หนังสือเศรษฐกิจโลก 1,000 ปี เปิดให้อ่านในช่องทางดิจิทัลแล้ว เพียงตอนละ 5 บาท* ผ่านแอปพลิเคชัน Blockdit ใครสนใจกดเลย!
https://www.blockdit.com/posts/60f804a336e905243e2e58d6
*ใช้ 10 BD Coin ในการอ่าน โดยราคา BD Coin ขึ้นอยู่กับจำนวนในการซื้อ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 0.4-0.6 บาทต่อ BD Coin
同時也有79部Youtube影片,追蹤數超過19萬的網紅คุยการเงินกับที,也在其Youtube影片中提到,อย่ามองแค่นโยบายเดียว เป้าหมายระยะยาวของแต่ละประเทศสำคัญกว่าเพื่อปูทางไปสู่สิ่งที่วางไว้ บริษัทข้ามชาติไม่ได้มีแค่ Google Facebook Amazon บริษัทอื่นๆ...
「เศรษฐกิจโลก」的推薦目錄:
- 關於เศรษฐกิจโลก 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於เศรษฐกิจโลก 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於เศรษฐกิจโลก 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於เศรษฐกิจโลก 在 คุยการเงินกับที Youtube 的最讚貼文
- 關於เศรษฐกิจโลก 在 คุยการเงินกับที Youtube 的精選貼文
- 關於เศรษฐกิจโลก 在 คุยการเงินกับที Youtube 的精選貼文
- 關於เศรษฐกิจโลก 在 เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย วิกฤติจะมาหรือไม่? และกระทบหุ้น ... 的評價
- 關於เศรษฐกิจโลก 在 เศรษฐกิจโลก... - ธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailand 的評價
เศรษฐกิจโลก 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ทำไมมีคนบราซิล เชื้อสายญี่ปุ่น เป็นจำนวนมาก / โดย ลงทุนแมน
426,000 คน คือจำนวนประชากรญี่ปุ่น ที่ลดลงไปในปี 2020 ที่ผ่านมา
และรู้หรือไม่ว่า ประชากรญี่ปุ่นลดลง 2,600,000 คนแล้ว จากจุดสูงสุดในปี 2009
ทำให้ล่าสุดประชากรญี่ปุ่นเหลืออยู่ 126 ล้านคน
ด้วยอัตราการเกิดที่ลดลง และสัดส่วนผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
องค์กร OECD ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030
ประชากรญี่ปุ่นจะลดลง จนเหลือเพียง 121 ล้านคน
ซึ่งเรื่องนี้ จะนำมาซึ่งปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก
หนึ่งในทางออกที่น่าสนใจและเป็นไปได้ ก็คือ การเปิดรับแรงงานผู้อพยพจากต่างประเทศ
ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว
ทั้งการให้วีซ่าระยะ 5 ปี แก่แรงงานทั่วไป
และการอนุญาตให้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นได้อย่างถาวรสำหรับแรงงานทักษะสูง
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ในปี 2019 ญี่ปุ่น มีแรงงานต่างชาติอยู่ประมาณ 1.7 ล้านคน ซึ่งประกอบไปด้วย
1. ชาวจีน 418,327 คน
2. ชาวเวียดนาม 401,326 คน
3. ชาวฟิลิปปินส์ 179,685 คน
4. ชาวบราซิล 135,455 คน
อันดับ 1-3 เป็นแรงงานจากประเทศในทวีปเอเชียเหมือนกัน และตั้งอยู่ไม่ไกลจากญี่ปุ่นมากนัก
แต่สำหรับบราซิล ประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ คนละซีกโลกกับญี่ปุ่น
ทำไมถึงมีชาวบราซิลจำนวนมาก มาเป็นแรงงานในประเทศญี่ปุ่น ?
