รู้จักเรื่องราวของ Kildall ที่เสียโอกาสทองให้ Bill Gates ไปอย่างน่าเสียดาย /โดย ลงทุนแมน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “Microsoft Windows” เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาด ที่มากถึง 83%
นวัตกรรมดังกล่าว กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft อย่าง “Bill Gates” กลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐี ที่รวยที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินมากถึง 4.4 ล้านล้านบาท
โดยจุดเริ่มต้นของ Microsoft Windows เกิดจากการที่บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลกขณะนั้นอย่าง IBM เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC และกำลังตามหาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ ซึ่ง IBM ก็ได้เลือกทำสัญญากับบริษัท Microsoft ที่ในตอนนั้นเพิ่งก่อตั้งมาได้ 5 ปี
แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก Bill Gates แล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะอีกคน ที่เกือบได้เป็นผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ให้กับ IBM และอาจจะกลายมาเป็นแบบ Bill Gates ในทุกวันนี้
แล้วเขาคนนั้น คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
อัจฉริยะที่เกือบได้เป็น Bill Gates คนนั้น มีชื่อว่า “Gary Kildall”
Kildall เกิดในปี 1942 ที่เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่เดิม Kildall ตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบมาจะเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ แต่ระหว่างเรียนระดับปริญญาตรีเขาเริ่มสนใจเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Kildall จึงเรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอกในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
ในปี 1971 ช่วงที่ Kildall กำลังเรียนปริญญาเอก เขาได้ยินมาว่า Intel จะเปิดตัว ไมโครโพรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกที่ชื่อว่า “Intel 4004”
ไมโครโพรเซสเซอร์ ก็คือชิปขนาดเล็กที่มีแผงวงจรรวมจำนวนมหาศาล
ซึ่งนวัตกรรมนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คอมพิวเตอร์ ซึ่งแต่เดิมมีขนาดใหญ่ นิยมใช้กันแต่ในองค์กร มีขนาดเล็กลง จนเป็นไมโครคอมพิวเตอร์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในเวลาต่อมา
ด้วยความที่ Kildall สนใจเรื่องราวของไมโครโพรเซสเซอร์เป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจเข้าไปทำงานพาร์ตไทม์เป็นที่ปรึกษาให้กับ Intel ซึ่งหลัก ๆ แล้ว Kildall จะพัฒนาและเขียนโปรแกรมที่ใช้งานร่วมกับไมโครโพรเซสเซอร์ของ Intel ได้
จากจุดเริ่มต้นนี้ Kildall ก็ได้ต่อยอดจนสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์
ที่ชื่อว่า “CP/M” ที่นับว่าเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แรกของโลก
โดยก่อนหน้าที่จะมี CP/M คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องบนโลกจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาของใครของมัน แต่ Kildall ได้พัฒนา CP/M ให้เป็นระบบปฏิบัติการกลาง ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
แรงผลักดันในการพัฒนา CP/M และผลงานอื่น ๆ ของ Kildall เกิดขึ้นจากความหลงใหลในคอมพิวเตอร์
เพราะจริง ๆ แล้ว Kildall ไม่เคยสนใจเรื่องธุรกิจเลย แต่ภรรยาของเขาก็ได้โน้มน้าวให้จัดตั้งบริษัทเพื่อจดสิทธิบัตรระบบปฏิบัติการและทำธุรกิจจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ ทั้งคู่เลยร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Digital Research”
ลูกค้าที่เลือกใช้ CP/M ของ Digital Research ก็เช่น IMSAI 8080 ไมโครคอมพิวเตอร์ชื่อดัง ที่เปิดตัวในปี 1975 ซึ่งทำออกมาแข่งกับไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นตำนานอย่าง Altair 8800 ของบริษัท MITS
