頂著2度的低溫,緊抓著厚外套不放,見到一片雪地,開始玩得不亦樂乎,全身也跟著暖了起來。
.
皎潔的白雪似乎有一種感召的魔力,大人小孩都為之瘋狂。
.
來到這個遺世獨立的旅遊勝地,褪去所有煩惱擔憂,追求最純真的快樂。
.
這也許就是一種旅行的意義。
.
Came here with just 2 degree, when we just got off from the car, we all wore the heavy jacket, then for a while we played in the snow playground, even though the low temperature, we still felt warm, no cold could freeze us.
.
The pure white snow seems have a magical power, attract people to feel them, no age limitation.
.
In this isolated wonderland, forgot all the concerns, just leave the pure happiness.
.
I think it's kind of a meaning of traveling.
.
#純白的初雪讓人為之瘋狂
#覺得手都快凍傷了
#沒有事情比快樂更重要
#GDworld遊世界
#跟著gd去流浪
.
#加拿大打工度假 #班夫國家公園 #banff #jaspernationalpark #athabascaglacier
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「limitation meaning」的推薦目錄:
- 關於limitation meaning 在 100% GDworld Life 小資夫婦流浪記 Facebook 的精選貼文
- 關於limitation meaning 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳貼文
- 關於limitation meaning 在 歪畸 Facebook 的最佳貼文
- 關於limitation meaning 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於limitation meaning 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
- 關於limitation meaning 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
- 關於limitation meaning 在 Limitation Meaning - YouTube 的評價
limitation meaning 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳貼文
คำปรารถรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ไทย-อังกฤษ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ตราไว้ ณ วันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐
เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน
CONSTITUTION OF THE KINGDOM OF THAILAND
HIS MAJESTY KING MAHA VAJIRALONGKORN BODINDRADEBAYAVARANGKUN
Enacted on the 6th Day of April B.E. 2560;
Being the 2nd Year of the Present Reign.
ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนกาลเป็นอดีตภาค ๒๕๖๐ พรรษา ปัจจุบันสมัย จันทรคตินิยม กุกกุฏสมพัตสร จิตรมาส ชุณหปักษ์ ทสมีดิถี สุริยคติกาล เมษายนมาส ฉัฏฐสุรทิน ครุวาร โดยกาลบริเฉท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า นายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลว่า นับแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช ๒๔๗๕ เป็นต้นมา การปกครองของประเทศไทยได้ดำรงเจตนารมณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุขต่อเนื่องมาโดยตลอด แม้ได้มีการยกเลิก แก้ไขเพิ่มเติม และประกาศใช้รัฐธรรมนูญเพื่อจัดระเบียบการปกครองให้เหมาะสมหลายครั้ง แต่การปกครองก็มิได้มีเสถียรภาพหรือราบรื่นเรียบร้อยเพราะยังคงประสบปัญหาและข้อขัดแย้งต่าง ๆ บางครั้งเป็นวิกฤติทางรัฐธรรมนูญที่หาทางออกไม่ได้ เหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มี
ผู้ไม่นำพาหรือไม่นับถือยำเกรงกฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมืองทุจริตฉ้อฉลหรือบิดเบือนอำนาจ หรือขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล ซึ่งจำต้องป้องกันและแก้ไขด้วยการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมาย และเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบคุณธรรมและจริยธรรม แต่เหตุอีกส่วนหนึ่งเกิดจากกฎเกณฑ์ การเมือง
การปกครองที่ยังไม่เหมาะสมแก่สภาวการณ์บ้านเมืองและกาลสมัย ให้ความสำคัญแก่รูปแบบ และวิธีการยิ่งกว่าหลักการพื้นฐาน
ในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่อาจนำกฎเกณฑ์ที่มีอยู่มาใช้แก่พฤติกรรมของบุคคลและสถานการณ์ในยามวิกฤติที่มีรูปแบบและวิธีการแตกต่างไปจากเดิมให้ได้ผล
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๘
จึงได้บัญญัติให้มีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อใช้เป็นหลักในการปกครอง และเป็นแนวทางในการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น โดยได้กำหนดกลไกเพื่อจัดระเบียบและสร้างความเข้มแข็งแก่การปกครองประเทศขึ้นใหม่
ด้วยการจัดโครงสร้างของหน้าที่และอำนาจขององค์กรต่าง ๆ
ตามรัฐธรรมนูญ และสัมพันธภาพระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับ
ฝ่ายบริหารให้เหมาะสม การให้สถาบันศาลและองค์กรอิสระอื่น
ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
อย่างมีประสิทธิภาพ สุจริต เที่ยงธรรมและมีส่วนในการป้องกันหรือแก้ไขวิกฤติของประเทศตามความจำเป็นและความเหมาะสม
การรับรอง ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยให้ชัดเจนและครอบคลุมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยถือว่าการมีสิทธิเสรีภาพเป็นหลักการจำกัดตัดสิทธิเสรีภาพเป็นข้อยกเว้น แต่การใช้
สิทธิเสรีภาพดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เพื่อคุ้มครองส่วนรวม การกำหนดให้รัฐมีหน้าที่ต่อประชาชนเช่นเดียวกับการให้ประชาชนมีหน้าที่ต่อรัฐ การวางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบที่เข้มงวด เด็ดขาด เพื่อมิให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล เข้ามามีอำนาจในการปกครองบ้านเมืองหรือใช้อำนาจตามอำเภอใจ และการกำหนดมาตรการป้องกันและบริหารจัดการวิกฤติการณ์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจน ได้กำหนดกลไกอื่น ๆ ตามแนวทางที่รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ระบุไว้
เพื่อใช้เป็นกรอบในการพัฒนาประเทศตามแนวนโยบายแห่งรัฐ
และยุทธศาสตร์ชาติซึ่งผู้เข้ามาบริหารประเทศแต่ละคณะจะได้กำหนดนโยบายและวิธีดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ทั้งยังสร้างกลไกในการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญและจำเป็นอย่างร่วมมือร่วมใจกัน รวมตลอดทั้งการลดเงื่อนไขความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศมีความสงบสุข
บนพื้นฐานของความรู้รักสามัคคีปรองดอง การจะดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ให้ลุล่วงไปได้ จำต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประชาชนทุกภาคส่วนกับหน่วยงานทั้งหลายของรัฐตามแนวทางประชารัฐภายใต้กฎเกณฑ์ตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและประเพณีการปกครอง
ที่เหมาะสมกับสถานการณ์และลักษณะสังคมไทย หลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน และหลักธรรมาภิบาล อันจะทำให้สามารถขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างเป็นขั้นตอน จนเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทั้งในทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ในการดำเนินการดังกล่าว คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
ได้สร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ในหลักการและเหตุผลของบทบัญญัติต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงร่างรัฐธรรมนูญและความหมายโดยผ่านทางสื่อต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสารัตถะของร่างรัฐธรรมนูญด้วยการเสนอแนะข้อควรแก้ไขเพิ่มเติม เมื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ก็ได้เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญและคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญโดยสรุปในลักษณะที่ประชาชนสามารถเข้าใจ
เนื้อหาสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญได้โดยสะดวกและเป็นการทั่วไป และจัดให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อให้ความเห็นชอบแก่
ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ในการนี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติเสนอประเด็นเพิ่มเติมอีกประเด็นหนึ่งเพื่อให้มีการออกเสียงประชามติในคราวเดียวกันด้วย การออกเสียงประชามติปรากฏผลว่า ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติโดยคะแนนเสียงข้างมากของ
ผู้มาออกเสียงประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ่มเติมดังกล่าว คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจึงดำเนินการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามติในประเด็นเพิ่มเติม และได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าเป็นการชอบด้วยผลการออกเสียงประชามติแล้วหรือไม่ ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
แก้ไขเพิ่มเติมข้อความบางส่วน และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการแก้ไขตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายกรัฐมนตรีจึงนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ต่อมา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีขอรับพระราชทานร่างรัฐธรรมนูญนั้นคืนมา
แก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะบางประเด็นได้ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ นายกรัฐมนตรีจึงนำร่างรัฐธรรมนูญนั้นขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยสืบไป ทรงพระราชดำริว่าสมควรพระราชทานพระราชานุมัติ
จึงมีพระราชโองการดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
ให้ตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับนี้ขึ้นไว้ ให้ใช้แทนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งได้ตราไว้ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตั้งแต่
วันประกาศนี้เป็นต้นไป
ขอปวงชนชาวไทย จงมีความสมัครสโมสรเป็นเอกฉันท์
ในอันที่จะปฏิบัติตามและพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้
เพื่อธำรงคงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและอำนาจอธิปไตยของ
ปวงชนชาวไทย และนำมาซึ่งความผาสุกสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคล อเนกศุภผลสกลเกียรติยศสถาพรแก่อาณาประชาราษฎรทั่วสยามรัฐสีมา สมดั่งพระราชปณิธานปรารถนาทุกประการ เทอญ
May there be virtue. Today is the tenth day of the waxing moon in the fifth month of the year of
the Rooster under the lunar calendar, being Thursday,
the sixth day of April under the solar calendar,
in the 2560th year of the Buddhist Era.