ญี่ปุ่น กับ บราซิล
2 ประเทศนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในปัจจุบัน ทุกคนทราบกันดีว่า ญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลก
ถึงแม้จะเจอปัญหาเศรษฐกิจมาตลอด 30 ปี นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990s
แต่ญี่ปุ่นก็ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำของโลก
แต่หากย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ราวปี ค.ศ. 1900
ประชากรส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นยังเป็นเกษตรกรยากจน
และเวลานั้นญี่ปุ่นมีประชากรมากถึง 44 ล้านคน
ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นหมู่เกาะที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีพื้นที่ทำการเกษตรน้อย
การขาดแคลนอาหารจึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นบางส่วนเริ่มอพยพไปทำมาหากินยังต่างแดน
โดยจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และฮาวาย
ซึ่งการอพยพในครั้งนั้น ก็ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลญี่ปุ่น
เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารภายในประเทศแล้ว แรงงานยังสามารถส่งเงินกลับมาพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนในญี่ปุ่นได้ด้วย
จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลญี่ปุ่น มีการทำสนธิสัญญากับราชอาณาจักรฮาวาย เพื่อส่งแรงงานไปทำงานในไร่อ้อยและไร่สับปะรด
จุดเปลี่ยนสำคัญคือหลังสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War) ที่จบลงในปี ค.ศ. 1905
ทำให้ทหารที่ว่างจากภาวะสงครามบางส่วน ต้องกลับมาแย่งงานประชาชนในญี่ปุ่น
จนทำให้ภาวะว่างงานในญี่ปุ่นยิ่งพุ่งสูงขึ้น
เมื่อบวกกับ การสิ้นสุดลงของสนธิสัญญาส่งแรงงานให้กับฮาวาย ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19
ประกอบกับการจำกัดผู้อพยพเชื้อสายเอเชีย ในสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย
ก็ทำให้จุดมุ่งหมายของแรงงานอพยพชาวญี่ปุ่น ต้องเริ่มเบนเข็มลงใต้
เปลี่ยนจากฮาวาย ไปยังทวีปกว้างใหญ่ ที่มีที่ดินทำการเกษตรมหาศาลอย่างอเมริกาใต้
โดยประเทศที่น่าสนใจที่สุด ก็คือ “บราซิล”
ในตอนนั้น เศรษฐกิจของบราซิล กำลังรุ่งเรือง
ด้วยการเติบโตของการส่งออกกาแฟ
กาแฟถูกนำเข้ามาปลูกในบราซิลตั้งแต่ศตวรรษที่ 18
เมื่อกาแฟเริ่มเป็นที่นิยมในยุโรป จึงเกิดการขยายตัวของการปลูกกาแฟในบราซิลเพื่อส่งออกไปยังยุโรป ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
โดยในช่วงแรกๆ บราซิลเน้นการใช้แรงงานทาสจากแอฟริกา
แต่เมื่อการค้าทาสสิ้นสุดลง จึงมีการอพยพของแรงงานจากยุโรปเข้าไปบราซิล โดยเฉพาะอิตาลี
แต่ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ และการใช้แรงงานหนัก
ทำให้ชาวอิตาลีอพยพมาทำงานในบราซิลน้อยลงเรื่อยๆ
ในปี ค.ศ. 1900 บราซิลที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าญี่ปุ่น 25 เท่า
และมีความต้องการขยายพื้นที่ปลูกกาแฟอย่างมหาศาล
แต่ในตอนนั้นบราซิล มีประชากรเพียง 17 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าญี่ปุ่นเกือบ 3 เท่า
บราซิลจึงกลายเป็นจุดหมายใหม่ของชาวญี่ปุ่นผู้ไม่เกี่ยงงาน และหนักเอาเบาสู้
ในปี ค.ศ. 1908 จึงมีการทำสัญญาส่งแรงงานอย่างเป็นทางการให้กับบราซิล
และชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรกเกือบ 1,000 คน ก็ออกเดินทางจากเมืองโกเบ มายัง เมืองเซาเปาลู
หลังจากนั้น ก็มีชาวญี่ปุ่นอพยพมาสู่บราซิลมากขึ้นเรื่อยๆ
จนสูงสุดเกือบ 100,000 คน ในช่วงทศวรรษ 1930s
ต่อมา ชาวญี่ปุ่นกลุ่มนี้ ก็เก็บหอมรอมริบ จากแรงงานในไร่กาแฟ เติบโตมาเป็นเจ้าของไร่
บางส่วนก็ออกมาเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ
โดยชาวญี่ปุ่นในบราซิลส่วนใหญ่ จะอาศัยอยู่ในเขตเมืองใหญ่ และเมืองศูนย์กลางธุรกิจทางตอนใต้ของบราซิล เช่น เซาเปาลู รีโอเดจาเนโร และซานโตส
จนในปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นที่เป็นลูกหลานของผู้อพยพ มีจำนวนประมาณ 2,000,000 คน
ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1% ของประชากรบราซิลทั้งประเทศ
และถือเป็นชุมชนชาวญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในต่างประเทศอีกด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็คือคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม ถึงมีชาวญี่ปุ่นในบราซิลเป็นจำนวนมาก นั่นเอง..