โดย Altair 8800 ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านั้น 1 ปี ยังใช้ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาใช้เฉพาะรุ่น ชื่อว่า BASIC ซึ่งซอฟต์แวร์นี้เองก็เป็นผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของบริษัทซอฟต์แวร์น้องใหม่ที่ก่อตั้งโดยชายวัย 20 ปี ที่ชื่อว่า “Bill Gates” ซึ่งเขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแล้วชวนเพื่อนมาตั้งบริษัท “Microsoft”
มาถึงในปี 1976 บริษัท Apple ก็ได้ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลกที่ชื่อว่า Apple I ก่อนที่ในปีถัดมาจะประสบความสำเร็จจาก Apple II ซึ่งบริษัท Apple เรียกว่าเป็น Home Computer ที่คนทั่วไปใช้งานได้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์
นั่นเลยทำให้ Apple II ได้รับความนิยมสูงมากและสามารถลบคำสบประมาทที่คนมักเถียงกันว่าคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เป็นเพียงอุปกรณ์สำหรับคนที่คลั่งไคล้ในคอมพิวเตอร์เท่านั้น คนทั่วไปคงไม่สนใจซื้อมาใช้งาน
ความสำเร็จของ Apple ก็ทำให้บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของโลกในขณะนั้นอย่าง IBM อยากเข้ามาร่วมในตลาดคอมพิวเตอร์สำหรับคนทั่วไปบ้าง
ในปี 1980 IBM จึงได้เริ่มออกแบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเรียกว่า Personal Computer หรือ PC แทน Home Computer แบบ Apple เพราะ IBM ไม่ได้มองว่าคอมพิวเตอร์จะต้องใช้แค่ที่บ้าน แต่จะถูกใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่านั้น อย่างเช่นการนำไปใช้งานตามออฟฟิศ
IBM ต้องการทำให้ PC เริ่มวางขายได้เร็วที่สุด IBM จึงโฟกัสที่การออกแบบฮาร์ดแวร์โดยใช้ชิปของ Intel ส่วนซอฟต์แวร์อย่างระบบปฏิบัติการ ทางบริษัทจะจ้างบริษัทขนาดเล็กพัฒนาแทน โดยหนึ่งในบริษัทที่ IBM ติดต่อไปก็คือ Microsoft ซึ่งในตอนนั้นเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียง 5 ปี
IBM เดินทางไปที่ออฟฟิศของ Microsoft ซึ่งเมื่อไปถึง IBM ได้ให้ Gates เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล เพราะ IBM ต้องการเก็บเรื่องที่กำลังพัฒนา PC ไว้เป็นความลับ
หลังจากนั้น IBM ก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ Gates ฟัง
แต่โชคร้ายที่ตอนนั้น Microsoft ยังไม่ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
Gates จึงได้แนะนำกับ IBM ว่าให้ไปหา Kildall แห่งบริษัท Digital Research ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ไว้แล้ว IBM ตัดสินใจเดินทางไปพบ Kildall ที่ซีแอตเทิลทันที
Gates โทรไปบอก Kildall ว่าจะมีคนสำคัญมากไปพบ ให้ปฏิบัติกับพวกเขาดี ๆ
แต่ Gates เล่ารายละเอียดให้ฟังไม่ได้เพราะติดสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลกับ IBM
Kildall ไม่รู้เลยว่ากลุ่มคนที่กำลังมาพบเขา จะมาจากบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลก
ซึ่งเขากลับคิดว่าคนที่ Gates เล่าถึงจะเป็นเพียงกลุ่มคนที่มาจากบริษัทขนาดเล็ก
เขาจึงไม่ได้สนใจมากนักและเขาก็ได้ขับเครื่องบินส่วนตัวไปอีกเมือง ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเขาไปขับเครื่องบินเล่นเพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือไปติดต่องานทางธุรกิจกันแน่
นั่นจึงทำให้เมื่อ IBM ไปถึงออฟฟิศบริษัท Digital Research ทีมงานจึงได้เจอแต่เพียงภรรยาของ Kildall ซึ่งก่อนที่ทีมงานจาก IBM จะแนะนำตัวและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการให้ฟัง
ทาง IBM ก็ได้ขอให้ภรรยาของ Kildall เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลก่อนเหมือนกับที่ให้ Gates เซ็น แต่ภรรยาของ Kildall ยังไม่ยอมเซ็นสัญญา
ซึ่งสาเหตุที่เธอไม่ได้เซ็นก็เพราะว่าเธอรู้สึกเหมือนโดนบังคับ
รวมถึงเธอก็อยากรอ Kildall กลับมาพูดคุยเองมากกว่า
ส่วนทาง IBM ก็เริ่มหัวเสียที่เธอไม่ยอมเซ็นสัญญา ทีมงานจาก IBM ก็รอต่อไปไม่ไหว
สุดท้ายแล้ว IBM จึงเดินทางกลับไปโดยยังไม่ทันได้เล่ารายละเอียดเรื่องระบบปฏิบัติการให้ฟัง..