His Majesty King Maha Vajiralongkorn
Bodindradebayavarangkun is graciously pleased to
proclaim that the Prime Minister has respectfully informed that since PhrabatSomdet Phra Paramintharamaha Prajadhipok Phra Pokklao Chaoyuhua graciously granted
the Constitution of the Kingdom of Siam, B.E. 2475 (1932), Thailand has continuously and always maintained
the intention to adhere to a democratic regime of government with the King as Head of State. Even though Constitutions have been annulled, amended and promulgated on several occasions to suitably reorganise governance, there was still no stability or order due to various problems and conflicts. At times, those events degenerated into Constitutional crises which cannot be resolved. This was partially caused by there being persons ignoring or disobeying governance rules of the country, being corrupt and fraudulent, abusing power, and lacking a sense of responsibility towards the nation and the people, resulting in the ineffective enforcement of law. It is, therefore, necessary to prevent and rectify these matters by reforming education and law enforcement, and strengthening the system of merits and ethics.
Other causes are governance rules which are inappropriate to the situation of the country and the times,
the prioritisation of forms and procedures over basic principles of democracy, or the failure to effectively apply, during the crises, existing rules to individuals’ behaviours and situations, the forms and procedures of which differ from those of the past.
The Constitution of the Kingdom of Thailand (Interim), B.E. 2557 (2014) Amendment (No. 1), B.E. 2558 (2015) accordingly provides that there shall be a Constitution Drafting Committee to draft a Constitution to be used
as the principle of governance and as a guide for preparing organic laws and other laws by prescribing
new mechanisms to reform and strengthen the governance of the country. This is to be carried out by: appropriately restructuring the duties and powers of organs under
the Constitution and the relationship between the legislative and executive branches; enabling Court institutions and
other Independent Organs that have duties to scrutinise
the exercise of State powers to perform their duties efficiently, honestly and equitably, and to participate in preventing or solving national crises, as necessary and appropriate; guaranteeing, safeguarding and protecting Thai people’s rights and liberties more clearly and inclusively by holding
that the Thai people’s rights and liberties are the principle, while the restriction and limitation thereon are exceptions, provided that the exercise of such rights and liberties must be subject to the rules for protecting the public; prescribing the duties of the State towards people,
as well as requiring the people to have duties towards the State; establishing strict and absolute mechanisms to prevent, examine and eliminate dishonest act and wrongful conduct to prevent executives who lack moral virtue, ethics and good governance from ruling the country or using power arbitrarily; prescribing measures to prevent and manage crises in the country more efficiently;
and, prescribing other mechanisms in accordance with the direction specified by the Constitution of Thailand (Interim), B.E. 2557 (2014). These are to be used as
a framework for developing the country, in line with
the directive principles of State policies and the National Strategy, from which each Administration shall prescribe
the appropriate policies and implementation. Additionally, this establishes mechanisms to work together to reform the country in various aspects that are important
and necessary, as well as to reduce the causes of conflict, so that the country can be at peace on the basis of unity and solidarity. The successful implementation of these matters demands cooperation among the people from all parts and all agencies of the State, in accordance with the direction of the Civil State, pursuant to the rules
under the principles of a democratic regime of government and constitutional conventions that are suited to
the situation and the nature of Thai society, the principles
of good faith, human rights and good governance.
This will in turn drive the country to progressively develop to become stable, prosperous and sustainable, politically, economically and socially, under the democratic regime of government with the King as Head of State.
