First Man (2018) เข้าฉาย 18 ตุลาคมนี้
ในแง่การกำกับหนังคงเรียกว่าดีตามเนื้อผ้า แค่เราไม่อินกับหัวข้อการพยายามส่งคนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ของนาซ่าเท่าที่ควร อย่างหนึ่งคือรู้สึกว่าเรื่องราวมันไกลตัวแล้วหนังก็ไม่ได้พยายามจะบิ๊วความยิ่งใหญ่ให้สมกับเป็นอีเว้นต์แห่งประวัติศาสตร์ที่คนทั้งโลกรอคอย หนังมุ่งเน้นไปที่ภารกิจของนาซ่าตัดสลับกับรอยร้าวบนความอัดอั้นในจิตใจของนีล อาร์มสตอง หลังสูญเสียลูกสาวและเพื่อนนักบินไปหลายคน ซึ่งทำให้หนังออกมาในลักษณะของลำดับเหตุการณ์ในวิกิพีเดียสอดแทรกการเผยให้เห็นตัวตนของนีล อาร์มสตรอง มากกว่าจะสร้างอารมณ์ร่วมให้ตื่นเต้นไปกับประสบการณ์ครั้งแรกของมนุษยชาติ จะว่าไปแล้วเรารู้สึกมีส่วนร่วมกับหนังเวลาที่ตัวละครอยู่ในยานอวกาศมากกว่าด้วยซ้ำ การถ่ายจากภายในห้องโดยสารแต่ละครั้งช่างทำให้เราใกล้ชิดกับสถานการณ์จนรู้สึกกดดันและท้าทายตลอดเวลา
.
ถ้าว่ากันตามตรง การเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกถือว่าเป็นเหตุการณ์สุดยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ แต่หนังท้าทายพอสมควรที่เลือกจะเดินเรื่องแบบราบเรียบเสมือนวางบทบาทตัวเองเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ โดยมุมหนึ่งที่เราชอบคือหนังตีความว่านีล อาร์มสตอง ไม่ได้อยากเป็น american hero เขาเพียงทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ถ้าจะมีใครสักคนถูกยกย่องเชิดชูในหนังคงหนีไม่พ้นนาซ่าที่ดูจะได้รับเครดิตความสำเร็จท่ามกลางเสียงวิพากย์วิจารณ์ในยุคนั้นถึงการนำเงินภาษีไปใช้อย่างเปล่าประโยชน์ แต่เสียงยินดีกึกก้องสำหรับนีล อาร์มสตรอง อาจกลายเป็นความเงียบเพราะเขาต้องการเพียงจะหาความว่างเปล่าสักแห่งที่จะได้ปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาในใจเท่านั้น ซึ่งเส้นทางกว่าจะไปถึงดวงจันทร์ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะมันต้องผ่านการสูญเสียมากมายเพื่อเป้าหมายสำคัญของภารกิจ อันเป็นส่วนดีที่ชอบอีกอย่างที่หนังไม่ได้ทอดทิ้งเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้น
.
ฉากในยานอวกาศคือดีมาก การส่องกล้องออกไปนอกหน้าต่างโดยเห็นผนังยานดำทึบแบบมีกระจกช่องเล็ก ๆ มองออกไปข้างนอกทำหน้าที่ได้ดีในการทำให้คนดูเสมือนได้เข้าไปอยู่แทนที่นักบินอวกาศข้างในนั้น ฉากที่ชอบสุดคือยานหมุนบนอวกาศที่ท้าทายคนดูแข่งกับการต่อสู้ของตัวละครที่กำลังพยายามประคองตัวเองไม่ให้หมดสติ จริง ๆ ตัวละครใน First Man ต้องต่อสู้กับอะไรหลายอย่าง ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด, ต่อสู้กับความกดดันว่าโปรเจ็คต์จะล้มเหลว, ต่อสู้กับความเป็นความตายที่ห่างกันแค่เส้นบาง ๆ กั้น จะว่าไปก็ชอบเส้นแบ่งระหว่าง hero และ zero ความสำเร็จ/ล้มเหลว ซึ่งคนดูรู้ตอนจบอยู่แล้วแหละแต่เวลานั้นมันบีบคั้นคนในครอบครัวและตัวนีล อาร์มสตรอง อย่างแน่นอนเพราะมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าถ้าผิดพลาดจะลงเอยอย่างไร
Director: Damien Chazelle (ผู้กำกับ Whiplash, La La Land)
book: James R. Hansen
screenplay: Josh Singer
Genre: biography, drama, history
7.5/10
land-book 在 Land-book (landbook) - Profile - Pinterest 的推薦與評價
Land -book | We collect awesome websites to help creatives find inspiration & motivation to do rad stuff. ... <看更多>