หลังจากนั้น IBM เลยติดต่อไปหา Gates อีกครั้ง
Gates เห็นว่าโปรเจกต์ PC ของ IBM กำลังจะเปลี่ยนตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วโลกครั้งใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของเราให้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นแบบก้าวกระโดด
Gates เลยบอก IBM ไปว่า Microsoft สามารถทำระบบปฏิบัติการให้ได้
ทั้งที่ความจริงแล้ว ในตอนนั้น Microsoft ยังไม่มีอะไรเลย
ทางออกเดียวที่ Microsoft จะมีระบบปฏิบัติการไปเสนอให้ IBM ได้ทันเวลาก็คือ การควานหาผู้ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการไว้แล้วและไปซื้อต่อมา
Microsoft ไปเจอว่ามีโปรแกรมเมอร์ที่ชื่อว่า Tim Paterson ซึ่งทำงานในบริษัทเล็ก ๆ ที่ชื่อ Seattle Computer ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Q-DOS
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft จึงเดินทางไปพบ Paterson เพื่อเจรจาขอซื้อ Q-DOS และดึงตัว Paterson มาเพื่อดัดแปลง Q-DOS ให้เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เพื่อขายให้ IBM
โดยใช้ชื่อว่า “MS-DOS” โดยที่ Microsoft ไม่รู้ว่า Q-DOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ Paterson เลียนแบบและดัดแปลงมาจาก CP/M ของ Kildall
IBM ตกลงซื้อ MS-DOS ของ Microsoft แต่แทนที่ Microsoft จะขายระบบปฏิบัติการแบบครั้งเดียวจบ Gates เสนอกับทาง IBM ว่าให้ Microsoft ได้รับส่วนแบ่งจากทุกเครื่อง PC ที่ทาง IBM ขายได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ Gates เคยใช้มาแล้วตอนเขียนซอฟต์แวร์ให้ไมโครคอมพิวเตอร์ Altair 8800
ความนิยมของ PC จาก IBM ก็เป็นไปตามที่ Gates คาด เพราะหลังจากที่ “IBM PC” เปิดตัวในเดือนสิงหาคม ปี 1981 ผ่านไป 2 ปีแรก IBM PC สามารถขายได้กว่า 2 ล้านเครื่อง เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เกือบ 10 เท่า
และด้วยความที่ IBM PC มีราคา คิดเป็นเพียง 2 ใน 3 ของ Apple จึงทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกนำไปใช้กันทั่วไปในสำนักงาน จน IBM สามารถเอาชนะ Apple และกลายมาเป็นผู้ผลิต PC ที่ใหญ่สุดในโลกได้
แต่จุดอ่อนของ IBM PC ก็คือตัวเครื่องไม่มีอะไรซับซ้อนและเลียนแบบได้ง่าย
จึงทำให้ในเวลาต่อมา แบรนด์อื่นอย่างเช่น Compaq และ HP ซึ่งก็เป็นผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์เหมือนกันสามารถทำตามได้ ในขณะที่เจ้าของซอฟต์แวร์อย่าง Microsoft ก็ไม่เคยตกลงว่าจะขายระบบปฏิบัติการให้ IBM เจ้าเดียว..