Pursuant to the foregoing undertakings,
the Constitution Drafting Committee has periodically imparted knowledge and understanding to the people
of the principles and rationale of provisions of the Draft Constitution, has provided the people opportunities to widely access to the Draft Constitution and its meaning through different media, and has involved the people
in the development of the essence of the Draft Constitution
through receiving recommendations on possible revisions. Once the preparation of the Draft Constitution was complete, copies of the Draft Constitution and a brief primer
were disseminated in a way which allowed the people to easily and generally understand the main provisions of the Draft Constitution, and a referendum was arranged to approve the entire Draft Constitution. In this regard,
the National Legislative Assembly also passed a resolution
introducing one additional issue to be put to vote
in referendum on the same occasion. The outcome of the referendum was such that people having the right to vote, by a majority of votes of the people voting in the referendum, approved such Draft Constitution and additional issue. The Constitution Drafting Committee accordingly revised the relevant parts of the Draft Constitution to be
in accordance with the outcome pertaining to
the additional issue of the referendum, and referred
the revision to the Constitutional Court for consideration
as to whether it is in conformity with the outcome of the referendum. The Constitutional Court thereafter rendered
a decision for the Constitution Drafting Committee to partially revise the texts. The Constitution Drafting Committee has made a revision according to the decision of
the Constitutional Court. Accordingly, the Prime Minister respectfully presented the Draft Constitution to the King. Thereafter, the Constitution of the Kingdom of Thailand (Interim), B.E. 2557 Amendment (No. 4), B.E. 2560 (2017) provides that the Prime Minister may respectfully ask for the return of that Draft Constitution from the King
to make an amendment thereto on certain issues.
After the amendment is complete, the Prime Minister thereby respectfully presented the Draft Constitution to the King for signature and subsequent promulgation
as the Constitution of the Kingdom of Thailand, and
the King deemed it expedient to grant His Royal assent.
Be it, therefore, commanded by the King that
the Constitution of the Kingdom of Thailand be promulgated to replace, as from the date of its promulgation,
the Constitution of the Kingdom of Thailand (Interim), B.E. 2557 (2014) promulgated on the 22nd July B.E. 2557.
May all Thai people unite in observing, protecting and upholding the Constitution of the Kingdom of Thailand in order to maintain the democratic regime of government
and the sovereign power derived from the Thai people, and to bring about happiness, prosperity and dignity to His Majesty’s subjects throughout the Kingdom according to the will of His Majesty in every respect.
limitation meaning 在 歪畸 Facebook 的最佳貼文
我相信相信當年死於無情槍火與坦克下的學子
想見到的不是大家每年只有哭喪著臉的悼念而無理性深切的反思
若大家只哀悼他們的死亡,而忘記他們當初所抱持的信念,這樣實在是白費了他們的犧牲
紀念六四不應只是一種點蠟燭、喊口號的儀式
紀念六四應有的態度是以八九民運的勇士為榜樣:對公義和自由有一份應有的執著,對暴政強權有奮身反抗的勇氣,對自己的家園有願意付出的精神。
同時,我們必須緊記中共的邪惡,對於這個殘暴且無恥的政權,我們絕對不能妥協退讓;對於一切向其獻媚的奸佞之徒,我們也絕對不能容忍。
所謂「愛國」或「建設民主中國」,對於港人而言只是華而不實的煽情之談,對於香港的前途毫無禆益,反而令香港的民主進程裹足不前,在地抗爭、自立尋生才是港人的出路