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของชะตากรรมทั้ง 2 ประเทศ คือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
บราซิลที่เคยรุ่งเรืองด้วยการส่งออกกาแฟ สินค้าเกษตร และแร่ธาตุต่างๆ ต้องพบเจอกับความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ จนเกิดเป็นวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้ง
ตรงกันข้ามกับญี่ปุ่น ที่แม้จะจบสงครามลงด้วยความพ่ายแพ้และสูญเสีย
แต่ก็พลิกฟื้นขึ้นมาจนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
เมื่อชะตากรรมพลิกผัน คราวนี้กลับกลายเป็นชาวบราซิล ที่อพยพเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นแทน..
ชาวบราซิลเชื้อสายญี่ปุ่นบางส่วน อพยพกลับมาทำงานยังถิ่นฐานของบรรพบุรุษ
โดยเฉพาะหลังช่วงทศวรรษ 1990s ที่วัยแรงงานของญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะขาลง
แต่ปัญหาของชาวบราซิลที่มีเชื้อสายญี่ปุ่นก็คือ ถึงแม้จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับชาวญี่ปุ่น
แต่การเติบโตในประเทศที่มีวัฒนธรรมแตกต่าง ทั้งภาษา ที่ชาวบราซิลเชื้อสายญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้ภาษาโปรตุเกส ไม่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ ทำให้ชาวบราซิลเชื้อสายญี่ปุ่นเหล่านี้ประสบปัญหาในการทำงานที่ต้องใช้ทักษะที่สูงขึ้น
ในขณะที่สังคมญี่ปุ่นที่มีความเป็นสังคมเชื้อชาติเดียวมาอย่างยาวนาน มีระบบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและแบ่งแยกชัดเจนระหว่างคนญี่ปุ่นด้วยกันกับคนต่างชาติ
ก็มีความกังวลว่าแรงงานต่างชาติจะนำปัญหามาให้ ทั้งอาชญากรรม ความขัดแย้งทางศาสนา และวัฒนธรรม
แรงงานอพยพเหล่านี้จึงถูกกดดัน ทั้งการเอารัดเอาเปรียบด้านค่าแรง และการยอมรับในสังคม ในขณะที่ลูกหลานของแรงงานก็ถูกข่มเหงรังแกในชั้นเรียน
แต่อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นก็ยังคงต้องการแรงงานจากต่างชาติ เพื่อเข้ามาเติมเต็มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิต และงานบริการตามร้านค้าต่างๆ
ก็เป็นที่น่าติดตามว่า ชาวบราซิลเชื้อสายญี่ปุ่น จะช่วยเติมเต็มความต้องการแรงงานได้หรือไม่?
และจะมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงสังคมของญี่ปุ่นในอนาคตอย่างไรบ้าง
และถ้าหันกลับมามองที่ประเทศไทยของเรา
ในปี 2019 ประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาแรงงานต่างชาติถึง 3 ล้านคน
และเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประชากรวัยแรงงานจะลดลงเรื่อยๆ ในอนาคต
ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แรงงานต่างชาติในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และแรงงานเหล่านั้น ก็มีส่วนสำคัญ
ในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.macrotrends.net/countries/JPN/japan/population-growth-rate
-https://www.nippon.com/en/japan-data/h00676/record-1-66-million-foreign-workers-in-japan-in-2019.html
-https://immigrationtounitedstates.org/599-immigration-convention-of-1886.html
-https://tdri.or.th/2020/02/japan-labor-issues/
เศรษฐกิจโลก 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง เทคโนโลยีทางการแพทย์ ? / โดย ลงทุนแมน
ปี 2020 เรามีวัคซีนป้องกันโรคระบาดที่ใช้เวลาคิดค้นรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
ด้วยเทคโนโลยี mRNA ที่ไม่เคยใช้กับวัคซีนที่วางจำหน่ายตัวไหนมาก่อน
และด้วยเทคโนโลยีเดียวกันนี้เอง กำลังได้รับการพัฒนาให้สามารถนำไปรักษาโรคเรื้อรังอื่นๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ
เวลานี้ ความหวังแห่งอนาคตถูกจับจ้องไปยังสิ่งที่เรียกว่า “ไบโอเทคโนโลยี”..