Microsoft เลยสามารถขาย MS-DOS ให้กับคู่แข่งของ IBM ได้ทั้งหมด
ซึ่ง Microsoft ก็ยังใช้วิธีเดิมคือคิดส่วนแบ่งจาก PC ทุกเครื่องที่ขายได้
แต่สุดท้ายแล้ว ของเลียนแบบก็คือของเลียนแบบ
เพราะในภายหลัง MS-DOS ที่ดัดแปลงมาจาก Q-DOS ถูกพบว่าเป็นของที่เลียนแบบมาจาก CP/M ของ Kildall
พอ Kildall รู้ เลยจะฟ้องร้อง IBM และ Microsoft ว่าลอกเลียนแบบผลงาน
IBM ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เลยยอมวางขายระบบปฏิบัติการทั้ง 2 ยี่ห้อไปพร้อมกัน Kildall ดีใจได้เพียงไม่นาน ก็ต้องพบว่าราคาขาย CP/M ของเขา แพงกว่า MS-DOS ถึง 6 เท่า
ของคล้ายกันที่ใช้ทดแทนกันได้ แต่มีราคาต่างกันถึง 6 เท่า แถมคนส่วนใหญ่ได้รู้จักและลองใช้ MS-DOS มาก่อนจึงเริ่มคุ้นเคยและไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นที่ต้องลองอีกยี่ห้อหนึ่ง สุดท้ายแล้ว CP/M จึงหายไปจากตลาด
Microsoft จึงกลายเป็นผู้ชนะไป ซึ่งในเวลาต่อมา MS-DOS ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “Microsoft Windows” ที่ได้เปิดตัวในปี 1983 ก่อนที่จะเริ่มวางขายจริงในปี 1985
หลังจากพลาดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของ Kildall เขาได้หย่ากับภรรยา และใช้ชีวิตอยู่กับความสิ้นหวัง จนท้ายที่สุด เขาก็ได้จบลงที่กลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์ตั้งแต่นั้นมา
ส่วนบริษัท Digital Research ก็ถูกขายให้กับบริษัท Novell ในปี 1991
จนกระทั่งในปี 1994 Kildall ในวัย 52 ปี ก็เสียชีวิตลง จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในบาร์ ซึ่งเป็นเวลาเพียง 1 ปีก่อนที่ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 95 จะเปิดตัวและดังระเบิดไปทั่วโลก
ซึ่งก็น่าคิดเหมือนกันว่าหากวันนั้น Kildall ใส่ใจในสิ่งที่ Bill Gates พูดสักนิด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ จะมีเส้นทางที่ต่างจากเดิมมากแค่ไหน
Kildall อาจกลายเป็นมหาเศรษฐีคล้าย Bill Gates
Bill Gates อาจจะไม่ได้โปรเจกต์นั้น และ Windows คงไม่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เส้นทางที่เป็นไปแล้วก็คือ ทุกคนรู้จัก Windows และไม่รู้จัก CP/M..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2004-10-24/the-man-who-could-have-been-bill-gates
-https://www.forbes.com/forbes/1997/0707/6001336a.html?sh=65404ead140e
-https://www.theguardian.com/technology/blog/2004/oct/16/themanwhocou
-https://www.embedded.com/was-dos-copied-from-cp-m/
-https://medium.com/@Harasees_Singh/gary-kildall-the-inventor-of-operating-system-ccae7bb50e46
-https://bookjelly.com/the-tragic-story-of-gary-kildall/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Gary_Kildall
同時也有826部Youtube影片,追蹤數超過79萬的網紅佐賀よかでしょう。,也在其Youtube影片中提到,提供:EcoFlow Technology Japan株式会社 EcoFlow DELTA Max:https://bit.ly/3DX6zLV 佐賀よかでしょうは、田舎で生まれ育った男性6人で大自然の中色んなことにチャレンジする動画です。 ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー...
「twitter technology」的推薦目錄:
twitter technology 在 Facebook 的精選貼文
Invest in your Health with 2021’s Best Air Purifier: Blueair 3610
When you are at a point of breathing the same air over and over again, alongside your family members around or if you are like me who just got a kitten to live with you, here is where things can get pretty stuffy at home.
So what’s the solution? An air purifier of course!
In this video, I will be reviewing the Blueair 3610 air purifier, which not only looks very aesthetically pleasing but also apparently the best air purifier out right now, so let’s find out if it’s true.
If you find this video helpful and would love to watch more, you can SUBSCRIBE here:
https://bit.ly/2HqeKrW
Timecode:
00:00 - Intro
01:24 - Why Blueair?
03:03 - Build Quality
05:15 - Specifications
06:38 - Start-up
08:00 - HEPASilent™ Technology
11:01 - Conclusion
Get the Blueair 3610 Air Purifier at the link below using the promo code:-
BLUEAL100
Get RM100 off with min purchase of RM800 (with purchase of any Air Purifiers)
Promo code valid from today until 30 Sep 2021
https://shopee.com.my/blueair.os?smtt=0.0.9
Links mentioned in the video:
CBC News’ comparison video
https://www.youtube.com/watch?v=0uZKBlwLEFs
👨🏼💻 My Desk Setup 2020
https://youtu.be/xK1QUClu-V0
---
ABOUT ME:
Hey you! Thanks for checking out Adam Lobo TV on YouTube!
My name is Adam Lobo, I'm a Tech YouTuber from Kuala Lumpur, Malaysia, who creates high-quality tech reviews on YouTube, Instagram & Facebook and I am currently the only Malaysian Tech YouTuber who produces 6K Resolution content.
