รู้จัก โออาร์ Flagship ด้านธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกของ กลุ่ม ปตท. ที่เตรียม IPO
โออาร์ X ลงทุนแมน
วันนี้หากเราเข้าไปในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station หลายคนคงรู้สึกว่าเป็นอะไรที่มากกว่าสถานีบริการน้ำมัน เพราะเราสามารถใช้บริการได้หลากหลายไม่ใช่แค่เติมน้ำมันอย่างเดียว เพราะวันนี้ โออาร์ มาพร้อมกับโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Retailing Beyond Fuel ที่สามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน
หากอยากดื่มกาแฟก็มี Café Amazon
อยากทานอาหารอร่อยๆ ก็มี Texas Chicken ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ และแบรนด์อื่นๆ อีกมาก
หรือหากรถเรามีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ต้องการตรวจเช็คเครื่องยนต์ หรือเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นก็มีศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ไปจนถึงบริการที่ตอบโจทย์เทรนด์พลังงานและยานพาหนะแห่งอนาคตกับ EV Charging Station
ที่กล่าวมาคือตัวอย่างบางธุรกิจของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ “โออาร์” ซึ่งแยกออกมาจาก ปตท. ที่คนไทยทั่วประเทศคุ้นเคย
แล้วรู้หรือไม่ โออาร์ ก็ยังมีธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายที่เราอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน
โดยแต่ละธุรกิจนั้น ก็จะผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ
เพื่อให้บริษัทแห่งนี้ “เป็นมากกว่าบริษัทที่ขายน้ำมัน”
ส่วนความน่าสนใจ ก็คงหนีไม่พ้นความเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัทแห่งนี้
ที่กำลังเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกหรือ IPO
ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่แล้วเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
คำถามก็คือ..แล้วธุรกิจของ โออาร์ มีอะไรบ้าง?
จนถึงแนวคิดการทำธุรกิจของบริษัทแห่งนี้เป็นอย่างไร?
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
ก่อนอื่นเรามารู้จัก โออาร์ กันก่อนว่าบริษัทแห่งนี้มีธุรกิจอะไรบ้าง
โดยแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจหลัก
1. กลุ่มธุรกิจน้ำมัน: ปัจจุบัน โออาร์ มีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station กว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ**
โดยแบ่งเป็นการลงทุนและดำเนินการโดยผู้แทนจำหน่ายหรือ DODO ประมาณ 80% และที่บริษัทลงทุนและดำเนินการเองหรือ COCO อีกประมาณ 20%
โออาร์ ครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันอันดับ 1 มีส่วนแบ่งตลาด 38.9%*
ด้วยจุดขายคือ เป็นผู้นำในการพัฒนารูปแบบของสถานีบริการน้ำมัน ให้มีสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร และยังเป็นผู้นำในการคิดค้นและพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง จนถึงการมีน้ำมันเชื้อเพลิงที่พัฒนาจากพลังงานทดแทนให้ลูกค้าได้เลือกมากมาย ประกอบกับการเพิ่มการให้บริการชาร์จไฟฟ้าให้แก่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) สอดคล้องการเทรนด์ของโลกที่กำลังมุ่งสู่พลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกัน โออาร์ ยังมีการขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ ในลักษณะ B2B ให้แก่ลูกค้าต่างๆ รวมกันกว่า 2,600 ราย* ได้แก่ ลูกค้าภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม การจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas หรือ LPG) ให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และภาคครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ ก๊าซหุงต้ม ปตท. โดยมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ
ด้วยการมีสเกลธุรกิจขายน้ำมันและพลังงานใหญ่ถึงเพียงนี้
ก็ย่อมหมายถึง ต้องมีระบบรองรับในการบริหารจัดการที่แข็งแกร่ง
ก็เลยทำให้วันนี้ โออาร์ มีคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 53 แห่งกระจายไปยังทำเลสำคัญๆ ทั่วประเทศ**
พร้อมด้วยระบบขนส่งมากมายทั้งทางท่อขนส่ง ทางเรือ ทางรถ และทางรถไฟ โดยมีการควบคุมอย่างรัดกุมเพื่อความปลอดภัย
