรรม ค่านิยม และนโยบายต่างประเทศ
ตัวอย่างประเทศ ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Soft Power
ฝรั่งเศส ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร โดยถือเป็นประเทศที่ได้มิชลินสตาร์มากสุดในโลก
มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
ทำให้เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเยือนมากสุดในโลก
คิดเป็นจำนวนเกือบ 90 ล้านคน ในปี 2018
สหราชอาณาจักร มีสื่อที่ได้รับการยอมรับ อย่าง BBC
ซึ่งนับเป็นหนึ่งในสื่อทรงอิทธิพล ที่มีคนดูมากที่สุดในโลก
นอกจากนั้นยังมี Premier League ที่เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
สหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่าเป็นอีกประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเผยแพร่วัฒนธรรม
ผ่านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพลง รวมถึงแบรนด์ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน
ด้านการศึกษา สหรัฐอเมริกา ถือเป็นประเทศที่มีมหาวิทยาลัยระดับโลกมากสุดในโลก
รวมถึงด้านเทคโนโลยี ก็เป็นต้นกำเนิดของบริษัทอย่าง เฟซบุ๊ก แอปเปิล กูเกิล ไมโครซอฟต์
และอย่างที่รู้กันว่า คู่แข่งที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ก็คือ “จีน”
โดยเฉพาะ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงอย่าง COVID-19
ซึ่งกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญ ในการแข่งขันทางขั้วอิทธิพลระหว่าง 2 ประเทศนี้
และก็ดูเหมือนว่าจีน กำลังทำคะแนนในด้านนี้ได้อย่างโดดเด่น
เพราะแม้ว่าจีน จะเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งแรกๆ
แต่ก็เป็นประเทศที่สามารถจัดการกับ COVID-19 ได้เป็นแห่งแรกๆ เช่นกัน
ซึ่งเมื่อการระบาดแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น
จีน ก็ใช้โอกาสนี้ ในการส่งความช่วยเหลือไปให้ทั่วโลก
โดยรัฐบาลจีน ได้มีการส่งอุปกรณ์ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อโรค ชุดตรวจโรค รวมถึงทีมแพทย์ ไปให้กว่า 120 ประเทศ
มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจหาโรค การรักษาโรค และการป้องกันโรค โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ที่จีนได้รับมาก่อน
นอกจากนั้น ยังมีการอนุมัติวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และโครงการพักชำระหนี้
ให้กับประเทศซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ Belt and Road ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
ในส่วนภาคเอกชนของจีนเอง ก็ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือในวิกฤติ COVID-19 นี้ไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ การเงิน และการขนส่ง มีการบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ ไปยังประเทศต่างๆ
นอกจากนั้นยังมีมูลนิธิของ Alibaba และ Jack Ma ซึ่งบริจาคหน้ากากอนามัยให้เกือบ 100 ประเทศ
มีการเผยแพร่สื่อที่เกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคใน 8 ภาษา ลงบนโลกออนไลน์
รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ชื่อว่า
Global MediXchange for Combating COVID-19 หรือ GMCC
ซึ่งในขณะที่จีนกำลังทำทุกอย่างนี้ สหรัฐอเมริกาที่เป็นพี่ใหญ่ของโลก กลับยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในประเทศได้
ดังนั้น COVID-19 จึงเปรียบเหมือนโอกาสของจีน
ในการสั่นคลอนอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา โดยใช้ Soft Power เป็นทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ
และถ้าจีน สามารถผลิตวัคซีนได้สำเร็จเป็นประเทศแรก
ก็น่าสนใจไม่น้อยว่า สมดุลขั้วอำนาจระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนไปอย่างไร
จริงๆ แล้ว ก่อนหน้า COVID-19 จีนได้เริ่มมีการใช้ Soft Power มาสักระยะหนึ่งแล้ว
ในด้านวัฒนธรรม เราจะเห็นได้ว่าทั้งวงการบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยว และภาษาจีนที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ผ่านซีรีส์ ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงการให้ทุนการศึกษาจำนวนมากแก่นักเรียนต่างประเทศ
ในด้านการต่างประเทศ ก็มีโครงการ Belt and Road ที่เข้าไปช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในกว่า 60 ประเทศ
ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับมาที่ไทย เราเองก็เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
เรามีวัฒนธรรม มวยไทย อาหารไทย ที่ขึ้นชื่อ
เรามีภาพยนตร์ ละคร ศิลปิน ที่เริ่มเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ
เรามีสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
และไทยยังได้รับการจัดอันดับว่ามีความมั่นคงทางสุขภาพเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
แปลว่าจริงๆ ถ้าเราสามารถวางกลยุทธ์เพื่อบริหารจัดการจุดเด่นเหล่านี้ได้
ประเทศไทยเรา ก็มีศักยภาพในการใช้ Soft Power ได้ไม่แพ้ใครเช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://softpower30.com
-https://www.statista.com/…/countries-ranked-by-number-of-i…/
-https://www.weforum.org/…/how-china-s-covid-19-recovery-co…/
-https://www.politico.eu/…/coronavirus-china-winning-propag…/
-https://www.silkroadbriefing.com/…/china-development-bank-…/
A case study of Chinese SOFT POWER in COVID-19 era / by investing manly.
