เกริ่นก่อน
ต้นเรื่องของบทความมันมีอยู่ว่า
คนญี่ปุ่นพยายามที่จะแก้ไขระบบการทำงานของญี่ปุ่นกันอยู่
โดยยกตัวอย่างการทำงานรับเป็นจ็อบๆไปของคนในยุโรป
ที่กลับบ้านตรงเวลากัน
แล้วบอกว่าของเขาดีอย่างนั้นอย่างนี้
เจ้าของบทความเลยอธิบายลึกลงไปหน่อย
ว่าที่เราได้ยินข่าวกันมานะ มันเป็นมายาคติ
แล้วมันมีปัจจัยหลักๆอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เล่าย่อๆ
-------------------------------
ในวัฒนธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่น
เราจะให้เขาเข้าทำงานระดับล่างกันก่อน
พอสะสมประสบการณ์ก็ค่อยๆให้ไปทำอย่างอื่นต่อ
พอทำไปนานๆก็เลื่อนตำแหน่งจนเป็นผู้บริหาร
ส่วนเงินเดือนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
-----
แต่วัฒนธรรมการรับจ็อบของคนยุโรปไม่ใช่อย่างนั้น
เวลาที่คุณเข้าไปทำงานอะไร
คุณก็ทำแต่หน้าที่นั้นไปตลอด
โดยที่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
ไม่ว่าคุณจะทำงานนั้นมานานเท่าไหร่ก็ตาม
ส่วนคนที่ไปทำงานบริหารได้นั้น
เพราะเขาเรียนเอาปริญญาความรู้ระดับสูงในด้านนั้นโดยเฉพาะ
แล้วเขาเริ่มงานในฐานะ "ผู้บริหารฝึกหัด"
---
แต่ในขณะเดียวกัน
การที่เขาทำงานนั้นอยู่อย่างเดียว
มันก็ทำให้เขามีความเชี่ยวชาญในงานนั้นมากขึ้น
...... จนเวลาการทำงานมันลดลง
อย่างสมมุติว่าคนญี่ปุ่นต้องใช้เวลาทำงาน
2000 ชั่วโมงต่อปีทำของอย่างเดียวกัน
คนยุโรปจะใช้เวลาราว 1500-1600 ชั่วโมง
นั่นเพราะเขาชำนาญงานเหล่านั้นกัน
..... และเวลาที่เพิ่มมานี่แหละ
เป็นเหตุที่ทำให้เขาไม่ต้องมาทำ OT
และสามารถหยุดพักร้อนเป็นเดือนได้
---------
คนที่เรียกว่าประสบความสำเร็จได้จะมีอยู่สองพวก
คือถ้าไม่ใช่คนที่มีผลงานด้านการบริหาร
ก็จะเป็นจำพวก Super Generalist ที่รับงานได้หลากหลายพร้อมกัน
แต่ถ้าคุณไปเป็นถึงขั้นนั้นไม่ได้
คุณก็ต้องยอมรับด้วยว่า
รายได้คุณจะไม่เพิ่มตลอดชีวิต ถ้าคุณทำงานแบบรับจ็อบ
-------------
แล้วเวลาที่เราพูดกันเรื่อง Work Life Balance
จะมีการยกเรื่องคนยุโรปสามารถกลับบ้านไปทานข้าวตอนกลางวัน
แล้วค่อยกลับมาทำงานได้ต่อ
ส่วนการเลิกงานตามเวลา 5 โมงเย็นก็ถือเป็นเรื่องปกติ
และจะไม่ยอมรับหน้าที่นอกเวลางานด้วย
เจ้าของบทความเคยลองถามคนยุโรปว่า
[สมมุติว่าถ้าเราทำงานเพิ่มอีกวันละชั่วโมง เป็นเลิก 6 โมงเย็น
แล้วเราได้เงินจาก OT มา
แล้วเราเอาเงินนี้ไปดื่มสังสรรค์เต็มที่กัน
มันก็เป็นวิถีชีวิตที่ดีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?]
พอเราพูดเรื่องนี้กัน
คนญี่ปุ่นจะจินตนาการกันว่าพวกเขาจะตอบแบบนี้
[เรากลับบ้านไปเพื่อทำงานอดิเรกกับเรียนรู้]
[เราไปทำสาธารณะประโยชน์ เพื่อสนุกกับการใช้ชีวิตในอีกสังคม]
ประมาณนั้น
แต่สิ่งที่เขาตอบกันจริงๆคือ
...............
......
...
..
.
......... [ฉันหิว เลยจะกลับบ้านไปกินข้าว]
.....
...
.