นับเป็นแต้มต่อที่ได้เปรียบกว่าคู่แข่งขึ้นมาในทันที
ซึ่งการมีระบบขนส่งที่หลากหลาย ทำให้บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ: ธุรกิจกลุ่มนี้เกิดจากแนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงภาพของสถานีบริการน้ำมันที่ไม่ใช่แค่การเติมน้ำมันอย่างเดียว
แต่ผู้บริโภคสามารถใช้บริการอื่นๆ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันตัวเองได้
เลยเป็นที่มาของธุรกิจร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารและเครื่องดื่ม
ที่มีสารพัดแบรนด์มากมายทั้งแบบพัฒนาเองและแบบได้รับสิทธิแฟรนไชส์
เช่น ร้าน Café Amazon, ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในสถานีบริการ และ Jiffy ร้านไก่ทอด Texas Chicken, ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ เป็นต้น
ที่น่าสนใจ คือ ร้าน Café Amazon ที่ทาง โออาร์ สร้างมากับมือกำลังโตได้เกินคาด
เพราะรู้หรือไม่..ปัจจุบันร้านกาแฟแห่งนี้มีมากกว่า 3,400 สาขาทั้งในและต่างประเทศ** ขึ้นแท่นเป็นเชนร้านกาแฟใหญ่อันดับ 6 ของโลกตามจำนวนสาขา*
นอกจากนี้ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ก็ยังมีการเปิดให้แบรนด์อื่นๆ เข้ามาเช่าพื้นที่ขายในสถานีตัวเอง อย่างเช่น KFC, Burger King, Pizza Hut
จะเห็นว่า กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ ของ โออาร์ สร้างรายได้จากหลายช่องทาง
และที่สำคัญคือ Blue Card ซึ่งมีฐานสมาชิกประมาณ 6.7 ล้านราย** เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความผูกพันและนำไปสู่การออกแบบเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคเป็นการรายบุคคล (Individualized Customer Experience) ผ่านเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Big Data Analytics) จึงทำให้ โออาร์ สามารถพัฒนาสินค้า บริการ ให้ตรงโจทย์เฉพาะบุคคลดียิ่งขึ้นไปอีก ผลที่ตามมาก็คือการมีรายได้ (ก่อนหักรายการระหว่างกัน) จากกลุ่มธุรกิจนี้เติบโตเฉลี่ยปีละ 12.3% ในปี 2560 - 2562
ส่วนกำไร ก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) (ก่อนหักรายการระหว่างกัน) ของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ
ปี 2560 อยู่ที่ 3,626 ล้านบาท
ปี 2562 อยู่ที่ 4,255 ล้านบาท
3. ธุรกิจต่างประเทศ: รู้หรือไม่ว่าปัจจุบัน โออาร์ มีธุรกิจ Oil และ Non-oil
ไปไกลถึง 10 ประเทศทั่วโลก อาทิ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น โดยการเลือกธุรกิจ Oil และ Non-Oil เพื่อขยายไปในแต่ละประเทศนั้น โออาร์ จะพิจารณาจากความเหมาะสมในการเข้าไปเจาะตลาดในแต่ละประเทศ ซึ่งปัจจุบัน โออาร์ มีรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคงในประเทศฟิลิปปินส์ กัมพูชา และลาว ที่ โออาร์ ได้ผสมผสานธุรกิจทั้ง Oil และ Non-Oil ในรูปแบบ Retailing Beyond Fuel อย่างลงตัว
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศนั้น มีทั้งแบบที่ โออาร์ เป็นผู้ดำเนินงานเอง
ส่วนอีกแบบก็คือให้บริษัทย่อยที่ตั้งอยู่ในประเทศนั้นๆ เป็นผู้ดำเนินงาน
โดยปัจจุบันก็มีหลายแบรนด์เลยทีเดียว ที่ขยายไปยังต่างประเทศ
ถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ว่าธุรกิจของ โออาร์ ครอบคลุมมากกว่าที่เราคิดไว้เยอะ
คำถามที่ตามมาคือ แล้วความครอบคลุมนี้มีข้อดีต่อกลยุทธ์ในการต่อยอดธุรกิจอย่างไร
เรื่องนี้ มันก็คงสะท้อนจากแนวคิดการทำธุรกิจที่แบ่งออกเป็น 3 ข้อใหญ่ๆ
● Greater Expansion: ขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ และลงทุนในธุรกิจใหม่หรือแบรนด์ใหม่ผ่านการเข้าซื้อกิจการหรือการร่วมลงทุน
● Greater Product & Services: ต่อยอดสินค้าและบริการที่มีอยู่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อกระตุ้นให้ยอดใช้จ่ายต่อบิลจนถึงจำนวนครั้งที่ใช้จ่ายของลูกค้าเพิ่มขึ้น เช่น บริการแบบ online-to-offline experience
● Greater Business Operations: เพิ่มศักยภาพการบริหารต้นทุนธุรกิจให้ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น การสร้างโรงงานเบเกอรี่ โรงงานผงผสมเครื่องดื่ม และศูนย์กระจายสินค้าใหม่ และต่อยอดประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือและเครือข่ายธุรกิจในฐานะหนึ่งใน Flagship ของ กลุ่ม ปตท.