My passion is to help everyone to make a purchase decision with all the tech items I get my hands on, where you'll find weekly smartphones, tablets, audio, smart home and other cool tech related videos as well. I produce these videos at least twice a week so do consider subscribing to my channel.
Find me at these Social Media platforms:
YouTube (Adam Lobo TV) - https://www.youtube.com/c/adamlobotv/
Facebook (Adam Lobo TV) - https://www.facebook.com/adamlobotv/
Instagram (@adamlob0) - https://www.instagram.com/adamlob0/
Twitter (@adam_lob0) - https://twitter.com/adam_lobo
Website (Adam Lobo TV) - https://adamlobo.tv/
#adamlobotv #Blueair3610 #AirPurifier
twitter technology 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
สรุป Crypto Wallet ทุกรูปแบบ ที่นักลงทุนคริปโท ควรรู้จัก /โดย ลงทุนแมน
ช่วงที่ผ่านมา คริปโทเคอร์เรนซี ได้กลายมาเป็นหนึ่งสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนและนักเก็งกำไร
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ หลายคนจะให้ความสนใจกับผลตอบแทนที่หวือหวา
แต่สิ่งที่เรายังต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันเลย ก็คือเรื่องของความปลอดภัย
“Crypto Wallet” เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้เรา
รักษาความปลอดภัยแก่คริปโทเคอร์เรนซีของเราได้
Crypto Wallet คืออะไร
แล้วตอนนี้ มันมีกี่รูปแบบและสำคัญอย่างไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Crypto Wallet แม้จะแปลภาษาไทยตรงตัวว่า “กระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซี”
แต่มันไม่ได้มีลักษณะเดียวกันกับกระเป๋าเงินที่เราใช้เก็บธนบัตรหรือเก็บเหรียญเลย
หากเทียบให้เห็นชัด Crypto Wallet ในที่นี้จะเหมือนกับ “กุญแจ” สำหรับเข้าถึงตู้เซฟมากกว่า
โดย Crypto Wallet ก็เรียกได้ว่าเป็นตัวกลางที่ทำให้เราสามารถเข้าไปดูข้อมูลและทำธุรกรรมในบัญชีที่จัดเก็บคริปโทเคอร์เรนซีบนบล็อกเชนได้ นั่นเอง
ซึ่ง Crypto Wallet ประกอบไปด้วย 2 กุญแจ คือ Public Key และ Private Key
โดยทั้งสองประเภท จะเป็นชุดรหัสตัวเลขไม่ซ้ำกัน โดยแต่ละกุญแจก็มีหน้าที่แตกต่างกัน
Public Key หรือ Address เปรียบเสมือนเลขที่บัญชีธนาคารของเรา
โดยเราสามารถให้ Public Key กับคนอื่น
เพื่อที่อีกฝั่งสามารถโอนเงินมาสู่บัญชีของเราได้ถูกต้อง
Private Key ก็ตรงตามชื่อ กุญแจส่วนตัว
โดยเราจะรู้ได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
เพราะมันเปรียบเสมือนรหัสผ่านเข้าบัญชีธนาคารของเรา
ปกติ Private Key จะมีหน้าตาเป็นรหัสยาว ๆ จำยาก น้อยคนที่จะจำได้ เช่น 6bc87f0al58de02e32qc8o35 ส่งผลให้การนำไปใช้งานเป็นเรื่องที่ยาก
ปัจจุบัน จึงได้เกิดเทคนิคใหม่ในการเปลี่ยน Private Key ให้เป็นคำศัพท์ต่อ ๆ กันอย่างน้อย 12 คำ เพื่อที่ผู้ใช้งานจำได้ง่ายขึ้นและไม่ง่ายเกินไปจนคนอื่นเดารหัสได้ถูกต้อง สิ่งนี้เรียกว่า “Seed Phrase” นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น dog apple egg rain smile big eye friend you king boy love
ซึ่งหากมีใครรู้เลข Private Key ของเรา ไม่ว่าใครก็ตาม เขาคนนั้นก็จะสามารถเข้ามาทำธุรกรรมบนบัญชีเราได้
หรือหากเราลืมรหัสเสียเอง คริปโทเคอร์เรนซีที่เก็บไว้ก็จะหายไปในระบบตลอดกาล ไม่สามารถกู้รหัสผ่านเหมือนบัญชีธนาคารได้ เพราะมีเราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้
ดังนั้นการดูแล Private Key จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับคนที่ลงทุนในวงการคริปโทเคอร์เรนซี
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ ในปัจจุบันเกิด Crypto Wallet หลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองการใช้งานต่อนักลงทุนที่ต้องการแตกต่างกัน