ไบโอเทคโนโลยี หรือ เทคโนโลยีชีวภาพ
คือ เทคโนโลยีที่นำเอาสิ่งมีชีวิต, ชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิต, ผลผลิตของสิ่งมีชีวิต มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร อาหาร เครื่องสำอาง
โดยเฉพาะในทางการแพทย์ ไบโอเทคโนโลยีคือพื้นฐานของการผลิตวัคซีนป้องกันโรค
การใช้ฮอร์โมนในการรักษาโรคเรื้อรัง ไปจนถึงการใช้ยีนในการรักษาโรคทางพันธุกรรม
และสำหรับประเทศที่เป็นผู้นำในด้านนี้ ไม่มีประเทศไหนที่จะโดดเด่นไปกว่า
“สหรัฐอเมริกา” อีกแล้ว
จากประเทศที่เพิ่งก่อตั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 18
สหรัฐอเมริกา ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกแห่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้อย่างไร?
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง เทคโนโลยีทางการแพทย์ ?
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
คนทั้งโลกรู้ว่าศูนย์กลางของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ที่ซิลิคอนแวลลีย์
ศูนย์กลางธุรกรรมการเงิน ตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก
ส่วนศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และสื่อบันเทิง ตั้งอยู่ที่ลอสแอนเจลิส
แล้วศูนย์กลางของอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ที่ไหน ?
ถึงแม้สหรัฐอเมริกาจะมีบริษัทยา และบริษัทไบโอเทคตั้งอยู่ในเมืองน้อยใหญ่กระจายทั่วประเทศ แต่สำหรับศูนย์กลางที่น่าสนใจที่สุด เวลานี้คงไม่มีที่ไหนจะโดดเด่นไปกว่า
“รัฐแมสซาชูเซตส์” ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ อีกแล้ว
หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับชื่อรัฐนี้ แต่หากบอกว่ารัฐแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเมืองบอสตัน
และเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาชั้นนำของโลก อย่าง MIT และ Harvard University
ก็คงพอจะเข้าใจได้ไม่ยาก
แต่ก่อนที่จะกล่าวถึงรัฐแมสซาชูเซตส์ ลงทุนแมนขอพาทุกท่านย้อนไปยังจุดเริ่มต้น
ของอุตสาหกรรมยาในสหรัฐอเมริกากันสักนิด
ในปลายศตวรรษที่ 19 สหรัฐอเมริกาเริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรมช้ากว่าหลายประเทศในยุโรป แต่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในโลกอุตสาหกรรมได้ ด้วยคุณสมบัติสำคัญ คือ การผลิตในปริมาณมาก หรือ Mass Production
ความเชี่ยวชาญในด้านการผลิต ค่อยๆ ถูกต่อยอดมาสู่อุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์
แต่สำหรับอุตสาหกรรมยา สหรัฐอเมริกายังตามหลังประเทศในยุโรปพอสมควร
โดยเฉพาะอังกฤษ และเยอรมนี
จุดเปลี่ยนสำคัญก็คือ ปี ค.ศ. 1941 ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่สอง
ในขณะที่ประเทศในยุโรปต่างบอบช้ำจากสงคราม สหรัฐอเมริกาที่อุตสาหกรรมก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ กลับแทบไม่ได้รับความเสียหาย ทั้งยังได้ประโยชน์จากการขายสินค้าให้กับประเทศในยุโรป ที่มัวแต่วุ่นวายอยู่กับสงคราม
และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ นักวิทยาศาสตร์เก่งๆ โดยเฉพาะชาวยิวจากทั่วยุโรป
ที่อพยพหนีการสังหารล้างเผ่าพันธุ์ของนาซี ได้อพยพเข้าไปอาศัยในสหรัฐอเมริกา
และช่วยพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์ เคมี และยาของสหรัฐฯให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