ทั้งหมดนี้คือวิธีคิดในการสร้างรายได้และกำไรอย่างยั่งยืนของ โออาร์ แต่สิ่งสำคัญคือ โออาร์ ไม่ได้มุ่งเน้นการเติบโตเฉพาะทางธุรกิจ แต่ยังเชื่อในพลังแห่งความร่วมมือเพื่อสร้างการเติบโตไปด้วยกันกับสังคม ชุมชน ลูกค้า และคู่ค้าอย่างยั่งยืน โดยริเริ่มดำเนินหลายโครงการจนประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการไทยเด็ด โครงการ Café Amazon for Chance ไปจนถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่าง โครงการ Café Amazon Circular Living ควบคู่กับการยึดมั่นในธรรมาภิบาล นั่นจึงทำให้ โออาร์ ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน
เมื่อเราเห็นภาพ โออาร์ ในทุกๆ มิติอย่างชัดเจน
ก็คงต้องติดตามดูต่อไปว่า เมื่อมีการเปิดเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน IPO ให้ประชาชนทั่วไป
ได้ลงทุนใน #หุ้นโออาร์ นั้นจะได้รับผลตอบรับดีแค่ไหน แต่ในวันนี้ก็คงต้องบอกว่าเป็นบริษัทที่น่าจับตาบริษัทหนึ่งเลยทีเดียว..
#โออาร์ #OR #หุ้นโออาร์
*ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
**ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563
References
-เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
-https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=293650 [ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563]
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เร่งผลักดันการใช้รถยนต์พลั...
ev charging station 在 ITRI Taiwan Facebook 的最佳解答
The first EV-only service station is almost complete in Essex, UK. Details about the station include 30 on-site charging devices that are high-powered with 350 kW of power, allowing EV drivers to add hundreds of miles of range in under 30 minutes. The service station also contains shops like bookstores and even a gym for EV drivers to experience while charging their vehicles.
#EVstation #TechTrend
ev charging station 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
MG X ลงทุนแมน
การเปลี่ยนถ่ายจาก รถเครื่องยนต์สันดาป สู่ EV Car ในประเทศไทย
รถยนต์คันแรกที่วิ่งบนถนนเมืองไทยเกิดขึ้นปี พ.ศ. 2447
หรือเมื่อ 116 ปีที่แล้ว ซึ่งเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เป็นคนนำเข้ามาจากยุโรป
...Continue ReadingMG X invest man
Transformation from combustion engine to EV Car in Thailand
The first car to run on Thailand road happened in the year. B.E. 2447
Or 116 years ago that Chao Phraya Surasak Montri was imported from Europe.
But when the reign of King Rama 5, he saw that it was difficult to use, he ordered German companies to assemble Mercedes to be a throne car that used fuel as a throne.
Over time in Thailand, there are many car brands happening. Both Japanese and European brands have come to set up factory in Thailand.
Until now Thailand becomes the world's number 11 car production base.
Have you ever noticed that from the beginning of 100 years ago to today?
The thing that doesn't change is that most road cars are still combustion engines.
To rely on oil which causes pollution air and pollution noise.
In spite of this time, car camps around the world have created smoke-free automotive technology. Powered by electric energy.
So why is the car that uses combustion engine still running on the road of Thailand?
Investing man will try to analyze it.
The reason combustion engine cars are the most popular in our house.