Speaking of countries that use Soft Power effectively
We may think of a country that succeeds in cultural exports like South Korea or Japan.
But really, Soft Power isn't just a cultural thing.
Especially in this situation where COVID-19 outbreak is now.
China is one of the most iconic countries now.
How interesting is this? Investing man will tell you about it.
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical Articles Collection.
Deep content penetrating
The latest podcast feature is available.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
First of all, let's start by understanding the word ′′ Soft Power ′′
Soft Power comes from the concept of Harvard University professor named Joseph Nye
Expanding influences or making others follow without a force.
Soft Power will occur from 3 main factors include culture, values and foreign policy.
Examples of successful countries by using Soft Power
France is famous for food. It is the most Michelin star country in the world.
There are many famous attractions such as the Eiffel Tower, Louvre Museum.
Make it the country with foreign tourists to visit the world's most.
As many as 90 million people as 2018
The UK has BBC recognized media
Which is one of the most viewed influential media in the world.
In addition, Premier League is a popular football match all over the world.
USA is called another successful country to publish culture.
Through the film industry, music including brands we use in everyday life.
U.S. education is the country with the world's most universities.
Including technology is the origin of companies like Facebook, Apple, Google, Microsoft.
And as you know, a major U.S. rival is ′′ China
Especially when unexpected events like COVID-19
Which became an important factor in the influential competition between these 2 countries.
And it looks like China is scoring this side outstandingly.
Because although China is the center of the first outbreak.
But it's also a country that can handle COVID-19 as well.
When the outbreak spread to other countries
China also uses this opportunity to send help to the world.
Chinese government has been sent necessary equipment, hygienic mask, anti-germs, examination kit, including medical team to over 120 countries.
Information related to disease detection, treatment and prevention of disease based on the experience China has obtained before.
In addition, low interest loan band approved and debt break project.
To the country under the Belt and Road project affected by COVID-19
In China's private sector, we are cooperating and helping with this COVID-19 crisis.
Specifically, businesses involved in the production of medical equipment, finance and transportation. Medical supplies are donated to different countries.
In addition, Alibaba and Jack Ma's foundation donated almost 100 countries of hygienic masks.
Media has been published on how to cure 8 languages online.
Including creating a real-time data exchange platform called
Global MediXchange for Combating COVID-19 หรือ GMCC
While China is doing everything, the world's big brother USA can't control the COVID-19 outbreak situation in the country.
Therefore, COVID-19 is like China's opportunity.
To shake U.S. influence using Soft Power as a resource on hand.
And if China can successfully produce vaccines first country.
Interesting how the power balance between China and USA will change.
In fact, COVID-19 China has started using Soft Power for a while.
In the culture, we can see that the entertainment industry, attractions and Chinese are becoming more popular through film series, music including scholarships. cuddle students abroad.
In foreign countries, there are Belt and Road projects that help develop infrastructure in over 60 countries.
When I look back at Thailand, I am a unique country.
We have a Thai boxing culture, famous Thai food.
We have a drama film, an artist that started to be known abroad.
We have the world's top popular attractions.
And Thai is also ranked as the world's number 6 health stability.
Really means if we can strategize to manage these highlights.
Thailand, we also have the potential to use Soft Power, not allergic to anyone..
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical Articles Collection.