สหรัฐอเมริกายังมีมูลนิธิที่ให้การสนับสนุนการวิจัยด้านการแพทย์
ซึ่งหนึ่งในมูลนิธิที่ใหญ่ที่สุดก็คือ Rockefeller Foundation
ซึ่งก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีน้ำมัน John D. Rockefeller
มูลนิธินี้ได้ให้การช่วยเหลืองานวิจัยด้านการแพทย์มากมาย หนึ่งในงานวิจัยที่สำคัญคือ
การพัฒนายา Penicillin ให้สามารถผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม
Penicillin เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียตัวแรกของโลกที่ค้นพบโดยคุณหมอชาวอังกฤษ
แต่ถูกนำมาผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่สหรัฐอเมริกา
จากยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ถูกต่อยอดมาเป็นการพัฒนายารักษาโรคต่างๆ
และทำให้อุตสาหกรรมยาของสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของงานวิจัยด้านไบโอเทคโนโลยีทางการแพทย์
คือ การค้นพบโครงสร้างของ DNA โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ
DNA คือ สารพันธุกรรม ที่มีหน้าที่เก็บยีน หรือข้อมูลทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต
การศึกษาด้าน DNA สามารถต่อยอดไปสู่การวินิจฉัยโรค การรักษาโรค
การผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ
งานวิจัยด้าน DNA ได้รับความสนใจไปทั่วโลก และก็เป็นสหรัฐอเมริกาอีกเช่นกัน
ที่เป็นประเทศแรกๆ ที่ให้การสนับสนุนการวิจัยด้าน DNA และอนุญาตให้มีการทดลองด้าน DNA อย่างจริงจัง ในช่วงทศวรรษ 1970s
โดยหนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนที่สำคัญของการทดลองด้าน DNA
คือสภาของเมืองเคมบริดจ์ ในรัฐแมสซาชูเซตส์
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เขตเมืองบอสตัน-เคมบริดส์ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นเขตที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษากว่า 122 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ทั้ง Harvard University, MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology, Boston University, Tufts University และมหาวิทยาลัยระดับโลกอีกมากมาย
การสนับสนุนของสภาเมืองเคมบริดจ์ จึงเป็นเหมือนประตูที่เปิดโอกาสสู่โลกของการวิจัยด้านไบโอเทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างจริงจัง
ทำให้เกิดการจัดตั้งบริษัทไบโอเทคที่ต่อยอดจากงานวิจัยในห้องทดลอง มาสู่ภาคธุรกิจจริง
Biogen ก่อตั้งในปี 1978
เป็นบริษัทที่เน้นการวิจัยด้านพันธุวิศวกรรม ต่อยอดมาสู่ยาชีวภาพที่ใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์หลายชาติ หนึ่งในนั้นคือศาสตราจารย์จาก MIT
Genzyme ก่อตั้งในปี 1985
บริษัทที่เน้นการวิจัยด้านเอนไซม์ ก่อตั้งโดยศาสตราจารย์ด้านเคมีจาก Harvard University และต่อยอดจากงานวิจัยสู่การดัดแปลงเอนไซม์ที่ใช้ในการรักษาโรคผิดปกติทางพันธุกรรม
จากจุดเริ่มต้นในห้องทดลอง พัฒนามาสู่การก่อตั้งเป็นธุรกิจ
เขตเมืองบอสตัน-เคมบริดจ์ ที่หนาแน่นไปด้วยนักวิจัยอยู่แล้ว ก็ยิ่งดึงดูดทั้งนักวิทยาศาสตร์ และนักลงทุน ให้เข้ามามีส่วนร่วมให้การพัฒนางานวิจัยมากขึ้นไปอีก
แต่เนื่องจากการวิจัยและพัฒนาด้านไบโอเทคโนโลยี เป็นงานวิจัยที่ต้องใช้เงินทุนสูงมาก และมีความเสี่ยงมากที่จะขาดทุน ทำให้มีภาคเอกชนน้อยมากที่จะกล้าเสี่ยง