Apart from every camp, the manufacturer has many models of cars to choose from as they wish.
Another important thing is that it's easy to sell price. It's a market that is easy to buy and sell easily. Whether it's a new or used car.
But the thing that we have to exchange is that the environment is negative from toxic fumes, we have to pay for gas each month. On average, combustion engine car with 1 litres of oil will run 10-15 kilometers.
At the end, it's a busy maintenance fee because there must be consistent check and maintenance of the engine.
Until a time later, HEV hybrid car technology is leading battery and electric motor.
Come in to help make cars more powerful and save more oil.
There are many types of hybrids working methods. It depends on the design of the electric transmission system. It helps to start faster, save more oil or bring electricity to help engine all the time to improve energy.
And another option to market is to operate the electric motor, wheel drive, but it all comes from the ′′ generator that serves the electrical power ′′ engine so that cars can use the advantages of electric motor. That's a quick start. Waiting for the engine round
Which, in any way, the hybrid system still needs to be gased for the engine and exhaust like combustion engine.
And what makes hybrids so unsuccessful is selling more expensive than combustion engine vehicles and engine maintenance costs.
A system that develops later is a hybrid plug-in or a system that adds external energy. This charging system allows cars to be more powerful than before. Electricity in low speeds. Further and more fuel saving, but even more so, the main energy is still oiled while electricity is more supplementary.
As the past 3 systems could fix the fuel saving and better power, but the toxic fumes were created from combustion engine couldn't solve the pollution PM2. 5 pollution.
This is why some car camps are innovating that won't need engine power anymore. That's 100 % electric cars using 100 % electricity and cut off all engine systems which can be recharged from. Exterior and store power at battery. When power is driven, electricity will be sent to motor to drive wheels.
And when cars don't need to drive, which means we don't need to pay for gas, no engine maintenance, no oil, and 100 % electricity usage. It makes driving time no noise, no poisonous smoke.
100 % of electric cars will change our lifestyle from gas station to travel to charging at home similar to mobile phones. Our society is a clean society without PM2. 5 anymore.
By 100 % electric car or BEV Car, it's going to be a leap growing global sales.
Year 2010 Sales of 100 % BEV worldwide 2,881 cars.
Year 2019 Sales of 100 % BEV worldwide 1,502,798 cars.
Only 9 years. BEV Car grows 52,062 %
At this time, there are over 4.5 million BEV car cars running across the globe.
The country with the most BEV cars running on the road is China with approximately 2.5 million cars.
Or think about 55 % of all BEV Car in the world. Secondary is USA and European countries.
The most important reason why BEV Car in many countries around the world is growing. Government bombs support both car manufacturers tax structures to tax deductible to citizens if they buy BEV Car.
Because at this time, many countries are terrified of the climate getting worse.
Specifically, China where many cities are falling in the circle of dust. PM2. 5
And this is happening to Thailand too.
Many people are asking how is the status of the sky train market 100 % BEV Car in our house?
Believe it or not, the EV Car in Thailand includes all-driven vehicles, both hybrid and hybrid plug-ins. Only 1.2 hundred thousand or 1.2 % of personalized cars. All across the country
And in that total, only 1,500 cars are 100 % electric cars or BEV.
The reason BEV Car in Thailand hasn't been informed. Born like other countries.
I have to admit that part of the promotion of the government is not as intense as it should be.
The next thing is that the sale price is still pretty high.
Because no car camp is currently able to produce an EV Car in the country. It costs all of them for import tax.
This story has resulted in the price of BEV Car on the market. Most of them are price starts from 1.8 million Baht.
When things are like this, it makes MG see the gap with importing BEV Car ′′ MG ZS EV ′′
With benefits of import tax 0 % from FTA Thai - China trade policy.
From now on, MG ZS EV can make a sale price of up to 1.19 million baht, cheaper than other BEV Car camps apparently.
This model car has a highlight. It's fully charged 1 times. It can be 337 kilometers and battery guarantee for 8 years.
The thing to follow is
So when are we going to see BEV Car of other car camps. It's priced for normal people to access like MG ZS EV.
So when will we see BEV Car under a million baht like other countries?
So when will we see BEV Car charging at all locations like gas stations.
The answer should be about
Car factory in Thailand will mainly change from the manufacturing of combustion cars.