โดย Crypto Wallet จะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Hot Wallet และ Cold Wallet
เริ่มกันที่ “Hot Wallet” คือ Wallet ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเกือบตลอดเวลา
ข้อดีคือ สะดวกต่อการใช้งาน จึงเหมาะกับกลุ่มเทรดเดอร์ที่ต้องเทรดอยู่บ่อยครั้ง
และยังเหมาะแก่การเก็บคริปโทเคอร์เรนซีจำนวนน้อย
แต่เมื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ก็จะมีความเสี่ยงจากการโดนแฮกตามมา รวมถึงไวรัสและมัลแวร์ต่าง ๆ
Hot Wallet ที่นักลงทุนนิยมใช้กันคือ Web Wallet หรือ Wallet บนเว็บไซต์เทรดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วไป
เช่น Bitkub, Binance, Zipmex และ Upbit
โดย Private Key ของเรา จะถูกดูแลโดยเว็บไซต์ที่ให้บริการ
เราเพียงแค่มี Username และรหัสผ่านของเว็บไซต์นั้นก็สามารถใช้งานได้เลย
ซึ่งความเสี่ยงอยู่ตรงนี้ หากเจ้าของบริหารไม่ดี จนคริปโทเคอร์เรนซีบริษัทถูกคนอื่นแฮกเอาไปเหมือนอย่างกรณี Mt. Gox แพลตฟอร์มซื้อขายที่เคยใหญ่สุดในโลก หรือแม้แต่เว็บไซต์เทรดขโมยเงินหนีไปเอง เหมือนอย่างกรณี Thodex แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีตุรกี เราก็จะไม่สามารถตามเงินคืนได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งกับ Mt. Gox และ Thodex
จึงเป็นที่มาของคำว่า “Not Your Keys, Not Your Coins”
หรือแปลเป็นไทยว่า “หากไม่ใช่กุญแจคุณ เหรียญที่คุณมีก็ไม่ใช่ของคุณ”
สะท้อนให้เห็นว่าแม้เราจะมีผู้ดูแลให้ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะปลอดภัย 100%
พูดถึงตรงนี้หลายคนอาจอยากสร้างความปลอดภัยแก่คริปโทเคอร์เรนซีของตัวเองกันมากขึ้น
แต่ก็อยากได้ความสะดวกสบายในการใช้งานที่ง่ายกว่า
จึงเป็นที่มาของ Hot Wallet แบบที่สอง นั่นก็คือ Mobile Wallet เป็นแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่เก็บ Private Key บนโทรศัพท์นั้นเลย ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานอย่างแน่นอน และมีฟังก์ชันให้ Back Up ข้อมูลอีกด้วย
แต่ความปลอดภัยจะขึ้นอยู่กับว่าโทรศัพท์ของเราปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตามก็ยังดีกว่าแบบแรกอย่างมาก
และ Hot Wallet แบบสุดท้ายคือ Desktop Wallet
ซึ่งจะไม่ค่อยแตกต่างจากแบบที่สองนัก เพียงแค่อยู่ในรูปแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ความรวดเร็วในการใช้งานจึงน้อยกว่าแบบโทรศัพท์
ข้อระมัดระวังของการใช้ Wallet ประเภทนี้ คือ ต้องไม่ลืมว่า Private Key ของเราจะอยู่บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็เคยมีตัวอย่างความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกาเบรียล เอเบ็ด นักธุรกิจ เจ้าของบิตคอยน์ 800 เหรียญ ได้ประสบพบเจอกับปัญหา เพราะไม่สามารถถอนบิตคอยน์มาใช้งานได้ เนื่องจากนำคอมพิวเตอร์ส่วนตัวไปล้างเครื่อง
ดังนั้นหากใครเลือกใช้ Desktop Wallet จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อม Back Up ข้อมูลคอมพิวเตอร์อยู่ตลอด
ตัวอย่าง Hot Wallet ที่ให้บริการทั้งบนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ เช่น Atomic Wallet, BitPay และ Exodus
และหาก Wallet ทั้งหมดที่กล่าวมา ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความปลอดภัยได้เพียงพอ
เราก็ยังมีกระเป๋าอีกประเภท คือ “Cold Wallet” หรือที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
ซึ่งความสะดวกในการใช้งานจะลดลง แต่ความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นสูงมาก
Hardware Wallet อุปกรณ์ที่หน้าตาคล้าย ๆ กับ Flash Drive
เช่น ของแบรนด์ Ledger, Trezor เป็นอีกสิ่งที่นักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีสายจริงจังชอบใช้กัน
เพราะมีความปลอดภัยสูงอันดับต้น ๆ ในบรรดาทุก Wallet