การสนับสนุนจากภาครัฐจึงเป็นกุญแจที่สำคัญ
โดยสหรัฐอเมริกา มีสถาบันสุขภาพแห่งชาติ หรือ National Institute of Health (NIH)
ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการวิจัยทางการแพทย์
ความโดดเด่นของรัฐแมสซาชูเซตส์ ในด้านบุคลากร สถาบันการศึกษา และบริษัทเอกชน
จึงทำให้เป็นรัฐที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก NIH มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 โดยในปี 2018 รัฐแห่งนี้ ก็ได้รับงบประมาณสนับสนุนกว่า 60,000 ล้านบาท
ในขณะที่รัฐบาลของรัฐแมสซาชูเซตส์เอง ก็ได้สนับสนุนให้มีการลงทุนในธุรกิจไบโอเทคโนโลยีอย่างจริงจัง โดยให้งบประมาณสนับสนุนมากถึง 30,000 ล้านบาท ในช่วงตลอดระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2008
และเป็นผู้นำในการจัดตั้งองค์กรเพื่อช่วยเหลือด้านการวิจัยเทคโนโลยีการแพทย์
หรือ Massachusetts Life Sciences Center (MLSC) ที่ทำหน้าที่ให้เงินทุนสนับสนุน ให้เงินทุนกู้ยืม
อบรมบุคลากร ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และช่วยวางแผนพัฒนาธุรกิจ ให้กับเหล่าบริษัทไบโอเทคที่เพิ่งก่อตั้งใหม่
การที่มีภาครัฐเข้ามาเป็นส่วนร่วมในภาคธุรกิจ เป็นแรงผลักดันสำคัญมากที่ทำให้งานวิจัยด้านไบโอเทคโนโลยีของสถาบันการศึกษา สามารถนำมาต่อยอดเป็นธุรกิจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
นำมาสู่การจัดตั้งบริษัทด้านไบโอเทคถึง 430 แห่งในช่วงทศวรรษ 2000s - 2010s
ซึ่งก็ล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเมืองบอสตัน และปริมณฑล
และหนึ่งในบริษัทที่น่าสนใจ ก็คือ..
Moderna ที่ก่อตั้งในปี 2013
บริษัทที่ก่อตั้งโดยศาสตราจารย์จาก Harvard University เน้นการวิจัยด้าน RNA ซึ่งเป็นเหมือนแบบแปลนของ DNA ที่สามารถถูกนำมาใช้ในการสร้างโปรตีน
งานวิจัยเรื่อง RNA ได้ถูกต่อยอดมาเป็นการใช้ mRNA หรือ messenger RNA ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างโปรตีนที่มีโครงสร้างเหมือนกับโปรตีนของโคโรนาไวรัส ที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตรวจพบ และสามารถผลิต Antibody มาป้องกันโรคได้
นำมาสู่การเป็นผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด 19 จาก mRNA เป็นรายแรกๆ ของโลก
ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนตัวไหนในท้องตลาดที่ใช้เทคโนโลยีนี้มาก่อน
นอกจากบริษัทใหม่ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
เขตเมืองบอสตัน-เคมบริดจ์ ยังดึงดูดบริษัทยายักษ์ใหญ่ทั่วโลก ทั้งบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Pfizer, Bristol Myers Squibb และบริษัทสัญชาติสวิสอย่าง Novartis
ให้มาตั้งสำนักงานวิจัย และพัฒนาด้านไบโอเทคโนโลยีในเขตนี้
จากจุดเริ่มต้นในทศวรรษ 1970s
ในวันนี้ รัฐแมสซาชูเซตส์คึกคักไปด้วยงานวิจัยด้านไบโอเทคโนโลยีทางการแพทย์
ต่อยอดจากงานวิจัยสู่บริษัทที่ผลิตทั้งวัคซีน ยารักษาโรค
ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่เปิดความเป็นไปได้ในการวินิจฉัย การเยียวยารักษาโรคอีกมากมาย
และเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้สหรัฐอเมริกา กลายเป็นเบอร์หนึ่งในวงการเทคโนโลยีทางการแพทย์ของโลก
หากไบโอเทคโนโลยีคือความหวังของการแพทย์แห่งโลกอนาคต
หนึ่งในที่ผู้กุมชะตาสำหรับโลกอนาคต ก็คงจะหนีไม่พ้น “สหรัฐอเมริกา”..