When will I become a full EV Car?
And how much electric car charging stations will be promoted
This is based on government policies.
And the public sector needs to push it happen too.
And if that day comes
When BEV Car runs on the streets of Thailand
Our eyes won't see black smoke
Our nose won't breathe poisonous smoke
Our ears won't listen loudly from the engine
And it's that time on the road in Thailand
Will be friendly for us all..
References
- Siam Commercial Bank Economic Research Center (SCB EIC)
- MG Sale (Thailand) Co Ltd.Translated
ev charging station 在 CarDebuts Youtube 的精選貼文
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เร่งผลักดันการใช้รถยนต์พลังานไฟฟ้าในประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง แถลงความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนาระบบการรับรองและมาตรฐาน EV Charging Station และเดินหน้าทยอยเปิดให้บริการสถานีชาร์จ MG SUPER CHARGE หลังบรรลุแผนติดตั้งสถานีชาร์จที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศแล้วเสร็จจำนวนทั้งสิ้น 108 แห่ง พร้อมเดินแผนขยายเพิ่มอย่างต่อเนื่องอีก 500 แห่งภายในปีนี้
เอ็มจี ถือเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ให้ความสำคัญกับสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV Ecosystem) ของประเทศไทย โดยได้เดินหน้าแผนงานด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เข้าใกล้สังคมยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด รวมทั้งการสนับสนุนและทำงานร่วมกับหน่วยงานของทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน เพื่อให้สังคมยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมามีการลงนามความร่วมมือกับ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ในการร่วมกันขยายจุดชาร์จไฟเพื่อรองรับปริมาณยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการร่วมกันส่งเสริมและสร้างสรรค์สังคมยานยนต์ไฟฟ้าให้มีความแพร่หลาย โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงด้านการพัฒนาระบบการรับรองและมาตรฐานสำหรับ EV Charging Station ผ่านการทดสอบสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี หรือ MG SUPER CHARGE เพื่อให้เป็นต้นแบบในการศึกษาวิจัยและใช้งานสถานีชาร์จอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดมาตรฐานที่เป็นหนึ่งเดียวกันให้กับระบบการชาร์จไฟฟ้าของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
มร. จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยถึงความคืบหน้าของแผนงานการขยายสถานีชาร์จของเอ็มจีที่ประกาศไว้ เมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุดได้บรรลุแผนระยะที่ 1 มีการติดตั้งสถานีชาร์จ จำนวน 108 สถานีที่โชว์รูมและศูนย์บริการเอ็มจีเรียบร้อยแล้ว โดยมีความพร้อมเปิดให้บริการแล้ว 67 สถานี ซึ่งราคาค่าบริการในช่วง Off Peak* จะอยู่ที่ 6.5 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง และในช่วงเวลา Peak* จะอยู่ที่ 7.5 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง พร้อมเดินหน้าสู่แผนระยะที่ 2 ในการติดตั้งสถานีชาร์จอีก 500 จุดทั่วประเทศด้วยงบลงทุนมูลค่า 500 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับสถานีชาร์จ และเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าด้วยจำนวนสถานีชาร์จที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”
ev charging station 在 ギズモード・ジャパン Youtube 的精選貼文
ニッポンは電気自動車の充電先進国。
さあ東京の充電器の数をカウントしていく
ドライブに出かけよう。
この動画の記事はここで見られます。
→https://www.gizmodo.jp/2018/10/nissan-ev-charging-station-tokyo.html
Video Shooting: Kazuya Kato(KANKI)
Nobuo Hoshino(REC)
Video Editing & CG: Ryo Oguchi(6 & SENSE)
ev charging station 在 Charging station - Wikipedia 的相關結果
A charging station, also called an EV charger or electric vehicle supply equipment (EVSE), is a piece of equipment that supplies electrical power for ... ... <看更多>
ev charging station 在 EV Charging Solutions - Tata Power 的相關結果
Tata Power established the first public Electric Vehicle charging stations in Mumbai - Making Mumbai EV ready! ... <看更多>
ev charging station 在 Products - EV Charging - Delta Electronics 的相關結果
Delta's EV Charging Infrastructure Management System is a web-based intuitive system for medium-scale charging station in building and other facilities ... ... <看更多>