โดย Private Key จะถูกจัดเก็บบน Hardware นั้น ๆ เลย
วิธีใช้งานก็เพียงแค่เราเสียบ Hardware เข้ากับคอมพิวเตอร์
หลังจากนั้นใส่รหัสผ่าน เท่านี้ก็สามารถทำธุรกรรมได้ตามใจ
สำหรับรูปแบบสุดท้ายของ Cold Wallet ก็คือ “กระดาษ”
คนที่ใช้วิธีนี้ส่วนใหญ่มักพิมพ์ Public Key และ Private Key ในรูปของ QR Code
และเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งหากต้องการใช้ เพียงแค่สแกนเท่านั้น
แม้ว่าความเสี่ยงที่จะโดนโจรกรรมข้อมูลแทบเป็นศูนย์
แต่การเก็บเป็นกระดาษมักมีปัญหาในการรักษาอยู่เสมอ
ทั้งจากการหลงลืมและเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่เราไม่คาดคิด
สเตฟาน โทมัส โปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน เป็นหนึ่งในคนที่ประสบปัญหานี้โดยตรง
เขาจด Private Key ลงบนกระดาษ ซึ่งเวลาต่อมามันก็หายไป รวมถึงตัวเองก็จำรหัสไม่ได้
ส่งผลให้เขาต้องสูญเสียบิตคอยน์จำนวน 7,002 เหรียญ
หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 10,400 ล้านบาท..
ดังนั้นหากใครสนใจการเก็บรหัสประเภทนี้
ต้องมีความมั่นใจระดับหนึ่งว่า จะสามารถดูแลรักษา Wallet ได้
ไม่ใช่เลือกเพียงแค่เพราะอยากลดต้นทุนเท่านั้น
มาถึงตรงนี้ เราก็สามารถสรุปได้ว่า Crypto Wallet มีมากมายหลายรูปแบบ
ซึ่งก็ไม่มีอันไหนที่ดีหรือแย่ที่สุด ขึ้นอยู่กับสไตล์ของนักลงทุนแต่ละราย
เพราะสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ ไม่แพ้การศึกษาหาความรู้เรื่องสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนนั้น
ก็คือเรื่องของ “ความปลอดภัย”
เพราะไม่ว่าเราจะเก่งและสร้างผลตอบแทนได้มากเท่าไร
แต่หากเราประมาทเรื่องความปลอดภัย
เงินที่เราอุตส่าห์หามาได้ มันก็อาจหายไปได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.com/bitcoin-wallet
-https://www.nerdwallet.com/article/investing/best-bitcoin-cryptocurrency-wallet
-https://www.daytrading.com/crypto-wallet
-https://www.efinancethai.com/MoneyStrategist/MoneyStrategistMain.aspx?release=y&id=UEt6YjQya2F0QVU9
-https://www.nytimes.com/2021/01/12/technology/bitcoin-passwords-wallets-fortunes.html
twitter technology 在 佐賀よかでしょう。 Youtube 的最讚貼文
提供:EcoFlow Technology Japan株式会社
EcoFlow DELTA Max:https://bit.ly/3DX6zLV
佐賀よかでしょうは、田舎で生まれ育った男性6人で大自然の中色んなことにチャレンジする動画です。
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
釣りよかでしょう。がプロデュースするアウトドアブランド『ARAKA』
↓
▼ARAKA公式オンラインストア
https://araka-official.com/
▼ARAKA Twitter
https://twitter.com/araka_official?s=21
▼ARAKA Instagram
https://www.instagram.com/araka_official/
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
釣りよかのグッズ↓
https://muuu.com/videos/015386e0b43f3121
メインチャンネル 釣りよかでしょう
https://www.youtube.com/user/yoorai0121
料理チャンネル 釣りよか飯
https://www.youtube.com/channel/UCRT-74ovdMKOFBC96w_gfyQ
●インスタグラム●
https://www.instagram.com/tsuriyokach/?hl=ja
●Twitter公式アカウント●
https://twitter.com/tsuriyokach
●TikTok●
https://www.tiktok.com/@turiyokadesyou?source=h5_t
よーらい https://twitter.com/yoraaai
↑↑↑リストに釣りよかメンバー入ってます
Amazonのアソシエイトとして、佐賀よかでしょう。は適格販売により収入を得ています。
音楽素材/369様 http://www.369musiq.com/
素材提供 PIXTA様
#エコフロー #DELTAMax #バッテリー
twitter technology 在 モバイルドットコムTV Youtube 的最讚貼文
Xiaomi Pad 5を正直レビュー!デザイン・スピーカー・カメラ・動作・ベンチマーク・使用感もチェック!大特価セール詳細はコチラ→https://s.click.aliexpress.com/e/_pJFNA15
★気になったら詳しいレビュー記事も見てね!→https://www.mobile-com.net/xiaomipad5-feeling/
Xiaomi Pad 5のおすすめ保護フィルム→https://amzn.to/3EFrVOc
★ちえほんと椿さんを応援!ぜひチャンネル登録お願いします!⇒https://www.youtube.com/channel/UC-gVzqx-OqiA7YMx4yRkY8g
◾️動画の目次
0:00 Xiaomi Pad 5をレビュー!iPadキラー爆誕!