Deep content penetrating
The latest podcast feature is available.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Follow to invest manly at
Website - longtunman.com
Blockdit-blockdit.com/longtunman
Facebook-@[113397052526245:274: lngthun mæn]
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram-instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://softpower30.com
-https://www.statista.com/statistics/261726/countries-ranked-by-number-of-international-tourist-arrivals/
-https://www.weforum.org/agenda/2020/03/how-china-s-covid-19-recovery-could-bolster-its-global-influence/
-https://www.politico.eu/article/coronavirus-china-winning-propaganda-war/
-https://www.silkroadbriefing.com/news/2020/03/27/china-development-bank-provide-financial-support-belt-road-projects-affected-covid-19/Translated
international tourist arrivals 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
นักท่องเที่ยวจีนสำคัญต่อ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมากแค่ไหน? /โดย ลงทุนแมน
การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กำลังส่งผลกระทบหลายด้าน ไม่เพียงแต่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหลายประเทศ แต่รวมไปถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกด้วย
เพราะตอนนี้ นักท่องเที่ยวจากจีนกำลังชะลอตัวลง
หลายประเทศปิดกั้นไม่ให้ชาวจีนเดินทางเข้าประเทศในช่วงนี้
แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกในหลายปีที่ผ่านมา
แล้วนักท่องเที่ยวจีนสำคัญขนาดไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
----------------------
ข่าวภาษาอังกฤษเข้าใจง่ายเหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง ที่ Bite Size Bangkok
----------------------
รู้ไหมว่า ถ้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นประเทศ จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของโลก ซึ่งใหญ่กว่าขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและเยอรมนี
นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 1,600 ล้านคน ในปี 2019 เทียบกับปี 1950 ที่มีจำนวนเพียง 25 ล้านคน
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 10% ของ GDP โลก มีการสร้างงานกว่า 318 ล้านตำแหน่ง
และแน่นอนว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นเกี่ยวเนื่องกับหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร จนถึงห้างสรรพสินค้า
แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ
รู้หรือไม่ว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก ส่วนสำคัญเกิดจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่เติบโตเกือบ 3 เท่าในช่วงระหว่างปี 2010-2019
ปี 2010 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจำนวน 57 ล้านคน
ปี 2019 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจำนวน 166 ล้านคน
โดย ทุกๆ 100 คน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดนั้น
จะเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนไม่ต่ำกว่า 10 คน
ปรากฏการณ์นี้ สาเหตุหลักเกิดจากการที่เศรษฐกิจของจีนนั้นเติบโตอย่างมาก ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี
ปี 2010 รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเท่ากับ 142,000 บาท
ปี 2019 รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนจีนเท่ากับ 315,000 บาท
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คนจีนจึงมีการเดินทางและใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวมากขึ้น เมื่อรายได้พวกเขาเพิ่มขึ้น
ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจากจีนเป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุดในโลกอีกด้วย
3 อันดับนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากสุดในโลก
1. จีน มูลค่ารวมกันกว่า 8.6 ล้านล้านบาท
2. สหรัฐอเมริกา มูลค่ารวมกันกว่า 4.5 ล้านล้านบาท
3. เยอรมนี มูลค่ารวมกันกว่า 2.9 ล้านล้านบาท
ดูแบบนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่า การระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศชะลอตัวลงนั้น กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในหลายประเทศ
เพราะแค่ยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากจีนนั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 16% ของค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกทั้งหมด
และนี่อาจไม่กระทบแค่ภาคบริการ การท่องเที่ยวโดยตรง
แต่มันอาจส่งผลกระทบไปยังอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องในทางอ้อม
ซึ่งยิ่งเรื่องลากยาวไปนานเท่าไร
ผลกระทบก็น่าจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น..
----------------------
Facebook: Bite Size Bangkok https://www.facebook.com/bitesizebangkok
Instagram: bitesize_bkk https://www.instagram.com/bitesize_bkk/
Twitter: @BitesizeBkk https://twitter.com/BitesizeBkk
----------------------
References
-https://www.wttc.org/-/media/files/reports/economic-impact-research/regions-2019/world2019.pdf
-https://www.statista.com/statistics/273127/countries-with-the-highest-expenditure-in-international-tourism/
-https://www.statista.com/statistics/209334/total-number-of-international-tourist-arrivals/
-https://www.travelchinaguide.com/tourism/2019statistics/
-https://www.youtube.com/watch?v=O3bx5miizBw
-https://news.gtp.gr/2019/06/11/international-tourism-revenue-hit-1-7-trillion-2018/
international tourist arrivals 在 More content - Facebook 的推薦與評價
World Tourism Organization (UNWTO), profile picture. Join ... ⬇️83% in International tourist arrivals over 2020 ⬇️88% in International ... ... <看更多>