อ่านซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ในตอนก่อนหน้าทั้งหมดได้ที่แอป Blockdit blockdit.com/download
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References:
-http://www.bio-nica.info/biblioteca/Paugh1997BiotechnologyIndustry.pdf
-https://fivethirtyeight.com/sponsored/massachusetts-biotech/
-https://www.epmscientific.com/blog/2018/05/move-over-california-boston-is-now-the-worlds-no-dot-1-biotech-hub
-https://www.masslifesciences.com/why-ma/
-https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/vaccines/different-vaccines/mrna.html
เศรษฐกิจโลก 在 คุยการเงินกับที Youtube 的最讚貼文
อย่ามองแค่นโยบายเดียว เป้าหมายระยะยาวของแต่ละประเทศสำคัญกว่าเพื่อปูทางไปสู่สิ่งที่วางไว้
บริษัทข้ามชาติไม่ได้มีแค่ Google Facebook Amazon บริษัทอื่นๆอาจเหนื่อย ประเทศกำลังพัฒนาอยากดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุน อาจต้องแจกเงินโดยตรง เพราะอเมริกาแจกแล้ว
สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
https://www.youtube.com/channel/UC8qPSWixGtj9_Oz47-Y7wkQ/join
เศรษฐกิจโลก 在 คุยการเงินกับที Youtube 的精選貼文
9+2 GRATER BAY เกี่ยวข้องกับ one belt one road อย่างไร นี่คือแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของจีน
ในคลิปผมจะเล่าให้ฟังถึงนโยบายต่างๆที่จีนวางไว้ให้แต่ละเมืองให้มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การรวม และเชื่อมต่อแต่ละเมืองแต่ละอุตสาหกรรมจะยิ่งทำให้ผลทวีคูณ แล้วยังมีจุดมุ่งหมายหลักของจีนสำหรับ โครงการ 9+2 GRATER BAY นี้ด้วย
สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
https://www.youtube.com/channel/UC8qPSWixGtj9_Oz47-Y7wkQ/join
line @ T MONEY คุยกับผมทางนี้นะครับ
https://lin.ee/pE0OEWs
fb: คุยการเงินกับที
https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0...%E
0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0
%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5-189662501941804/?modal=admin_todo_tour
fb: กลุ่ม learn&earn ครับ
https://www.facebook.com/groups/31901...
เศรษฐกิจโลก 在 คุยการเงินกับที Youtube 的精選貼文
ประเทศอินเดียไม่ใช่ประเทศสุดท้ายยังมีอีกหลายประเทศตามมา และอีกหลายประเทศตอนนี้หนักกว่าอินเดีย
เราจำเป็นต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจประเทศต่างๆแล้วเนื่องจากผลกระทบจากการระบาด ทำให้ประเทศต่างๆเป็นหนี้มากขึ้น บางประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจก่อนปี2019 บางประเทศไม่ได้มีเครื่องมือทางการเงินมากมาย และหลายประเทศกำลังติดกับดักหนี้ เศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศจะสะท้อนไปที่ค่าเงิน และถ้าหลายๆประเทศค่าเงินอ่อนลงจะทำให้ค่าเงินดอลล่าล์สหรัฐมีการแข็งค่าขึ้น และอาจมีบางประเทศค่าเงินจะแข็งค่ามากกว่าที่ควรจะเป็น ย่อมที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สินทรัพย์ทางการเงิน การลงทุน และอัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อในที่สุด
LINK
fb: คุยการเงินกับที
https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5-189662501941804
เศรษฐกิจโลก 在 เศรษฐกิจโลก... - ธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailand 的推薦與評價
เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยหลังโควิด 19 : โรคปฏิวัติโลก ยกเครื่องสู่อนาคตวิถีชีวิตใหม่ . เพราะวิกฤติโควิด 19... ... <看更多>
เศรษฐกิจโลก 在 เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย วิกฤติจะมาหรือไม่? และกระทบหุ้น ... 的推薦與評價
MONEY TALK Special - เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย วิกฤติจะมาหรือไม่? และกระทบหุ้นอย่างไร ? - 19 ก.ค. 65. 7,170 views7.1K views. Jul 18, 2022. ... <看更多>