เรื่องของเรื่องคือ
ค่าใช้จ่ายในการกินนอกบ้านชาวยุโรปนั้นแพงมาก
แค่อาหารเช้านี่ก็ปาเข้าไป 10 Euro แล้ว
(เฉลี่ยแพงกว่าญี่ปุ่น 2-3 เท่า)
ส่วนอาหารเย็นก็ไม่ใช่ของที่เรากินนอกบ้านกัน
ถ้าจะกินนอกบ้าน มันต้องเป็นงานฉลองอย่างจำพวกวันเกิด
หรือไม่ก็ต้อนรับเพื่อนที่เดินทางมาไกลกัน
ซึ่งชีวิตที่พวกเขาใช้กันจริงๆนะ
คือชีวิตที่ค่าจ้างต่ำ แต่ค่าครองชีพสูง
แต่สิ่งที่พวกเขาได้มา
คือเวลาที่เพิ่มขึ้น ไม่ต้องทำ OT
และผู้หญิงก็สามารถทำงานได้เป็นปกติ
แล้วยิ่งมหาลัยในยุโรปนี่เรียนฟรีเกือบหมดด้วย
มันเลยทำให้เขาพอมีชีวิตอยู่กันได้
-----------------------
ส่วนเรื่องการเที่ยวพักร้อน
เราก็จินตนาการกันต่อว่า
ชาว Parisian คงไปพักร้อนกันที่เมืองท่องเที่ยวหรูๆ
อย่าง Nice กับ Toulon กัน
....... แต่มันไม่ใช่เลย
เขาเอาเสื่อน้ำเงินไปปูปิคนิคตั้งแคมป์นอกเมืองกัน
ซึ่งจุดตั้งแคมป์เหล่านี้ก็จัดไว้ให้โดยองค์กรท้องถิ่น
คือถ้าเราไปถามอาจารย์มหาลัยที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆเลย
เขาก็จะบอกกันได้ว่า
พวกคนเหล่านี้เขาใช้ชีวิตสมถะกันขนาดไหน
และถึงจะไปบาร์กันบ้าง
แต่พอมันหมดเวลาหาความสุข
เงาของผู้คนมันก็หายกันไป
-----------------------
ถ้าคุณจะยกเอาตัวอย่างการทำงานเหล่านี้มาใช้
คุณจะต้องแยกให้ได้ก่อนว่า
คนที่เขาทำงานในระบบนั้นกันจริงๆ
เขาใช้ชีวิตกันอย่างไร
อย่าเอามันมารวมกันกับชีวิตของผู้คนที่มีฐานะ
และเวลาที่เราจะยกเอาเขามาเป็นตัวอย่าง
เราจะต้องเจาะจงก่อนแล้วว่า เราพูดถึงคนกลุ่มไหนกัน
- พวกคนรับจ็อบที่พอทำงานเสร็จก็เอาเวลาไปกลับบ้านนอน
-- เพราะไม่มีเงินจะไปกินข้าวนอกบ้าน
- หรือพวกชนชั้นนำ ที่รับหน้าที่หนักๆตั้งแต่จบมหาลัยกันแล้ว
-- เพราะเขาไม่ต้องไปทำหน้าที่เป็นเด็กเช็ดโต๊ะกันก่อน
แต่ในขณะเดียวกัน
ชนชั้นนำนั้นจะประสบความสำเร็จได้
ก็ต่อเมื่อพวกเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำกันได้
ซึ่ง [คนที่เลือกครอบครัวก่อน]
ก็จะถูกผลักออกจากเส้นทางประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
---------------------
นอกไปจากนี้
คนที่อยู่ในกลุ่มรับจ็อบนั้น
เขาใช้ชีวิตกันอยู่ในสังคมที่ถือเป็น[นกในกรง]
คือไม่สามารถเอาตัวออกมาจากตรงนั้นได้
และพอมีคนต่างด้าวเข้าไปแย่งงาน
(ซึ่งถึงแม้จะมีแค่ 10%)
ก็ทำให้ความคิดอุดมการณ์รักชาตินั้นแรงขึ้น
จนเข้าไปร่วมกลุ่มกับฝ่ายขวารุนแรงอย่าง Neo Nazi กันไม่น้อย
และประเทศที่พรรคฝ่ายขวาได้รับการสนับสนุนถึง 40%
ก็มีด้วยเช่นกัน
--------------------------
ถ้าเราเลือกที่จะเอาวิธีการทำงานแบบยุโรปมาใช้
เราก็ต้องมาดูด้วยว่า
การทำงานแบบยุโรปเองนี่แหละ
ที่เป็นตัวสร้าง 2 ชนชั้นนี้ขึ้นมาด้วยเช่นกัน
https://project.nikkeibp.co.jp/HumanCapital/atcl/column/00004/112700008/
ワークライフバランス 在 株式会社ワーク・ライフバランス 的相關結果
福利厚生の一環ではなく経営戦略としてのワーク・ライフバランスを実現するためのコンサルティングを提供します。組織体制は企業様ごとに千差万別。 ... <看更多>