0:40 Xiaomi Pad 5のデザイン・カラーをチェック
2:10 Xiaomi Pad 5のディスプレイ・重さ・持ちやすさをチェック!
4:57 Xiaomi Pad 5の動作・ベンチマーク・ゲームテスト!
7:49 Xiaomi Pad 5の顔認証をチェック!指紋認証は非搭載!
8:16 Xiaomi Pad 5のカメラレビュー!画質&動画チェック
10:14 Xiaomi Pad 5のスピーカーの音質をチェック!
11:11 Xiaomi Pad 5のバッテリー持ちと発熱はどうなの?!
11:53 Xiaomi Pad 5の価格と安く買う方法!
12:40 Xiaomi Pad 5のの感想!良いところ&悪いところまとめ
端末提供:FANTACY TECHNOLOGY
■Androidスマホの選び方
動画▶https://youtu.be/HEV-EF1lbrI
■おすすめAndroidスマホランキング
動画▶https://youtube.com/playlist?list=PLfz2p4WLTRYkz7MOtZJ3C3Gb_zIRqH_hD
記事▶https://www.mobile-com.net/android-ranking/
■モバイルドットコムTVとは?チャンネル説明!
スマホ大好きちえほんとアシスタントの椿がお送りするガジェットチャンネル「モバイルドットコムTV」。最新のスマホやガジェットを買ってどんな魅力があるのかを紹介しています。スマホやガジェット選びに悩んでる人、どれにしようか迷ってる人にも分かりやすいよう比較なんかもしています。
★ちえほんのサブチャンネルはこちら→https://youtu.be/A_u_OJqs-xw
■運営ブログ
★モバイルドットコム→https://www.mobile-com.net/
■Twitter(ちえほんと椿がやってます♪)
★https://twitter.com/Mobilecom777
■Facebook
★https://www.facebook.com/Mobilecom777/
■Instagram
★https://www.instagram.com/mobile.comtv
-----------------------------------------------------
音楽・効果音お借りしております。
OtoLogic : https://otologic.jp
Song: Zero Venture - Point Of View (feat. Cadence XYZ)
Link: https://youtu.be/EnarUjBnLXw
Music promoted by FMW. Released by Mind Resurgence.
-----------------------------------------------------
#XiaomiPad5 #レビュー #Androidタブレット
twitter technology 在 Gameplay Mr. Ken Youtube 的最佳貼文
アカシッククロニクル 気づいたら最強RPG!
提供:Shanghai Moonton Technology
▼ダウンロードはこちらから
https://bit.ly/3ydt9f2
▼公式Twitterアカウント
https://twitter.com/AkakuroJP
▼公式HP
https://akakuro.moonton.com/
よろしければSNSなどでの拡散、チャンネル登録、高評価、感想をお願いします。
やる気が出ます!
SNSのフォローお願いします!
★Mr.Ken (Twitter)
https://twitter.com/GameplayMrKen
https://twitter.com/Rilm2525
★マネージャー (Twitter)
https://twitter.com/mikanchaaaaa
★動画編集者 (Twitter)
https://twitter.com/987002
★お問い合わせ&仕事連絡はこちらへ
buber_info@blueoceanmedia.jp