當然,獨立自決不能一蹴而就,除了實際參與各種抗爭行動之外,大家還可以在改變議會、捍衛言論自由、對抗洗腦教育......等議題上盡一分力:做助選義工也好,傳揚民主思想也好,就政府各政策的諮詢去信表達意見也好......有很多事情是我們可以做、應該做的
就算未能像當年的勇士般置生死於度外,至少也要犧牲一點享樂的時間為香港做點事,讓自己對得起這片土地、對得起下一代
共勉之。
愛國盡頭乃殘民赤禍 痛悟前非當自立尋生
香港大學學生會六四宣言
廿七年前的春夏之交,中國翻起巨變,人人以為民主、自由即將降臨。可惜事與願違,一場波瀾壯闊的民主運動,最後以血腥鎮壓告終,無數市民學子魂斷於國家機器之下,遭秋後算帳而身陷囹圄、痛遭刑劫者亦不計其數。學生以愛國之名掀起學潮,豈料國家卻早已遭殘民以逞的共匪竊去。墨寫的謊話,掩不住血色真相。縱然身處相對自由的國度,本着良知與公義,港人一直未有遺忘八九年的這段歷史。可惜,在一河之隔的中國人民,卻似乎早為獨裁者的巧言令色矇蔽,沉醉於暴發戶式的中國夢當中,除極少數的維權份子以外,根本無人願意直視政權之非人暴行。廿七年後再回首,六四屠城無疑標誌着中共錯失最後一個自我完善的機會。六四以後,中國與民主正式話別,民權不彰而黨政威權當道,公權力無限膨脹,貪污腐敗無所制約,優良文化日漸消亡,社會自此走上一條不歸之路。
六四屠城不獨是中國的轉捩點,更是港人主體身份建立的一個分水嶺。一方面,它扼碎了港人對中國改革開放的幻想,催生香港本位主體意識;另一方面,卻又矛盾地將港中兩地人民的命運混為一談,扼殺主體意識。多年來,維園六四集會與愛國主義互相捆縛,已成不可割裂的雙胞胎。今日,我們提出重鑑六四屠城的歷史意義,無非是要告訴各位,在愛國的囈語以外,更重要是肯定人民對自由、民主的美好追尋。而談論自由、民主,最後必然會踏上建立主體的道路,亦即今日年輕人高喊的自主自決。尤其當我們認清「黨即是國,國即是黨」之本質後,就會發覺愛國與民主兩者之間存在根本抵觸,是以「建設民主中國」斷無理由成為香港之政治議程。以愛國情懷為基調的悼念方式,亦應劃上句號。一如世界各地,中國的民主理應由在地人民爭取,港人無理要承受這份強加的責任,更不應廉價地遙距「建設民主中國」以期自保。否定港人「建設民主中國」之責任,絕不等同主張兩地公民社會斷絕來往。正如港台兩地之公民互動,香港大可與中國治下受壓迫的人民交換經驗,惟動機非出於一份不存在的「責任」。
六四,絕不只是每年一次點起燭光、哭喪哀嚎。某些政黨、政客口口聲聲說要結束一黨專政,平日卻受制於「愛國緊箍咒」,對中共政權誠惶誠恐,奉若神明,甚至為見京官而扭盡六壬,絲毫不敢挑戰中共之主權合法性。香港的政治問題從來只有一個,就是關於代價的承受。第一次前途問題時,大部分港人以至政客皆未有汲取六四教訓,欠缺對香港主體性及主體的想像,欠缺當家作主的勇氣加上誤信中共「港人治港,高度自治」的糖衣毒藥,香港民主進程因而一再耽誤。可惜歷史沒有如果,只有教訓。往日不可諫,來日猶可追,我們絕不能重蹈覆轍!
從今以後每年六四,我們遙祭六四死難者之際,請同時為被出賣的香港默哀,更要矢志為2047前途自決鞠躬盡瘁。有人說,中共奉行帝國主義,中國因素無遠弗屆,香港難以偏安一隅。今日新世代主張港人自決,決非要掩耳盜鈴,而是知其不可為而為之。面對中共壓境,香港自決與獨立運動應運而生,我們比任何潑冷水的人都要清楚當中現實考量與限制,但我們更清楚:民主必須站着爭取,而非跪着乞求。民主,從來都是自我充權、自我實現的過程,是故我們必須將身份認同轉化成抗爭武器,對抗強權壓迫,為自己、下一代謀取更大政治權利。
短短數年光景,在部份人眼中曾是無稽之談的本土思潮,今日已進入主流政治議程。的確,無人能夠斷言,本土思潮必然會引領港人走向救贖,但在時代的分岔口之上,一邊通往汪洋大海,另一邊卻是通往赤紅的地獄。對此,我們作出一個明確的抉擇:即使航向未知的前方,亦不與魔鬼打交道。同時,我們更要高聲告訴獨裁者,服從絕非毫無條件之事。香港,我們必定會拚死守護。
Patriotism only ends in hardship and panic,
We repent to misdeeds to cling on to our lives
Declaration of the Hong Kong University Students’ Union on the Tian’anmen Massacre
Twenty-seven years ago, China underwent a change in the midst of spring and summer, looking forward to the emergence of democracy and freedom. In contrary, the striking democratic movement ended only in suppression and bloodshed. Countless citizens and students deceased under the state apparatus. Those who were latterly reprised and put in jail or tortured were also hard to number. Starting the student movement in the name of patriotism, students would have never imagined their country to have been taken over by communist evil who harmed people for their own doing. Lies written in black and white can never disguise the bloody truth. Even though Hongkongers live in a slightly freer place, we, with conscience and justice, have never forgotten this history of 1989. Unfortunately, on the opposite shore of the river, the Chinese seem to have long been blinded by the dictators’ fine words and actions, drowning in the nouveau-riche Chinese dream. There is no one who combats the regime’s atrocity, except very few rights defence protesters. In retrospect twenty-seven years later, the Tian’anmen Massacre marked the last chance for the Chinese Communist to improve itself, which it had missed. After the Massacre, China bid her final goodbye to democracy. Human rights was ruined amid the heyday of the party authoritarian. While the authority expanded infinitely, corruption and collusion were out of limit. As the respectable culture was undermined, society reached a point of no return.
The Tian’anmen Massacre is not only a turning point for China, but also a watershed in Hongkongers building of sense of identity. On one hand, it destroys our fantasy towards China’s Reform and Opening Up, sparking the Hongkonger’s subjective consciousness; on the other, it, paradoxically, muddles up the destiny of Hongkongers and Chinese, knocking the subjective consciousness back down. Over the years, the Victoria Park vigil and patriotism have been chained up to be an inseparable pair of twins. Today, revisiting the historical meaning of the Massacre is to tell everyone that it is more important to recognise the pursuit for freedom and democracy, than the absurdity in patriotism. As we debate over freedom and democracy, they must lead us to a new subjectivity, which is exactly the self-determination that youngsters are now chanting for. As we have realised the truth of China being nothing but a party state, ‘patriotism’ and pursuit of democracy and freedom actually contradict one another fundamentally. ‘Building a democratic China’ shall thus not be included in Hong Kong political agenda. Commemoration based on patriotism shall also be put to an end. Similar to anywhere in the world, Chinese democracy should be fought for by no other but their own people. Hongkongers have no reason to take up such forced duty, let alone ‘building a democratic China’ from afar at such a cost in order to protect ourselves. Denial of the responsibility of ‘Hongkongers building a democratic China’ never means an end to interaction between civil societies of the two nations. Just like the interaction between citizens of Hong Kong and Taiwan, of course Hong Kong can share our experience with Chinese suppressed by the Communist. But the aim of such action must not be based on a non-existent ‘duty’.
The fourth of June should never be only about wailing and whining amid candlelight once every year. While some political parties and politicians keep on proclaiming their ideal to end the one-party dictatorship, they are yet bounded by the ‘Patriotic incantation of Golden Hoop’ day in, day out. They fear and worship the Communist regime. They do whatever it takes to meet officials from Peking, never even challenging a bit of the Communist legitimacy on our sovereignty. Hong Kong is always bothered by only one political problem. It is the cost that we can take. In face of the first Future of Hong Kong discussion, most Hongkongers and even politicians had failed to learn the lesson from the Massacre, lacking the imagination towards Hong Kong subjectivity, let alone the courage to take charge of our homeland. Together with the sugar-coated poison of ‘Hong Kong people ruling Hong Kong, High degree of autonomy’, Hong Kong democratisation was only delayed. Unfortunately, there is never ‘what if’ in history, but only lessons. We may not be able to alter our past, but we still have a say in our future. We shall never make the same mistake twice.
On every 4th June since today, while mourning the deceased in the Massacre from afar, we pay our silent tribute to Hong Kong, a place which has long been betrayed, pledging our strong will for self-determination towards the future after 2047. Some may argue that the Chinese Imperialism shall only make Chinese factors ubiquitous and Hong Kong can never remain uninfluenced at this small piece of land. The new generation upholding Hongkongers’ self-determination is never an attempt to deceive, but to do something that is known to be unlikely to succeed. As a result of the Communist encroachment, revolt in self-determination and independence movement in Hong Kong begin. We are more than well-informed of the realistic considerations and limitation than anyone who only douses us with cold water. Yet, it is more than clear that: for democracy, we must stand and fight, but never kneel and beg. Democracy is always a process of self-empowerment and self-realisation. We therefore must turn our sense of identity into our weapon in protests. We must struggle against the regime and seek for the most political rights for ourselves, and our next generation.
Only a few years may have gone by, but the localist ideology which was once a farce in most people’s mind has already entered the major political agenda. Indeed no one can be sure that such localist ideology can usher Hongkongers into salvation. But at this fork of our age, one way is towards the deep blue sea, and the other is towards the bloody red hell. For this we make a clear decision: we may navigate to the uncharted, but we never mix with the evils. In the meantime, we must shout at the dictators that they must pay the cost if they wish for our compliance. Hong Kong, we must protect it with our lives.
limitation meaning 在 Limitation Meaning - YouTube 的推薦與評價
Video shows what limitation means. The act of limiting or the state of being limited.. A restriction; a boundary, real or metaphorical, ... ... <看更多>